นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน

ข่าวทั่วไป Tuesday October 10, 2017 15:35 —สำนักโฆษก

นรม.กล่าวเน้นให้สร้างการรับรู้และสร้างวินัยให้แก่ประชาชนในการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยให้ทำอย่างต่อเนื่อง

วันนี้ (9 ตุลาคม 2560) เวลา 10.20 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน "จังหวัดสะอาด" ระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560 โดยมีพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงาน

อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กล่าวรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ 20กันยายน 2559 เห็นชอบแผนปฏิบัติการ “ประเทศไทยไร้ขยะ” ระยะ 1 ปี (พ.ศ.2559-2560) และมอบหมายกระทรวงมหาดไทยกำกับดูแล ให้จังหวัดและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการขยะมูลฝอย ตามแผนปฏิบัติการดังกล่าวให้บังเกิดผลเป็นรูปธรรม ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยในฐานะ หน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล จึงได้จัดทำแนวทางการปฏิบัติงานด้านการบริหารจัดการ ขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ให้แก่จังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหมู่บ้านทั่วประเทศ ในการขับเคลื่อนนโยบายการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอยของรัฐบาลให้บรรลุผลสัมฤทธิ์ ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยให้ดำเนินการจัดประกวดและคัดเลือก “หมู่บ้าน/ชุมชนสะอาด” ในระดับตำบล และ “อำเภอสะอาด” ระดับจังหวัด โดยกระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการประกวดและคัดเลือก "จังหวัดสะอาด" ในระดับกลุ่มจังหวัด จำนวน 18 กลุ่มจังหวัด โดยมีกลุ่มจังหวัดสะอาด 14 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแพร่ สตูล ร้อยเอ็ด ปทุมธานี ชุมพร บึงกาฬ สุโขทัย อุบลราชธานี เพชรบุรี มุกดาหาร กาฐจนบุรี บุรีรัมย์ สมุทรปราการ และจันทบุรี ส่วนจังหวัดสะอาด ระดับประเทศ จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ รางวัลชนะเลิศอันดับที่ 1 จังหวัดลำพูน รองชนะเลิศอันดับที่ 1 จังหวัดพิจิตร รองชนะเลิศอันดับที่ 2 จังหวัดลพบุรี รองชนะเลิศอันดับที่ 3 จังหวัดตรัง ทั้งนี้ เพื่อยกย่องและเชิดชูเกียรติแก่ “หมู่บ้าน/ชุมชนสะอาด” และ”อำเภอสะอาด” ให้เป็นต้นแบบการจัดการขยะมูลฝอยของจังหวัดต่อไป

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานมอบรางวัลการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ระดับประเทศ ประจำปี พ.ศ. 2560 พร้อมกล่าวแสดงความยินดีกับจังหวัดที่ได้รับรางวัลการบริหารจัดการขยะมูลฝอยชุมชน “จังหวัดสะอาด” ซึ่งเป็นความสำเร็จที่เกิดจากกลไกความร่วมมือของทุกภาคส่วนในลักษณะ “ประชารัฐ” ในการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของชุมชนและจังหวัด เนื่องด้วยขยะเป็นปัญหาที่สำคัญของประเทศ ที่รัฐบาลกำลังดำเนินการแก้ไขอยู่ เพื่อให้เป็นระบบและสอดคล้องกัน สิ่งสำคัญคือ ทุกภาคส่วนต้องเริ่มจากการสร้างจิตสำนึกให้ทุกคนได้รู้จักรับผิดชอบในการรักษาความสะอาด โดยเริ่มตั้งแต่ภายในบ้านตัวเองและนอกบ้าน การรักษาความสะอาดถนน ทางสาธารณะ และสถานที่ทำงานต่างๆ ดังนั้นต้องระเบิดจากข้างใน ซึ่งเป็นแนวทางที่ทุกภาคส่วนราชการ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ต้องนำไปใช้เป็นแนวทางปฏิบัติ

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า สิ่งสำคัญที่สุดต้องสร้างการรับรู้และสร้างวินัยให้แก่ประชาชน ในการมีส่วนร่วมลดและคัดแยกขยะมูลฝอยที่ต้นทาง ตามหลักการ 3 ช : คือ ใช้น้อยลง ใช้ซ้ำ และนำกลับมาใช้ใหม่ (3Rs : Reduce Reuse Recycle) ซึ่งต้องส่งเสริมให้ประชาชนลดและคัดแยกขยะมูลฝอย โดยต้องทำอย่างต่อเนื่องและจริงจัง อย่าทำปีเดียวแล้วจบ ต้องส่งเสริมและสร้างนวัตกรรมให้ประชาชนลดและคัดแยกขยะมูลฝอยที่ครัวเรือนและในชุมชนร่วมมือกันลด และคัดแยกขยะมูลฝอย โดยให้นำกลับมาใช้ประโยชน์และสร้างรายได้ให้แก่ชุมชน เน้นการสร้างกลุ่มจิตอาสาและเครือข่ายต่าง ๆ เพื่อเป็นกลไกในการขับเคลื่อนในการคัดแยกขยะมูลฝอยตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง อีกทั้ง ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีนโยบายในการรณรงค์ลดใช้ถุงพลาสติก โดยร่วมกับภาคเอกชนเพื่อใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติก โดยขยายผลความร่วมมือกับผู้ประกอบการ ร้านค้า ศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า และร้านสะดวกซื้อ เป็นต้น พร้อมทั้ง ขอให้กระทรวงศึกษาธิการได้ปลูกฝังเด็กและเยาวชนให้เกิดความเคยชินในการคัดแยกขยะ และนำขยะที่คัดแยกไปรีไซลเคิลในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อไป

ตอนท้ายนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รัฐบาลต้องทำความเข้าใจกับประชาชนเกี่ยวกับการจัดเก็บอัตราค่าธรรมเนียมการเก็บ ขน และกำจัดขยะ ตามกฎหมายว่าด้วยการรักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมืองที่กำหนดให้ประชาชนต้องชำระค่าธรรมเนียม การให้บริการเก็บ ขน และกำจัดมูลฝอยให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอย่างน้อย 100 บาทต่อเดือน แต่หากประชาชนดำเนินการลดปริมาณขยะและคัดแยกขยะแล้ว จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหรือเสียค่าใช้จ่ายในอัตราที่น้อยลง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับข้อตกลงระหว่างประชาชนและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมกล่าวถึง การสร้างโรงงานไฟฟ้าจากขยะชุมชน ซึ่งภาครัฐนั้นมีบทบาทสำคัญในการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน ได้แก่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นผู้ประกอบกิจการผลิตไฟฟ้า ผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ ที่ต้องสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้กับประชาชนในชุมชน เกี่ยวกับการจัดตั้งโรงไฟฟ้าจากขยะชุมชน พร้อมรับฟังความคิดเห็นและสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน เกี่ยวกับประโยชน์ที่จะได้รับจากการผลิตไฟฟ้าจากขยะ ซึ่งกระบวนการบริหารจัดการเหล่านี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาขยะ ให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความยั่งยืนต่อไปในอนาคต

จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานการบริหารจัดการขยะมูลฝอยของชุมชน “จังหวัดสะอาด” ของจังหวัดลำพูน พิจิตร ลพบุรี และจังหวัดตรัง

************************

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ