วันนี้ (22 กรกฎาคม 2560) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่านายกฯ ชื่นชมสตาร์ทอัพไทยคว้ารางวัลที่ 1 โมเดลธุรกิจโลก สร้างนวัตกรรมยกระดับคุณภาพชีวิตชาวนา แนะรัฐ เอกชน เกษตรกร จับมือปั้นผู้ประกอบรุ่นใหม่ ปรับวิธีคิด เปลี่ยนพฤติกรรมไปสู่สิ่งที่ดีกว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชื่นชมความสำเร็จของบริษัท สยามออร์แกนิค จำกัด ธุรกิจสตาร์ทอัพไทย ที่สามารถคว้ารางวัลที่ 1 จากการประกวดโมเดลธุรกิจสตาร์ทอัพ ชีวาส เวนเจอร์ จากทั่วโลกรวม 30 ธุรกิจ ซึ่งจัดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา มาครองได้ โดยมุ่งหวังให้เป็นต้นแบบของการพัฒนาธุรกิจสตาร์ทอัพและสร้างแรงบันดาลให้เกษตรกรหันไปปรับวิธีคิด เปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อก้าวไปสู่สิ่งที่ดีว่า
“นายกฯ ระบุว่า รัฐบาลพยายามอย่างมากที่จะกระตุ้นให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพที่นำความรู้ เทคโนโลยีและนวัตกรรมไปสร้างสรรค์เป็นผลงานหรือสินค้าและบริการออกสู่ตลาด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ขณะเดียวกันจะต้องเปลี่ยนแปลงภาคการเกษตรรูปแบบเดิม เป็นเกษตรสมัยใหม่ โดยนำหลักการเดียวกับการพัฒนาสตาร์ทอัพไปปรับใช้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม”
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า ปัจจุบันชาวนาไทยกว่า 17 ล้านคนมีต้นทุนการทำนาที่สูงมาก แต่กลับมีรายได้ต่ำ โดยมีปัญหาหลักอยู่ที่ เมล็ดพันธุ์ไม่ดี ตลาดไม่แน่นอน และผลผลิตน้อย โดยบริษัท สยามออร์แกนิค ได้ทำงานร่วมกับชาวนาไทยเพื่อปลูกข้าวอินทรีย์สายพันธุ์ใหม่ที่ปราศจากการตัดต่อพันธุกรรม (GMO) ใช้ชื่อว่า “แจ็สเบอร์รี่” สีม่วงเข้มคุณภาพดี ผลผลิตจากงานวิจัยของคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องเมล็ดพันธุ์
ส่วนปัญหาการตลาด ได้ใช้วิธีให้ราคารับซื้อจากเกษตรกรสูงกว่าข้าวหอมมะลิถึง 2 เท่า และรับประกันการรับซื้อข้าวทุกเมล็ด เพื่อจูงใจให้ชาวนามาร่วมเครือข่าย รวมทั้งยังแก้ปัญหาเรื่องผลผลิตต่ำ โดยเลือกใช้ปุ๋ยที่มีคุณภาพ ให้น้ำอย่างเหมาะสม และอบรมให้ความรู้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง โดยผลผลิตทั้งหมดมุ่งเจาะตลาดบนหรือลูกค้าที่มีรายได้สูง และส่งออกเป็นหลัก พัฒนารูปลักษณ์ให้ทันสมัย ทำให้ชาวนามีรายได้ที่ดีขึ้น
“นายกฯ แนะให้หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และเกษตรกร จับมือร่วมกันสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่ในลักษณะเดียวกับบริษัท สยามออร์แกนิค โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ หรือกระทรวงอุตสาหกรรม จะต้องพูดคุยกันเพื่อหาเจ้าภาพดำเนินการให้สำเร็จ ทั้งนี้ จากการดำเนินงานของสยามออร์แกนิคในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ช่วยให้ผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้นปีละประมาณร้อยละ 40 มีเกษตรกรในเครือข่าย 600 ราย ซึ่งมีรายได้สูงกว่าเกษตรกรรายอื่น ๆ ถึง 8 เท่า โดยปี 2559 เพียงปีเดียวเกษตรกรกลุ่มนี้มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 8 ล้านบาท”
…………………………………………………
สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th