นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวผลสำเร็จของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไทยและกัมพูชา ครั้งที่ 3 Joint Cabinet Retreat (JCR)

ข่าวทั่วไป Thursday September 7, 2017 13:46 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีแถลงข่าวผลสำเร็จของการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการระหว่างไทยและกัมพูชา ครั้งที่ 3 Joint Cabinet Retreat (JCR)

วันนี้ 7 กันยายน 2560 เวลา 12.00 น. ณ สำนักงานนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ร่วมแถลงข่าวผลสำเร็จ การประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ หรือ Joint Cabinet Retreat (JCR) ครั้งที่ 3 สรุปสาระสำคัญ ดังนี้

นายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณการต้อนรับด้วยมิตรไมตรี ที่ได้กลับมาเยือนกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งตามคำเชิญของท่านนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุน เซน แห่งกัมพูชาและเพื่อเข้าร่วมการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ หรือ Joint Cabinet Retreat (JCR) ครั้งที่ 3 ไม่ต่างจากการเยือนกัมพูชาครั้งแรกเมื่อปี 2557

นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุน เซน ได้เป็นประธานร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรีของสองฝ่าย ซึ่งคณะรัฐมนตรีไทย ประกอบด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีครอบคลุมกระทรวงที่สำคัญมาร่วมประชุมที่กรุงพนมเปญ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในประเด็นต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนเพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองที่เข้มแข็งยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาที่แน่นแฟ้นและความร่วมมือที่สร้างสรรค์ในทุกระดับ ไทยให้ความสำคัญกับการมุ่งเน้นการพัฒนาตามแนวชายแดน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างความเชื่อมโยงทั้งทางบก และทางทะเล ซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจตามแนวชายแดนเจริญเติบโตไปด้วยกัน ประชาชนสองฝ่ายได้ประโยชน์จากการค้าขายตามแนวชายแดน และการไปหามาสู่กันที่สร้างเสริมรายได้จากการท่องเที่ยวข้ามแดนให้แก่ชุมชนท้องถิ่น

นายกรัฐมนตรีทั้งสองยังพอใจความร่วมมือที่มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง ด้านความมั่นคง มีการประสานงานใกล้ชิดทุกระดับ ทั้งการปราบปรามยาเสพติดการปราบปรามการค้ามนุษย์ และเรื่องการแก้ไขการลักลอบตัดไม้พะยูงซึ่งหน่วยงานสองฝ่ายต้องจัดการประชุมเพื่อวางขั้นตอนและแนวทางที่จะเพิ่มพูนการสกัดกั้นการลักลอบตัดไม้นี้

ความเชื่อมโยงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาและความรุ่งเรืองของสองประเทศ ดังนั้น การหารือครั้งนี้เน้นการเชื่อมโยงในมิติต่างๆ การเตรียมความพร้อมเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มเติมอีก 4 แห่งที่ได้ทำการสำรวจภูมิประเทศร่วมกันไว้แล้ว โดยเฉพาะการเตรียมความพร้อมเพื่อเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน – สตึงบท ต้องก่อสร้างสะพานข้ามแดน อาคารด่าน สิ่งอำนายความสะดวกอื่นๆ ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว ซึ่งนายกรัฐมนตรียังได้กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีสมเด็จฮุน เซ็นที่แต่งเพลงให้ 4 เพลงเป็นของขวัญที่รัฐบาลไทยให้ความช่วยเหลือในการก่อสร้างสะพานข้ามแดนที่หนองเอี่ยน-สตึงบท

ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพร้อมที่จะเร่งรัดการเชื่อมต่อระบบรางรถไฟจากอรัญประเทศ ปอยเปต ศรีโสภณ ไปถึงกรุงพนมเปญให้แล้วเสร็จในปี 2562 ฝ่ายไทยได้สร้างส่วนเชื่อมต่อถึงอรัญประเทศไว้แล้ว เมื่อสร้างเสร็จจะสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางรถไฟเชื่อมสองประเทศและรองรับการท่องเที่ยวทางรถไฟใน

อนุภูมิภาคได้ และจะเป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมไทยกับประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเส้นแรก

สำหรับเป้าหมายการค้าที่ตั้งไว้ร่วมกัน 1,5000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯภายในปี 2563 ได้มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการเพิ่มเติม โดยเฉพาะการส่งเสริมการค้าตามแนวชายแดน โดยอาศัยจุดผ่านแดนถาวรที่กำลังจะเปิดใหม่ที่หนองเอียน-สตึงบท และที่แนวชายแดนอื่นๆ อีกในอนาคตอันใกล้นี้ ส่วนสินค้าเกษตรนำเข้าและสินค้าผ่านแดนของกัมพูชามาไทยนั้น หน่วยงานไทยได้และหารือกับฝ่ายกัมพูชาแล้ว ได้กำหนดหามาตรการที่จะช่วยนำเข้าสินค้าเกษตรจากกัมพูชาเพื่อส่งออกไปประเทศที่สามแล้ว

นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยจะดูแลแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานอย่างถูกต้องตามกฎหมายให้ดีที่สุดตามหลักกฎหมายไทย ให้ได้รับการปกป้องคุ้มครองและสิทธิประโยชน์ตามกฎหมายไทย และย้ำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสนับสนุนการนำเข้าแรงงานอย่างถูกกฎหมายแบบรัฐต่อรัฐ

ไทยจะสนับสนุนความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของกัมพูชา ทั้งความร่วมมือทางวิชาการด้านการเกษตร สาธารณสุข และการศึกษา การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เป็นพลังในการพัฒนาประเทศ ทั้งการพัฒนาชุมชนตัวอย่างโดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

ภายใต้ Think SDG, Act SEP เผยแพร่ไปทั่วโลก ซึ่งยินดีที่ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างกันนี้เป็นส่วนต่อยอดให้กัมพูชาบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติด้วย

นายกรัฐมนตรียังชื่นชมความสำเร็จในการลงนามความตกลงว่าด้วยการเว้นการเก็บภาษีซ้อน ซึ่งจะช่วยให้เกิดการลงทุน

จากไทยไหลมาสู่กัมพูชามากขึ้น ซึ่งเน้นย้ำให้ภาคเอกชนไทยทำกิจกรรมที่คืนความสุขแก่สังคมอย่างสม่ำเสมอ โดยการลงทุนของไทยในต่างประเทศต้องควบคู่ไปกับกิจกรรมเหล่านี้

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรียังเยี่ยมคารวะสมเด็จวิบุลเสนาภักดี สาย ชุม ประธานวุฒิสภากัมพูชา รักษาราชการแทนพระองค์พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์กัมพูชาและเดินทางไปเปิดสวนมิตรภาพไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรไมตรีระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศ ร่วมกับนายกรัฐมนตรีสมเด็จ ฮุน เซน ด้วย

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ