วันนี้ (13 พ.ย. 60) เวลา 18.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีกล่าวถ้อยแถลงใน
การประชุมสุดยอดอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งที่ 19 ณ ศูนย์การประชุมนานาชาติฟิลิปปินส์ (PICC) กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าไทยเข้าใจดีถึงความรู้สึกของสาธารณรัฐเกาหลีต่อภัยคุกคามจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นปัญหาระดับโลก และต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่ายเพื่อคลี่คลายปัญหา ในการนี้ ไทยชื่นชม “ข้อริเริ่มเบอร์ลิน” ของประธานาธิบดีมุน แจ อิน เพื่อเป็นทางออกในการแก้ไขปัญหาโดยสันติวิธีโดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และสนับสนุนการปฏิบัติตามข้อมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้คาบสมุทรเกาหลีปลอดจากอาวุธนิวเคลียร์และเป็นภูมิภาคที่มีสันติภาพและเสถียรภาพอย่างแท้จริง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเติบโตทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก
ในส่วนของการส่งเสริมความสัมพันธ์หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างอาเซียนกับสาธารณรัฐเกาหลีนั้น นายกรัฐมนตรีเสนอแนวทางความร่วมมือกันดังนี้
ประการแรก การส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยสนับสนุนให้นักลงทุนจากสาธารณรัฐเกาหลีเข้ามาลงทุนในพื้นที่ “อีอีซี” (EEC) ในภาคตะวันออก และในเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดนของไทยภายใต้แนวคิด “ไทยแลนด์พลัสวัน”เพื่อส่งเสริมให้ลุ่มแม่น้ำโขงมีความเชื่อมโยงมากขึ้นกับภูมิภาค และให้อาเซียนอยู่ในห่วงโซ่มูลค่าของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกและของโลก และลดช่องว่างด้านการพัฒนาในภูมิภาคผ่านการกระจายความเจริญไปสู่ทุกประเทศสมาชิกอาเซียนอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ การแบ่งปันประสบการณ์ในสาขาที่สาธารณรัฐเกาหลีมีความเชี่ยวชาญ เช่น การบริหารจัดการป่าไม้ พลังงานสะอาด การเติบโตสีเขียว “เอ็มเอ็สเอ็มอีส์” (MSMEs) นวัตกรรมและไอซีที และการสร้างความมั่นคงของมนุษย์ในด้านต่าง ๆ จะช่วยให้ภูมิภาคมีการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยไม่ทอดทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ประการที่สอง ความร่วมมือด้านวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีแสดงความยินดีต่อการเปิดศูนย์วัฒนธรรมอาเซียนที่นครปูซานเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นช่องทางสำคัญในการส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมซึ่งกันและกัน ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจอันดี อันเป็นรากฐานสำคัญต่อการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นต่อไป และขอให้จัดกิจกรรมแลกเปลี่ยนด้านวัฒนธรรมและระหว่างเยาวชนให้มากขึ้น โดยอาจเน้นการแลกเปลี่ยนระหว่างเยาวชนจากเมืองระดับกลางและพื้นที่ชนบท เพื่อให้เครือข่ายความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนอาเซียนและเกาหลีครอบคลุมพื้นที่กว้างขึ้น
ทั้งนี้ไทยพร้อมที่จะร่วมมือปฏิบัติตามแผนปฏิบัติการอาเซียน-สาธารณรัฐเกาหลี เพื่อความมั่นคงและความเจริญรุ่งเรืองของภูมิภาคให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม และยินดีที่จะส่งเสริมความร่วมมือให้ใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นในโอกาสครบรอบ 60 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สาธารณรัฐเกาหลีในปีหน้า
ที่มา: http://www.thaigov.go.th