วันนี้ ( 27 มิ.ย. 60) เวลา 14.10 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องที่นายกรัฐมนตรีให้แนวทางแก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในการที่จะดำเนินการปฏิรูปตำรวจว่า การดำเนินการดังกล่าวจะต้องมีคณะกรรมการทั้งในส่วนของรัฐบาลและของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งสำนักงานตำรวจฯ มีคณะกรรมการที่แต่งตั้งอยู่แล้ว โดยคณะกรรมการที่จะมาดำเนินการในส่วนของรัฐบาลนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณารายชื่อบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียและมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ คณะกรรมการทั้ง 2 ส่วนดังกล่าวจะต้องมีแนวทางการทำงานที่มีความสอดคล้องต้องกัน ดังนี้ 1) ให้พิจารณาถึงเรื่องขององค์กร เช่น เรื่องของโครงสร้าง ระบบงาน ภารกิจ บทบาท และอำนาจหน้าที่ จะเป็นอย่างไร 2) กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม เช่น กฎ ระเบียบ กติกา การป้องกันการทุจริต ระบบการสอบสวน จะมีแนวทางอย่างไร และ 3) บุคลากร เช่น การเลื่อนตำแหน่ง การแต่งตั้งโยกย้าย การเจริญเติบโตในสายอาชีพ สวัสดิการต่าง ๆ เป็นต้น
สำหรับการปฏิรูปตำรวจ คณะกรรมการทั้ง 2 คณะจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 1 ปี ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ประกาศ ซึ่งขณะนี้เหลือเวลาประมาณ 9 เดือน นายกรัฐมนตรีจึงได้กำหนดตารางระยะเวลาดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามแผนและห้วงเวลาที่กำหนดไว้ ดังนี้ 1) จากนี้ไป 2 เดือนแรกให้รวบรวมปัญหาต่าง ๆ และศึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงไปยังปัญหาอื่น ๆ อีกหรือไม่ 2) ระยะเวลา 4 เดือนต่อไปจะเป็นการนำปัญหาที่ศึกษาเรียบร้อยแล้ว มากำหนดวิธีการปฏิบัติและแก้ไขกฎหมาย และในช่วง 3 เดือนสุดท้ายเป็นการสื่อสารทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ทั้งเจ้าหน้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประชาชนทั่วไป และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมีส่วนได้ส่วนเสียทั้งหมด เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับรู้และเกิดความเข้าใจว่าการปฏิรูปดังกล่าวมีความเปลี่ยนแปลงและมีผลดี ตลอดจนสามารถแก้ไขข้อบกพร่องหรือปัญหาที่เกิดขึ้นในอดีตอย่างไร เพื่อให้สังคมเกิดการยอมรับอันจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นและศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการขับเคลื่อนกระบวนการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
----------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th