วันนี้ (31 กรกฎาคม 2560) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2560
ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติอนุมัติโครงการและงบประมาณโครงการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองที่มีความพร้อม และเสนอโครงการจาก 48 จังหวัด จำนวน 4,609 กองทุน (4,741 โครงการ) ในวงเงินงบประมาณ 921,776,000 บาท โดยเป็นโครงการที่ต่อยอดจากโครงการที่ดำเนินการในปี 2559 จำนวน 3,005 โครงการ (2,975 กองทุน) และเป็นโครงการที่ขอดำเนินการใหม่ในปีนี้ จำนวน 1,631 โครงการ (1,582 กองทุน) โดย 5 อันดับแรกเป็นโครงการเกี่ยวกับร้านค้าชุมชน วัสดุการเกษตร บริการชุมชน น้ำดื่มชุมชน และบริการน้ำมันเชื้อเพลิง พร้อมทั้งอนุมัติการเปลี่ยนแปลงโครงการที่กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองขอเปลี่ยนแปลงการดำเนินโครงการในปี 2559 จำนวน 444 กองทุน อีกด้วย
ทั้งนี้ ประธานได้เน้นย้ำให้การอนุมัติโครงการให้กองทุนหมู่บ้านฯ ดังกล่าว เป็นการเพิ่มศักยภาพหมู่บ้านและชุมชนเพื่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐปี 2560 โดยพร้อมโอนเงินให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศให้มากที่สุดภายในเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 และจะทำให้เศรษฐกิจฐานรากโดยรวมของสมาชิกกองทุนฯ มีความเข้มแข็งอย่างมั่นคง และยั่งยืน ตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติอนุมัติให้จัดตั้งกองทุนอีก 2 แห่ง ได้แก่ กองทุนชุมชนวัดน้อยพัฒนา และกองทุนชุมชนบึงพระจันทร์ 40 ซึ่งเป็นกองทุนที่อยู่ในเขตเทศบาลนครพิษณุโลก โดยมีผลทำให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศในปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 79,595 กองทุน ได้แก่ กองทุนหมู่บ้าน 75,000 กองทุน กองทุนชุมชนเมือง 3,857 กองทุน และกองทุนชุมชนทหาร 738 กองทุนตามลำดับ
ตอนท้ายของการประชุม ประธานได้แสดงความห่วงใยประชาชนที่ประสบปัญหาอุทกภัยซึ่งกำลังเกิดขึ้นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือบางส่วน โดยประธานได้มอบหมายให้สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เร่งสำรวจความเสียหายและติดตามช่วยเหลือกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ตลอดจนสมาชิกกองทุนอื่นที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะการเตรียมมาตรการเร่งด่วน มาตรการระยะสั้น และมาตรการระยะยาว เพื่อช่วยเหลือและฟื้นฟูให้เหมาะสมและทันท่วงที โดยในเบื้องต้นได้มอบหมายให้ประสานเครือข่ายและกองทุนที่ดูแลร้านค้าประชารัฐ ได้ช่วยกันสนับสนุนสิ่งจำเป็น ให้แก่ผู้ประสบอุทกภัย ด้วยสินค้าประชารัฐของกองทุนทั่วประเทศโดยเร็ว
****************************
กลุ่มประชาสัมพันธและเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th