วันนี้ เวลา 10.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น ณ พระราชวังอิมพิเรียล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดิอากิฮิโต ซึ่งภายหลังการเข้าเฝ้าฯ นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปได้ดังนี้
สมเด็จพระจักรพรรดิฯ ได้มีพระราชดำรัสถามถึงพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีปฏิสันฐานกับนายกรัฐมนตรีว่า พระองค์ฯได้ทรงริเริ่มให้ประชาชนในจังหวัดโออิตะ ทำการเกษตรต่าง ๆ ในช่วงที่ญี่ปุ่นประสบความยากลำบาก ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนาพื้นที่นี้ จนกลายเป็นหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการมอบนโยบายต่อทีมไทยแลนด์ว่า จะจัดให้มีคณะกรรมการบริหาร และวางยุทธศาสตร์ร่วมกัน โดยมีเอกอัครราชทูตเป็นประธาน และจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันดีกับประเทศนั้น ๆ ในการดำเนินการ ในการนี้ สถานทูตฯ ต่างๆ จะต้องมี Web Site ของตนเองด้วย เพื่อสื่อสารข้อมูลกับผู้ที่สนใจ ทั้งนี้ การทำงานในลักษณะของ Team Thailand ทุกคนจะต้องร่วมกันทำงาน และมีหัวหน้าทีมที่จะรับผิดชอบ ซึ่งโครงการนี้ จะเริ่มที่ประเทศญี่ปุ่นก่อน เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้และโอกาสของประเทศไทยในประเทศนั้น ๆ ด้วย และในโอกาสที่จะพบปะกับภาคเอกชนของญี่ปุ่นนั้นก็จะได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนญี่ปุ่นว่า ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และดึงดูดให้นักลงทุนมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีคุณภาพต่อไป
จากนั้น เวลา 12.00 น. นายกษิต ภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำญี่ปุ่น ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและผู้นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณและแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางไปประเทศไทยจำนวนมากต่อปี ซึ่งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นนี้ นับว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และรัฐบาลจะพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นยกเลิกการท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยถึงร้อยละ 20 ดังนั้น ในโอกาสนี้ จึงขอสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นว่า ประเทศไทยมีความปลอดภัย และมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวแบบ Long Stay ซึ่งจะเริ่มที่จังหวัดที่มีความพร้อม เช่น เชียงใหม่ กาญจนบุรี ชะอำ สกลนคร และสุโขทัย ก่อนเพื่อเป็นการนำร่อง และในปีหน้าจะมีโครงการ Be My Guest Project เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยเปรียบเสมือนเป็นแขกของนายกรัฐมนตรี ที่จะได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวแสดงความหวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้เสนอแนวคิดที่เป็นประโยชน์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-
สมเด็จพระจักรพรรดิฯ ได้มีพระราชดำรัสถามถึงพระพลานามัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และมีปฏิสันฐานกับนายกรัฐมนตรีว่า พระองค์ฯได้ทรงริเริ่มให้ประชาชนในจังหวัดโออิตะ ทำการเกษตรต่าง ๆ ในช่วงที่ญี่ปุ่นประสบความยากลำบาก ซึ่งเป็นที่มาของการพัฒนาพื้นที่นี้ จนกลายเป็นหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการมอบนโยบายต่อทีมไทยแลนด์ว่า จะจัดให้มีคณะกรรมการบริหาร และวางยุทธศาสตร์ร่วมกัน โดยมีเอกอัครราชทูตเป็นประธาน และจะใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์อันดีกับประเทศนั้น ๆ ในการดำเนินการ ในการนี้ สถานทูตฯ ต่างๆ จะต้องมี Web Site ของตนเองด้วย เพื่อสื่อสารข้อมูลกับผู้ที่สนใจ ทั้งนี้ การทำงานในลักษณะของ Team Thailand ทุกคนจะต้องร่วมกันทำงาน และมีหัวหน้าทีมที่จะรับผิดชอบ ซึ่งโครงการนี้ จะเริ่มที่ประเทศญี่ปุ่นก่อน เพื่อจะได้ทราบถึงปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ รวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้และโอกาสของประเทศไทยในประเทศนั้น ๆ ด้วย และในโอกาสที่จะพบปะกับภาคเอกชนของญี่ปุ่นนั้นก็จะได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนญี่ปุ่นว่า ประเทศไทยกำลังดำเนินนโยบายสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจของประเทศ โดยการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระดับรากหญ้า และดึงดูดให้นักลงทุนมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานการผลิตที่มีคุณภาพต่อไป
จากนั้น เวลา 12.00 น. นายกษิต ภิรมย์ เอกอัครราชทูตไทยประจำญี่ปุ่น ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและผู้นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณและแสดงความยินดีที่ได้มีโอกาสพบปะกับผู้นำอุตสาหกรรมท่องเที่ยวญี่ปุ่น เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างกัน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เดินทางไปประเทศไทยจำนวนมากต่อปี ซึ่งนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นนี้ นับว่าเป็นนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ และรัฐบาลจะพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นต่อไป
ทั้งนี้ ภายหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2544 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นยกเลิกการท่องเที่ยวเดินทางมาประเทศไทยถึงร้อยละ 20 ดังนั้น ในโอกาสนี้ จึงขอสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวญี่ปุ่นว่า ประเทศไทยมีความปลอดภัย และมีความพร้อมในการต้อนรับนักท่องเที่ยว นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ส่งเสริมนโยบายการท่องเที่ยวแบบ Long Stay ซึ่งจะเริ่มที่จังหวัดที่มีความพร้อม เช่น เชียงใหม่ กาญจนบุรี ชะอำ สกลนคร และสุโขทัย ก่อนเพื่อเป็นการนำร่อง และในปีหน้าจะมีโครงการ Be My Guest Project เพื่อเชิญชวนนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทย โดยเปรียบเสมือนเป็นแขกของนายกรัฐมนตรี ที่จะได้รับความสะดวกสบายตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรียังกล่าวแสดงความหวังว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะได้เสนอแนวคิดที่เป็นประโยชน์เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองไทยมากขึ้น
ฝ่ายสื่อมวลชนสัมพันธ์ สำนักโฆษก โทรภายใน 8055 โทร 0 2629 9292, 0 2629 9491 โทรสาร 0 2281 4450--จบ--
-สส-