ไทยย้ำถึงเจตนารมณ์ในการกระชับความร่วมมือหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้านกับจีน
วันนี้ (4 ก.ย. 60) เวลาประมาณ 08.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและภริยา พร้อมคณะ เดินทางออกจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) กรุงเทพฯ ไปยังเมืองเซี่ยเหมิน มณฑลฟูเจี้ยน สาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเข้าร่วมประชุมระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา
ภายหลังเดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติเซี่ยเหมินเกาฉี โดยเวลาที่เซี่ยเหมินเร็วกว่าที่กรุงเทพฯ 1 ชั่วโมง นายกรัฐมนตรีเดินทางไปยังโรงแรมมิลเลนเนียม ฮาร์เบอร์วิว ซึ่งเป็นโรงแรมที่พัก จากนั้น ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรี พบหารือทวิภาคีกับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน สรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีย้ำถึงเจตนารมณ์ของรัฐบาลไทยในการกระชับความร่วมมือหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่รอบด้านกับจีน รวมทั้งขับเคลื่อนความร่วมมือที่มีอยู่ให้คืบหน้าและเป็นรูปธรรม ตลอดจนขยาย ความร่วมมือที่เป็นผลประโยชน์ร่วมกันมากยิ่งขึ้น ผู้นำทั้งสองยินดีที่เห็นพัฒนาการความร่วมมือ จากที่ได้เคยหารือไว้ โดยเฉพาะด้านการเมือง ความมั่นคง เศราฐกิจ การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว การศึกษา วัฒนธรรม และความสัมพันธ์ในระดับประชาชน
สำหรับโครงการความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีน นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการดำเนิน โครงการให้สำเร็จลุล่วง ซึ่งถือเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงและ การพัฒนา ไทยเห็นว่าความเชื่อมโยงคือหัวใจของการพัฒนา อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน และครอบคลุม ซึ่งไทยสนับสนุนยุทธศาสตร์ Belt and Road (BRI) และพร้อมทำงานร่วมกับจีน ในการส่งเสริมการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนาของทั้งสองประเทศ เพื่อให้ประเทศและประชาชน ตามแนวเส้นทางสายไหมได้รับประโยชน์อย่างทั่วถึง ทั้งนี้ ยุทธศาสตร์ BRI และ Made in China 2025 ของจีนสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย และการพัฒนา EEC ซึ่งไทยพร้อม กระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับจีนตามระเบียงเศรษฐกิจจีน-คาบสมุทรอินโดจีน และเป็นประตู สู่ตลาดทั้งในกลุ่มประเทศ CLMV อาเซียน RCEP และเอเชียใต้
ในโอกาสนี้ ผู้นำไทยและจีนเห็นพ้อง การป้องกันและแก้ไขประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่ต้องอาศัย ความร่วมมือจากทุกประเทศ เนื่องจากปัญหาดังกล่าวมีความเชื่อมโยงและส่งผลกระทบต่อสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาค ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสนับสนุนให้ไทยและ จีนมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ข่าวสาร และแนวปฏิบัติที่ดีในการจัดการกับการก่อการร้าย ระหว่างกัน
นายกรัฐมนตรีขอให้จีนช่วยดูแลนักลงทุนไทยและการลงทุนจากไทยด้านพลังงาน รวมทั้งการถ่ายทอด เทคโนโลยีที่จีนมีความเชี่ยวชาญ เช่น การบิน
ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นสักขีพยาน ในการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชน จีน จำนวน 4 ฉบับ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th