สรุปประเด็นนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2560

ข่าวทั่วไป Friday November 24, 2017 14:25 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา” ผ่านทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2560 เวลา 20.15 น.ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทุกภาคส่วน ที่รวมพลังความสามัคคี จัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 อย่างสมพระเกียรติยศตามขัตติยะโบราณราชประเพณี พร้อมเปิดเผยถึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานวีดิทัศน์สืบสาน รักษา ต่อยอด สร้างสุขแก่ปวงประชา ซึ่งประกอบด้วย น้ำคือชีวิตแผ่นดิน พิทักษ์ป่า พัฒนาสินสายน้ำ พืชพรรณปลูกชีวิตมั่นคง และเศรษฐกิจพอเพียงนำทางชีวิต เพื่อให้รัฐบาลนำไปศึกษาและนำไปปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมและทันต่อสถานการณ์

ที่ผ่านมาตลอดระยะเวลา 3 ปี รัฐบาลไม่เพียงแต่นำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง และศาสตร์พระราชาต่าง ๆ เพื่อใช้เป็นกรอบแนวคิดหลัก สำหรับการวางยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี การจัดทำแผนปฏิรูปประเทศ และนำไปสู่การปฏิบัติในการบริหารราชการแผ่นดินเท่านั้น แต่ได้นำไปเผยแพร่อย่างมีระบบและเป็นรูปธรรม ทั้งในประเทศ และเวทีโลก จนประสบผลสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่อง “การระเบิดจากข้างใน” และการรวมกลุ่มสร้างพลังในสังคมของตน หรือพลังประชารัฐ อาทิ ขอนแก่นโมเดล และ บ้านผาสุข จังหวัดน่าน

ด้านเศรษฐกิจ ปัจจุบันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย เสถียรภาพของประเทศที่มีความมั่นคงและได้รับความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ แม้ขณะนี้รัฐบาลก็ได้เร่งดำเนินมาตรการหลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อย พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะการเร่งลงทุนในโครงการต่างๆ ให้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ในปี 2561 รัฐบาลจะเพิ่มงบประมาณการลงทุนมากขึ้นทั้งของภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และหามาตรการช่วยเหลือด้านต่าง ๆ ที่จะดำเนินการต่อเนื่อง โดยมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนการปฏิรูปประเทศ ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อเป็นเข็มทิศนำทางในการขับเคลื่อนประเทศที่ชัดเจน ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มีการบูรณาการระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ควบคู่กับการแก้ไขปัญหาการทุจริต คอรัปชั่น และพร้อมเดินหน้าทางการเมืองสู่การเลือกตั้ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ภาคเอกชน และประชาคมโลกด้วย

การเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง การเตรียมตัวเองให้พร้อมและการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของสถานการณ์ พร้อมก้าวให้ทันและรู้เท่าทันไปกับเทคโนโลยี เพื่อแสวงหาโอกาส สร้างนวัตกรรม และมุ่งไปสู่การผลิตที่มีมูลค่ามากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าเกษตรซึ่งกลุ่มเกษตรกรเห็นควรปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การผลิต โดยเลือกผลิตพืชผลที่เหมาะกับพื้นที่ เหมาะกับฤดูกาล และสอดคล้องกับความต้องการของตลาด โดย ในส่วนภาครัฐเองได้พยายามเข้ามาสนับสนุนให้ข้อมูล เมล็ดพันธุ์ รวมถึงเครื่องมือ และนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ได้มากขึ้น พร้อมให้การสนับสนุนที่ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชน เพื่อให้สามารถพัฒนาการผลิตในระยะยาวได้มากขึ้นด้วย

ภาคอุตสาหกรรม ให้มีการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้มากขึ้น เพื่อลดต้นทุน โดยพี่น้องแรงงานควรเรียนรู้และเข้าใจการนำเทคโนโลยีมาใช้ อีกทั้งเตรียมพร้อมในการที่จะต้องปรับตัวสู่งานใหม่ในกรณีที่มีเทคโนโลยีเข้ามาทดแทน พร้อมยกระดับและเพิ่มศักยภาพตนเองให้เป็นผู้ใช้เทคโนโลยีด้วย โดยภาครัฐได้มีนโยบายสนับสนุนให้สถานศึกษาจัดหลักสูตรระยะสั้น ในการพัฒนาฝีมือและความเชี่ยวชาญ เพื่อให้แรงงาน มีทักษะและความรู้ ที่ตรงกับความต้องการของผู้ประกอบการในยุค 4.0 ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กว้างและสร้างรายได้ให้สูงขึ้น

การปรับโครงสร้างการเกษตร ภายใต้หลักคิด “ตลาดนำการผลิต” ด้วยการผลิตให้มีปริมาณสอดคล้องกับความต้องการของตลาด ด้วยโครงการส่งเสริมการปลูกพืชที่หลากหลายในฤดูนาปรัง และโครงการปลูกพืชปุ๋ยสด ซึ่งเป็นกิจกรรมทางเลือก เพิ่มเติมจากโครงการแรก อีกทั้ง เป็นส่วนหนึ่งของแผนการผลิตและการตลาดข้าวครบวงจร ปี 2560/61 โดยรัฐบาลสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช ปุ๋ยสด และงบค่าไถ 2 ครั้ง โดยไถเตรียมดินและไถกลบ 500 บาทต่อไร่ต่อครั้ง และครัวเรือนละไม่เกิน 15 ไร่

นอกจากนี้ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้ ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการได้ทั้ง 2 โครงการดังกล่าวด้วยแล้ว ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรในพื้นที่เป้าหมายได้เข้าร่วมในโครงการฯ ด้วยความสมัครใจ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กรมประชาสัมพันธ์ได้เชื่อมโยง “เครือข่ายวิทยุชุมชน – หอกระจายข่าว” ในชุมชน เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารสาธารณประโยชน์ได้ถึงมือพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนทั่วประเทศ

ด้านสังคม ให้ประชาชนตระหนักถึง “ครอบครัว หรือบ้าน” ซึ่งเป็นสถาบันที่เล็กที่สุดของสังคม แต่มีความสำคัญที่สุด สำหรับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศ อันเป็น “1 ใน 3 ประสาน” ของหลักการ “บวร” ตามแนวทางพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 ทั้งนี้ สืบเนื่องจาก เดือนพฤศจิกายนทุกปี เป็นเดือนแห่งการรณรงค์ยุติธรรมความรุนแรงต่อเด็ก สตรี และบุคคลในครอบครัว ซึ่งรัฐบาลได้รณรงค์ให้ทุกคนทุกฝ่ายช่วยกันสร้างกำลังใจ และเป็นพลังให้กับทุกคนในครอบครัว ด้วยการใช้คำพูดดี ๆ สำหรับคนในครอบครัว เช่น เหนื่อยไหม – รักนะ – มีอะไรให้ช่วยไหม – เก่ง/ดี/เยี่ยม – ขอบคุณนะ – ขอโทษนะ เป็นต้น

พร้อมกันนี้ รัฐบาลยังได้ถือเป็น “วาระแห่งชาติ” ของการไม่ดำเนินธุรกิจที่มีผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ และสิ่งแวดล้อมในชุมชน ซึ่งเป็นไปตามหลักกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และสนธิสัญญาระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยเป็นภาคีอยู่หลายฉบับ ดังนั้น หากสังคมไทยสามารถรักษาสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ควบคู่กับวางรากฐานการพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างสมดุลแล้ว ก็จะเป็นการพัฒนาที่สอดคล้องกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ของรัฐบาลได้อย่างยั่งยืน

.........................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ