วันนี้ (27 พ.ย.60) เวลา 20.53 น. ณ ห้องประชุมสมิหลา โรงแรมบีพี สมิหลา บีช อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมจังหวัดภาคใต้และภาคใต้ชายแดน (Working Dinner) ร่วมกับคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนภาคเอกชน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และผู้แทนเกษตรกร ภาคใต้และภาคใต้ชายแดน เพื่อหารือเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาภาคใต้และทิศทางการพัฒนาภาคใต้ชายแดน ดังนี้
ที่ประชุมได้พิจารณาทิศทางการพัฒนาภาคใต้ที่มีศักยภาพด้านแหล่งท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับพื้นที่ รวมทั้งการผลิต ภาคเกษตร และการได้เปรียบด้านที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ จึงกำหนดให้ยุทธศาสตร์การพัฒนามุ่งเน้นในเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยวของภาคใต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวคุณภาพชั้นน้ำของโลก พัฒนาอุตสาหกรรม การแปรรูปยางพารา และปาล์มน้ำมัน พัฒนาผลิตสินค้าเกษตร และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการท่องเที่ยว การพัฒนาเขตอุตสาหกรรม และเชื่อมโยงการค้าโลก
สำหรับทิศทางการพัฒนาภาคใต้ชายแดนนั้น โดยที่ภาคใต้ชายแดน ซึ่งยึดการผลิตด้านการเกษตร รูปแบบเดิมและแปรรูปชั้นต้น รวมทั้งพื้นที่ยังเผชิญกับปัญหาความไม่สงบ แต่ศักยภาพของภาคยังมีอีกมาก เช่น แหล่งท่องเที่ยว และพื้นที่อุตสาหกรรม เป็นต้น จึงวางแผนการพัฒนาภาคโดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาความมั่นคงให้กับการผลิตภาคเกษตร พัฒนาเมืองสุไหงโก-ลก และเมืองเบตง ให้เป็นเมืองการค้าและเมืองท่องเที่ยวชายแดน และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน
พร้อมกันนี้ที่ประชุมได้มีการพิจารณาข้อเสนอการกำหนดแนวทางการพัฒนาภาคใต้และภาคใต้ชายแดน “ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน” ที่มุ่งเน้นการเชื่อมโยงโครงข่ายโลจิสติกส์เชื่อมโยง 2 ฝั่งทะเล (อ่าวไทย และอันดามัน) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและสนับสนุนการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และการขนส่งของภาคใต้ โดยการพัฒนาเชื่อมโยงโครงข่ายทั้งระบบให้สมบูรณ์ (ทางราง ทางทะเล ทางอากาศ และทางบก) และเพิ่มศักยภาพในการเชื่อมโยงจากจีนสู่ภาคใต้ รวมทั้งประเทศในกลุ่มอาเซียน+6 และกลุ่มประเทศ BIMSTEC เพื่อเปิดประตูภาคใต้สู่การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคม ประกอบด้วย (1) การพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงโครงข่ายระบบราง(2) การพัฒนาท่าเรือเชื่อมโยงโครงข่ายทางทะเล (3) การพัฒนาและปรับปรุงสนามบินเชื่อมโยงโครงข่ายทางบกและทางราง เช่น การพัฒนาสนามบินหลักและสนามบินรองที่มีศักยภาพในการเชื่อมโยงโครงข่ายทางบกและทางรางที่สะดวกสามารถรองรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น และ(4) การพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางถนน
นอกจากนี้ ขอให้รัฐบาลเร่งรัดผลักดันนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) ในภาคใต้ รวมถึงส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อย (ที่มีพื้นที่ปลูก 25 ไร่ลงมา) ได้มีอาชีพเสริมในสวนยาง เช่น ปลูกหญ้าเลี้ยงสัตว์ หรือปลูกพืชร่วม พืชแซมยาง อาทิ ปลูกกล้วย ปลูกกาแฟหรือพืชอื่น ๆ ตามความต้องการของตลาดและความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ ตลอดจนแนวทางเกี่ยวกับการบริหารงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น การปรับปรุงหลักเกณฑ์ กรณีการใช้จ่ายเงินสะสมขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น การปรับปรุงและฟื้นฟูสถานที่กำจัดขยะมูลฝอยที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ จังหวัดสงขลา เพื่อแก้ไขปัญหาขยะสะสมตกค้างกว่า 2.4 ล้านตัน และโครงการระบบขนส่งมวลชนโดยระบบราง Monorail อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นต้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่ารัฐบาลพร้อมรับข้อเสนอของภาคเอกชน ผู้แทนเกษตรกร และผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จังหวัดภาคใต้และภาคใต้ชายแดน ไปพิจารณาโดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปศึกษาถึงความเป็นไปได้และพิจารณาดำเนินการต่อไปตามความเหมาะสม พร้อมกล่าวว่าข้อเสนอต่าง ๆ มีหลายเรื่องที่รัฐบาลได้ดำเนินการไปแล้วและมีแผนที่จะดำเนินการในอนาคต เช่น ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งคมนาคมเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบทั้งทางบก ทางอากาศ ทางทะเล และทางราง รวมถึงการสนับสนุนให้เกษตรกรปลูกพืชอื่นร่วมกับการปลูกยาง และเลี้ยงสัตว์ เพื่อให้เกษตรกรและประชาชนในพื้นที่มีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนสนับสนุนให้มีการใช้ยางพาราภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น พร้อมเน้นย้ำทุกฝ่ายช่วยกันสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในพื้นที่เกิดความเข้าใจและเห็นถึงความสำคัญและจำเป็นต่อการดำเนินโครงการต่าง ๆ ของรัฐบาลอันจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในพื้นที่และประเทศโดยรวม
สำหรับการใช้จ่ายงบประมาณนั้น ขอให้ดำเนินการเป็นไปอย่างคุ้มค่า และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนและประเทศชาติอย่างแท้จริง ตลอดจนการดำเนินการหรือการประมูลโครงการต่าง ๆ ต้องเป็นไปด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมกับทุกฝ่ายและไม่ก่อให้เกิดการทุจริตเกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
ทั้งนี้ การที่รัฐบาลกำหนดให้มีการลงพื้นที่เพื่อตรวจราชการจังหวัดปัตตานีและประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ณ จังหวัดสงขลา เพื่อเร่งรัดขับเคลื่อนให้จังหวัดภาคใต้และภาคใต้ชายแดนได้มีการพัฒนารวดเร็วมากขึ้นและทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอกในปัจจุบัน
----------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th