วันนี้ (24 ก.ค. 2560) เวลา 11.00 น. นายทอดด์ แมกเคลย์ (The Honourable Todd McClay) รัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ เข้าเยี่ยมคารวะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ณ ห้องรับรอง 1 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล สรุปสาระสำคัญดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีที่รัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์เดินทางมาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมพิธีลงนามในพิธีสารเพื่อแก้ไขความตกลงความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจที่ใกล้ชิดกันยิ่งขึ้นไทย – นิวซีแลนด์ (Thailand-New Zealand Closer Economic Partnership Agreement: TNZCEP) ร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ในช่วงบ่ายของวันนี้ รวมถึงแสดงความขอบคุณรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลและประชาชนนิวซีแลนด์ในการวางพวงมาลาถวายราชสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ โดยรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ได้กล่าว ชื่นชม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ว่าเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมและน่ายกย่อง
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์ต่างแสดงความยินดีที่ไทยและนิวซีแลนด์มีความสัมพันธ์ที่ดีและมีความร่วมมือที่ใกล้ชิดกันในหลากหลายสาขา มีความสัมพันธ์ทางการทูตครบรอบ 60 ปี เมื่อปี 2559 และความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในการขยายความร่วมมือทางด้านอื่นๆเพิ่มเติมนอกเหนือจากการค้าและการลงทุน อาทิ ความร่วมมือด้านการศึกษา การท่องเที่ยว การเกษตร เป็นต้น โดยการขยายความร่วมมือไปสู่การเป็นหุ้นส่วนในด้านต่างๆ ในอนาคต
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์หารือถึงความสนใจของไทยในเรื่องความความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans Pacific Partnership : TPP) โดยรัฐมนตรีการค้านิวซีแลนด์กล่าวว่า สมาชิกปัจจุบันของ TPP กำลังหารือถึงการเดินหน้าผลักดันความตกลง TPP ต่อไป และเชื่อว่าหากประเทศไทยเข้าร่วมความตกลง TPP จะเกิดผลประโยชน์ต่อไทย ด้านรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ขณะนี้ไทยมีความสนใจความตกลง TPP และ การเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership: RCEP) อย่างไรก็ตาม รองนายกรัฐมนตรีมองว่า RCEP สามารถที่จะผลักดันการเจรจาให้บรรลุผลสำเร็จได้เร็วกว่า เนื่องจาก RCEP ซึ่งมีสมาชิกได้แก่ อาเซียน 10 ประเทศ และคู่เจรจา 6 ประเทศ คือ จีน อินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ ล้วนมีความตกลงเปิดเสรีทางการค้าระหว่างกันอยู่แล้ว และหากยกระดับความร่วมมือทางด้านการค้าและการลงทุนระหว่างกันแล้ว RCEP จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อระบบการค้าและเศรษฐกิจครอบคลุมทั้งภูมิภาคและโลกอีกด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th