วันนี้ ( 11 ก.ค. 60 ) เวลา 13.50 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่ง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รายงานที่ประชุมครม. รับทราบเกี่ยวกับเรื่องพระราชบัญญัติการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ พ.ศ. .... และพระราชบัญญัติแผนและขั้นตอนการดำเนินการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. .... ภายหลังผ่านความเห็นชอบสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และได้ส่งกลับมายังรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ แล้ว
ทั้งนี้ เมื่อ พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาและมีผลบังคับใช้แล้ว สภาปฏิรูปประเทศ (สปท.) จะสิ้นสุดวาระลงทันที ซึ่งก่อนที่ สปท. จะหมดวาระลงจึงถือโอกาสเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อหารือแลกเปลี่ยนความเห็นในประเด็นต่าง ๆ โดยนายกรัฐมนตรี จึงได้ให้แนวทางให้จัดประชุมหารือร่วมกันที่ห้องประชุมสภาฯ โดยจะมีการเชิญแม่น้ำทุกสายเข้าร่วมประชุมหารือในครั้งนี้ด้วย
พร้อมกันนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า หลังจากที่กฎหมายทั้ง 2 ฉบับดังกล่าวได้ประกาศใช้แล้ว ภายใน 15 วัน จะต้องมีการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ จำนวน 11 คณะ โดยมีองค์ประกอบคณะละ 15 คน ซึ่งปัจจุบันได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไปแล้ว 2 คณะ คือ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) และคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา โดยปัจจุบันเหลืออยู่ 9 คณะ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจาก ครม. รวมถึงการดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ก็ให้ดำเนินการลักษณะเช่นเดียวกัน โดย ครม. ต้องแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ทั้งนี้ คาดว่าแผนการปฏิรูปประเทศด้านต่าง ๆ และแผนยุทธศาสตร์ชาติจะแล้วเสร็จเรียบร้อยประมาณกลางปีหน้า (พ.ศ.2561)
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะมีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ แล้ว แต่คณะกรรมการภายใต้ ป.ย.ป. ทั้ง 4 คณะจะยังคงปฏิบัติหน้าที่เช่นเดิมต่อไป จนถึงประมาณกลางปีหน้า (พ.ศ.2561) ก่อนพิจารณาความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ย.ป. อีกครั้ง รวมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่า การใช้จ่ายงบประมาณในการดำเนินงานของ ป.ย.ป. ไม่ควรใช้จ่ายงบฯ มาก เนื่องจากเป็นที่จับตาของทุกคน เพราะในอนาคตจะมีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ และคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ เข้ามาทำงานตรงนี้ด้วย
นอกจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้แจ้งต่อที่ประชุมรับทราบถึงเรื่องคำสั่งแต่งตั้งปลัดกระทรวงว่า ให้แต่ละกระทรวงไปจัดทำแผนในภาพรวมให้เรียบร้อยก่อน สัปดาห์นี้จึงขอไม่นำเรื่องคำสั่งแต่งตั้งปลัดกระทรวงเข้ามาพิจารณาในที่ประชุมครม. ถึงแม้จะมีการเสนอเข้ามาแล้ว จำนวน 14 คน ทั้งนี้ การพิจารณาแต่งตั้งจะนำเรื่องเข้าที่ประชุม ครม. พิจารณาแบ่งเป็นแต่ละรอบไป เช่น รอบปลัดกระทรวง รอบผู้ตรวจ รอบรองปลัดกระทรวง รอบอธิบดี เป็นต้น
----------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th