วันนี้ (20 มิ.ย.60) เวลา 14.20 น. ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงกรณีนายเสกสรรค์ ประเสริฐกุล นักวิชาการ ออกมาระบุ รัฐบาลและ คสช. จะอยู่บริหารราชการแผ่นดินยาว 10 ปีว่า เรื่องดังกล่าวที่นายเสกสรรฯ ออกมาพูดเป็นเรื่องที่พูดมานานแล้วก็ปล่อยให้พูดไป ซึ่งใครออกมาพูดอะไรก็รับฟังโดยต้องพิจารณาว่าจะนำเอามาเป็นสาระมากน้อยเพียงใด ขณะที่ที่ประชาชนต้องพิจารณาและใช้วิจารณญาณ ซึ่งจะเป็นไปได้อย่างไรที่รัฐบาลจะอยู่ 10 ปี เพราะกลไกต้องนำไปสู่การเลือกตั้งซึ่งจะเกิดขึ้นในปี 2561
ส่วนความเห็นที่เกี่ยวข้องกับระบบ primary vote นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องการพิจารณาของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ก่อนที่จะมาถึงรัฐบาล ซึ่งขณะนี้เรื่องยังไม่ถึงรัฐบาล ทั้งนี้ หลายอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ได้รัฐบาลครั้งต่อไปที่มีธรรมาภิบาล
สำหรับการเดินหน้าเรื่องโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีนภายหลังการออกคำสั่งมาตรา 44 นายกรัฐมนตรี กล่าวชี้แจงเรื่องเงินลงทุนว่า ยังไม่ได้มีการระบุจะไปกู้เงินจากที่ใด เมื่อพิจารณาในประเทศยังคงมีเงินรองรับพอสมควร ยืนยันว่าจีนไม่เคยเรียกร้อง เพียงแต่เป็นการเสนอข้อพิจารณาว่าหากใช้ของจีนดอกเบี้ยจำนวนเท่าใด ซึ่งต้องนำมาประกอบการพิจารณาแหล่งเงินทุนจากที่อื่นด้วย หากตรงไหนดอกเบี้ยต่ำกว่าก็ใช้ตรงนั้น อย่างไรก็ตามการดำเนินโครงการรถไฟดังกล่าวต้องพิจารณาให้ครอบคลุมทุกมิติดคำนึงผลประโยชน์ที่ประชาชนและประเทศชาติจะได้รับในอนาคตเป็นสำคัญ นอกจากความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งวันนี้ได้ให้แนวทางกับข้าราชการในการที่จะต้องคิดใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะการทำงานต่าง ๆ ต้องไม่เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด แต่ต้องมองว่าการทำงานจะเอื้อประโยชน์อย่างไรต่อประเทศชาติในอนาคต "make different for future" ซึ่ง make different คือ ให้ต่างจากของเดิม ส่วน for future ไม่ใช่มองเพียงวันนี้วันเดียว รวมทั้งไม่ใช่มองข้อขัดแย้ง มองปัญหา มองเรื่องทุจริต ซึ่งขณะนี้รัฐบาลพยายามแก้ทุกเรื่องเพื่อไปสู่ future ขณะเดียวกันการทำงานวันนี้ต้องหาเป้าหมายให้พบ ให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย และต้องจัดสรรงบประมาณให้เหมาะกับประชาชนทุกภาคส่วน โดยต้องเฉลี่ยรายได้ส่วนใหญ่ลงมาสู่ประชาชนคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งต้องมีการเปลี่ยนแปลงจากของเดิมบ้าง โดยยืนยันว่าจะต้องไม่ได้รับผลประโยชน์ลดลงจากเดิมที่เคยได้รับอยู่
ขณะที่เรื่องของ (ร่าง) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .. หรือกฎหมายบัตรทอง นั้น นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า จากที่ได้รับรายงานกรณีดังกล่าวไม่ได้มีการลดสิทธิประโยชน์ในเรื่องการรับบริการด้านสุขภาพแต่อย่างใด แต่เป็นการบริหารจัดการระบบบริการและแก้ไขระบบบริหารจัดการในการใช้จ่ายงบประมาณให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และลงไปสู่ประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยยืนยันไม่มีการยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค รัฐบาลคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นสำคัญ และให้ประชาชนสามารถเข้าถึงยาที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม โดยเฉพาะยาบางชนิดซึ่งมีราคาแพงสามารถผลิตเองได้ภายในประเทศทำให้ลดการนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งจะส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงยาในราคาที่เหมาะสมได้มากขึ้น
------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th