วันนี้ (16 ส.ค. 60) เวลา 15.30 น. ณ สวนลุมพินี กรุงเทพมหานคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงาน “เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี” โดยมีคณะรัฐมนตรี อาทิ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เอกอัครราชทูตประจำประเทศไทย ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนประธานเครือข่ายแปลงใหญ่ ประธานศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร คณะกรรมการวิสาหกิจชุมชน ตลอดจนเกษตรกร ประชาชนเข้าร่วมงานในครั้งนี้ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 สิงหาคม 2560
นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ได้ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร จากนั้น นายกรัฐมนตรีประกอบพิธีเปิดกรวย และกล่าวถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงาน“เกษตรไทยก้าวหน้า ภายใต้ร่มพระบารมี”ว่า เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในวโรกาสวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษา และเผยแพร่พระราชกรณียกิจที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร ซึ่งพระองค์ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจในการส่งเสริมงานด้านการเกษตรกรรม ซึ่งเป็นอาชีพหลักของคนไทย โดยได้เสด็จพระราชดำเนินตามพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชบรมนาถบพิตร สมเด็จพระบรมชนกนาถ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระบรมราชชนนี ไปในการเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ต่างๆ ในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุข พัฒนาความเป็นอยู่ที่ดีและคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ อันเป็นการสืบสานพระราชดำริหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงพระองค์ทรงพระราชทานไว้หมดแล้ว ดังนั้น ทุกคนต้องนำมาสานต่อยอดสิ่งเหล่านี้ อีกทั้ง ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งโครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ในพระราชานุเคราะห์เมื่อปี พ.ศ. 2545 เพื่อแก้ไขปัญหาด้านการเกษตรในพื้นที่ต่างๆ ช่วยเหลือราษฎรในท้องถิ่นอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศต้องสร้างความเข้มแข็งจากภายในโดยยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในการสร้างภูมิคุ้มกันและความเข้มแข็งให้แก่ภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรมภาคการผลิตและการบริการ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศสู่ Thailand 4.0 การสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจชุดใหม่ เพื่อปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ไปสู่ Value - Based Economy หรือเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม พร้อมทั้ง การนำพาประเทศก้าวผ่านกับดักรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูงตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี โดยเปลี่ยนจากการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ที่สอดคล้องกับการพัฒนาประเทศสู่ประเทศไทย 4.0 ที่เน้นการบริหารจัดการและเทคโนโลยี และเกษตรกรแบบผู้ประกอบการ รวมถึง การพัฒนาเกษตรกรไทยให้เป็น Smart Farmer การพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ให้มีความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมไปใช้ประโยชน์ นอกจากนี้ รัฐบาลได้มีนโยบายส่งเสริมโครงการเกษตรแปลงใหญ่ในรูปแบบประชารัฐ ซึ่งเป็นการพัฒนาเกษตรกรรายย่อยที่มีอาชีพเดียวกันให้มาร่วมกลุ่มกันเพื่อให้ต่อรองการรวมกลุ่มกันขายและการผลิตสินค้าแปลงใหญ่ การผลิตวางแผนการตลาดเพื่อการนำไปสู่การลดต้นทุนการผลิตที่มีต้นทุนต่ำ ในขณะที่ผลผลิตได้คุณภาพ มีการเพิ่มผลผลิตต่อหน่วย และต่อไร่มากขึ้น ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภคมีการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสและขีดความสามารถในการแข่งขันของสินค้าเกษตรให้มีตรงตามความต้องการของตลาด
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง รัฐบาลได้กำหนดให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการยกระดับมาตรฐานสินค้าเกษตรสู่ความยั่งยืน โดยการดำเนินการผ่าน 3 โครงการหลักต่อเนื่องกัน 5 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2560- 2564 ได้แก่โครงการส่งเสริมการใช้เมล็ดพันธ์ข้าวหอมมะลิคุณภาพดีและโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ รวมทั้งการส่งเสริมให้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมจากบัญชีงานวิจัยและนวัตกรรมไทยของกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาใช้เพิ่มมูลค่าผลผลิต และยังส่งเสริมการเพิ่มมูลค่าโดยใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยี การกำหนดนโยบายให้ใช้ตลาดนำการผลิต โดยการบูรณาการหน่วยงานภาครัฐและเอกชนให้มีการเชื่อมโยงตลาด พร้อมทั้ง ขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ภาคสถาบันการเงินการธนาคาร สถาบันการศึกษา มหาวิทยาลัยและสถาบันวิจัยต่างๆ ร่วมกันระดมความคิดผนึกกำลังกันขับเคลื่อนแบบบูรณาการตามแนวทางประชารัฐ เพื่อส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ ทั้งการผลิต การตลาด ซึ่งจะทำให้เกษตรกรไทยสามารถพัฒนาต่อยอดสู่ประเทศไทย 4.0 ไปพร้อมๆ กันกับทุกภาคส่วน
ที่มา: http://www.thaigov.go.th