วันนี้ (3 พฤศจิกายน 2560) เวลา 15.20 น. ณ ห้องประชุมศูนย์อำนวยการและประสานพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประชุมมอบนโยบายแก่ผู้ว่าราชการจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ พร้อมด้วยผู้บริหารส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ GISTDA กรมชลประทาน กรมอุตุนิยมวิทยา เป็นต้น เพื่อรับฟังภาพรวมสถานการณ์และแนวทางการบริหารจัดการน้ำ รวมถึงรับทราบปัญหา อุปสรรค การดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยซึ่งภาคใต้ได้รับผลกระทบจากพายุดีเปรสชั่นทะเลจีนใต้ตอนล่าง ส่งผลให้มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นมา แต่ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณน้ำฝนจะลดลงตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป และจะได้รับผลกระทบอีกครั้งในวันที่ 8 - 10 พฤศจิกายนนี้ โดยได้มีการแจ้งเตือนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเฝ้าระวังเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และขอให้ติดตามการประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดในระยะนี้
ส่วนการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำจากพายุดังกล่าว กรมชลประทานเร่งดำเนินการลดระดับน้ำให้อยู่ในเกณฑ์การบริหารจัดการอย่างเคร่งครัด ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 4 แห่ง อ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 39 แห่ง พร้อมกับเตรียมความพร้อมติดตั้งเครื่องจักร เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องกำเนิดไฟฟ้า รถลากจูงเครื่องผลักดันน้ำ จำนวน 16 จุด ในพื้นที่ภาคใต้ 14 อำเภอที่มีความเสี่ยงแล้ว
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวตอนหนึ่งว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อมาตรวจเยี่ยมติดตามการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมให้กำลังใจชาวบ้าน รวมถึงให้กำลังใจข้าราชการทุกคนที่ร่วมมือกันตั้งใจทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และขอให้ประชาชนมีกำลังใจในการต่อสู้กับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำด้วยว่า แนวทางการบริหารจัดการน้ำที่ดีคือการเตรียมข้อมูล นำข้อมูลเดิมที่เคยเกิดเหตุมาวางแผนล่วงหน้าเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งพระองค์ทรงมีความห่วงใยความเดือดร้อนของประชาชน และทรงติดตามทุกปัญหาของราษฎร นอกจากนี้ ขอให้ส่วนราชการน้อมนำแนวทางพระราชทานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาปรับประยุกต์ให้เข้ากับสถานการณ์ให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ ลดผลกระทบต่อประชาชน พร้อมกับร่วมมือกันสร้างเครือข่ายให้เข้มแข็งตั้งแต่เกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ รวมถึงสร้างฐานข้อมูลให้เป็นระบบสามารถเรียกดูข้อมูลได้ทันที โดยส่วนราชการต้องเป็นหน่วยงานหลักในการดูแลแก้ไขปัญหา ต้องพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ส่งเสริมอาชีพให้ประชาชนอย่างเหมาะสมในแต่ละพื้นที่และสอดคล้องกับสถานการณ์ พร้อมกับสร้างความเป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านโอกาสให้กับประชาชน
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความสำคัญในเรื่องการติดต่อสื่อสาร และเฝ้าติดตามโดยเฉพาะสื่อออนไลน์และโซเซียลมีเดีย หากเกิดการบิดเบือนข้อมูลและให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ต้องรีบแก้ไข และสร้างความเข้าใจ ไม่ปล่อยให้ปัญหาขยายวงกว้าง จนไม่สามารถควบคุมได้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สรุปภาพรวมการลงพื้นที่ในวันนี้ และเดินทางไปวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อสักการะพระบรมธาตุ
ที่มา: http://www.thaigov.go.th