รองนายกรัฐมนตรีประชุมขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ข่าวทั่วไป Sunday November 19, 2017 13:36 —สำนักโฆษก

รองนายกรัฐมนตรีประชุมขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ ซึ่งเป็นการนำเสนอแผนการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ในปี 2560 - 2564 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วย การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในเรื่องของข้าว พืชผสมผสาน ปศุสัตว์ และประมง

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2560 เวลา 08.30 น. พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติได้เดินทางไปยังอาคารอเนกประสงค์ โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี เพื่อเป็นประธานในการประชุมติดตามความก้าวหน้าการขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

เมื่อคณะของรองนายกรัฐมนตรีเดินทางไปถึง นายวัฒนา พุฒิชาติ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และนายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ อธิบดีกรมวิชาการเกษตรในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ให้การต้อนรับและนำชมนิทรรศการและร้านค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด

จากนั้นคณะของรองนายกรัฐมนตรีจึงได้เข้าไปยังห้องประชุม โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวนมาก ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดและรองผู้ว่าราชการจังหวัด 20 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หน่วยงานราชการในพื้นที่จากส่วนราชการต่าง ๆ กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตสินค้าตามมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ผู้แทนภาควิชาการจากมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเอกชนทั้งจากกลุ่มบริษัทและโรงพยาบาลที่สนับสนุนโครงการเกษตรอินทรีย์ โดยก่อนเริ่มการประชุมได้มีการฉายวีดิทัศน์พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีที่ทรงส่งเสริมการดำเนินการด้านเกษตรอินทรีย์ด้วย

จากนั้นจึงเป็นการประกอบพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ โครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวม 3 ฉบับ ได้แก่ ความร่วมมือเรื่องการปลูกมันสำปะหลังอินทรีย์ ความร่วมมือการปลูกแตงโมอินทรีย์ และความร่วมมือเรื่องการปลูกพืชสมุนไพรอินทรีย์ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามดังกล่าว แล้วจึงเริ่มการประชุม ซึ่งเป็นการนำเสนอแผนการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ในปี 2560 - 2564 ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งประกอบไปด้วย การขับเคลื่อนเกษตรอินทรีย์ในเรื่องของข้าว พืชผสมผสาน ปศุสัตว์ และประมง โดยวางแผนการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือในปี 2561 เกี่ยวกับการประสานงานระหว่างภาคกับจังหวัดเพื่อกำหนดพื้นที่ ชนิดสินค้า โครงการที่โดดเด่น เพิ่มการประชาสัมพันธ์เกษตรอินทรีย์ สร้างการรับรู้ ทบทวนมาตรฐานและหลักเกณฑ์การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ เน้นการขับเคลื่อนในพื้นที่เกษตรกร ให้มีการ บูรณาการในพื้นที่เกษตรอินทรีย์แปลงใหญ่เพิ่มขึ้น มีการบูรณาการในพื้นที่เดียวกัน โดยมีจังหวัดนำร่อง ได้แก่ ยโสธร มหาสารคาม และศรีสะเกษ ทั้งนี้จะขับเคลื่อนโดยเน้นการผลิตชนิดสินค้าพืชเป็นหลัก ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง อ้อย และถั่วเหลือง รวมทั้งการเชื่อมโยงตลาดเพื่อการจำหน่าย เสร็จแล้วคงเป็นการรับฟังข้อมูล ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะ และปัญหาอุปสรรคจากฝ่ายต่าง ๆ โดยที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางและเป็นประโยชน์อย่างมาก ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีได้รับฟังอย่างสนใจและสั่งการให้หน่วยเกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์และสามารถดำเนินการ

ได้ในทันที

รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวต่อที่ประชุมว่า รัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินงานด้านเกษตรอินทรีย์เป็นอย่างยิ่งและได้เร่งรัดให้ทุกภาคส่วนดำเนินการขับเคลื่อนนโยบายเกษตรอินทรีย์ไปสู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม ผ่านคณะกรรมการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ระดับภาค 6 ภูมิภาค และคณะทำงานพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของจังหวัด การเดินทางมาร่วมประชุมครั้งนี้เพื่อต้องการมาให้กำลังใจและติดตามความก้าวหน้า และต้องการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันต่อไป ขอให้มั่นใจว่ารัฐบาลจะเดินหน้าเรื่องเกษตรอินทรีย์อย่างจริงจังและต่อเนื่อง และจะรับข้อมูลจากการประชุมในครั้งนี้นำไปพัฒนาการดำเนินโครงการเกษตรอินทรีย์ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด

จากนั้นในเวลา 15.00 น. รองนายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมแปลงเกษตรอินทรีย์ของ นาง อรทัย หมื่นศรี ที่หมู่ 1 ตำบลตาลเลียบ อำเภอกุดจับ จังหวัดอุดรธานี ซึ่งเป็นเกษตรกรผลิตพืชอินทรีย์ประเภท ไม้ผลและพืชผสมผสาน ซึ่งเคยประสบความสำเร็จจากการทำเกษตรแบบเดิมที่ใช้สารเคมีค่อนข้างมาก แต่ส่งผลต่อสุขภาพของคนในครอบครัว จึงได้เปลี่ยนวิธีการตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตรให้ใช้วิธีการของเกษตรอินทรีย์ ยกเลิกการใช้สารเคมีทุกขั้นตอน จนประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพเป็นอย่างมากในปัจจุบัน โดยนาง อรทัย ได้กล่าวว่า ได้หันมาทำเกษตรอินทรีย์ 10 กว่าปีแล้ว มีความสุขและพอใจมากเพราะมีความยั่งยืนในการทำการเกษตร มีความมั่นคงทางด้านผลตอบแทนและที่สำคัญ คือ มีผลดีต่อสุขภาพจิตใจและร่างกาย และยังเป็นผลดีต่อผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อมด้วย

โครงการพัฒนาเกษตรอินทรีย์เป็นโครงการที่รัฐบาลให้ความสำคัญ และในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2560 ได้มีมติให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์การพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ พ.ศ.2560 - 2564 เพื่อเป็น กรอบในการดำเนินงานดังกล่าว และเร่งรัดให้ทุกภาคส่วนดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่

......................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ข้อมูลโดย พลอากาศเอก มณฑล สัชฌุกร

โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี (พลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง)

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ