สรุปประเด็นนายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2560

ข่าวทั่วไป Monday December 4, 2017 16:12 —สำนักโฆษก

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวกับประชาชนผ่านรายการ “ศาสตร์พระราชา” ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ในวันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม 2560 เวลา 20.15 น. ในประเด็นต่าง ๆ ซึ่งสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

เนื่องในโอกาส วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันสำคัญของชาติ โดยเป็นวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร อีกทั้งเป็นวันชาติและวันพ่อแห่งชาติ นายกรัฐมนตรีขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนคนไทยร่วมจิตน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ซึ่งทรงมีคุณูปการอย่างใหญ่หลวง จึงขอให้รวมใจไทยทั้งชาติให้เป็นหนึ่งเดียว เพื่อสืบสานพระราชปณิธานพร้อมนำพาประเทศของเราไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

นอกจากนั้น องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ได้กำหนดให้วันที่ 5 ธันวาคมของทุกปีเป็น “วันดินโลก” (World Soil Day) ตามวันคล้ายวันเฉลิมพระชนมพรรษาของ “ในหลวงรัชกาลที่ 9” ด้วยพระองค์ทรงเป็นผู้นำในการดูแลดินและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมทั้งสหภาพวิทยาศาสตร์ทางดินนานาชาติ ได้เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ทูลเกล้าฯ ถวาย “รางวัลนักวิทยาศาสตร์ดินเพื่อมนุษยธรรม” (The Humanitarian Soil Scientist) แด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพระปรีชาสามารถถึงบทบาท และความสำคัญของทรัพยากรดินที่มีต่อความมั่นคงทางอาหารของโลกอย่างมาก ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

ในโอกาสวันสำคัญดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้อัญเชิญพระราชดำรัสอันทรงคุณค่าของในหลวงรัชกาลที่ 9 เกี่ยวกับ “ศาสตร์พระราชา” ซึ่งทรงพระราชทานให้แก่ปวงชนชาวไทยได้น้อมนำไปคิดและปฏิบัติ ดังนี้ “บ้านเมืองของเรากำลังต้องการ การปรับปรุงและการพัฒนาที่มีประสิทธิภาพ ทางที่เราจะช่วยกัน ได้ก็คือการที่ทำความคิดให้ถูกและแน่วแน่ ในอันที่จะยึดถือประโยชน์ของบ้านเมืองเป็นที่หมายต้องเพลาการคิดถึงประโยชน์เฉพาะตัว และความขัดแย้งกันในสิ่งที่มิใช่สาระลง”

ทั้งนี้ “7 ทศวรรษ แห่งการพัฒนาประเทศ” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงให้ความสำคัญกับ “คน” ในฐานะที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพัฒนาโดยทรงเน้นการบำบัดทุกข์บำรุงสุขและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เพื่อที่ประชาชนจะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ด้วยตนเองอันเป็นพื้นฐานของการพัฒนาอย่างยั่งยืน

ในการลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อประชุมคณะรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมานี้ นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณทุกภาคส่วนทั้งข้าราชการ ภาคเอกชนที่ได้ให้การต้อนรับเป็นอย่างดียิ่ง ซึ่งในการลงพื้นที่ครั้งนี้ คณะรัฐมนตรีได้มีการหารือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อจะเร่งดำเนินการมาตรการสนับสนุนด้านต่าง ๆ ให้ได้ตรงกับความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ โดยคำนึงถึงความเชื่อมโยงกับภาคอื่น ๆ รวมทั้งสองฝั่งทะเลระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน เพื่อให้สามารถเดินหน้าการพัฒนาต่าง ๆ ได้อย่างเต็มศักยภาพซึ่งจะทำให้ประชาชนมีโอกาสมากขึ้น ในการเพิ่มรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ โดยจะมีการพิจารณาลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน ในการดำเนินงานโครงการหลัก ๆ ได้แก่ การพัฒนาเส้นทางรถไฟเชื่อมโยงโครงข่ายระบบราง เช่น รถไฟทางคู่ช่วงสุราษฎร์ธานี–หาดใหญ่ และช่วงหาดใหญ่–ปาดังเบซาร์ การก่อสร้างรถไฟสายใหม่ เชื่อมรถไฟสายใต้เส้นทางสุราษฏร์ธานี–พังงา และสุราษฎร์ธานี-ดอนสัก ก็จะต้องเร่งดำเนินการการพัฒนาท่าเรือเชื่อมโยงโครงข่ายทางทะเล เช่น การพัฒนาท่าเรือครุยส์ สำหรับการท่องเที่ยวขนาดใหญ่และเรือขนาดใหญ่ พร้อมทั้งการสร้างท่าเรือน้ำลึกในการขนส่งสินค้า ซึ่งจะต้องมีการขุดขยายร่องน้ำให้เป็นท่าเรือน้ำลึกเพิ่มเติมขึ้น ตลอดจนการพัฒนาและปรับปรุงสนามบินเพื่อให้เชื่อมโยงโครงข่ายทางบกและทางราง ให้สะดวกสามารถรองรับนักท่องเที่ยวและผู้เดินทางที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น รวมถึงการพิจารณาสร้างสนามบินแห่งใหม่ตามความจำเป็น อีกทั้งการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางถนน เพื่อให้โครงการเดินต่อได้โดยเร็ว

ในกรณีปัญหายางพารา นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนได้เข้าใจทั้งระบบ การผลิต การปลูก การแปรรูป และการใช้ประโยชน์ เพื่อสามารถแก้ปัญหาได้อย่างยั่งยืนดีกว่าจะไปแก้ปลายทางทุกครั้ง ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้การยางแห่งประเทศไทยร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้นำยางมาใช้ประโยชน์ภายในประเทศให้ได้โดยเร็วและให้ครบวงจร ขณะเดียวกันรัฐบาลได้พยายามที่จะให้มีการวิจัย และค้นคว้าซึ่งจะทำให้มีการใช้ยางได้เพิ่มขึ้นจากเดิม จาก 5% เป็น 10-15% หรือมากกว่านั้น ตลอดจนได้มีการพัฒนาระเบียบกรมบัญชีกลางให้สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล พร้อมกันนี้ในส่วนที่เป็นพื้นที่ของเกษตรกรที่มีรายได้น้อยเห็นควรชะลอการกรีดยาง จะทำให้ปริมาณยางออกมาน้อยลงและรัฐบาลพร้อมดูแลเกษตรกรเหล่านี้จะได้ช่วยลดอุปทานในตลาดของยางได้บางส่วนและมีการทำปศุสัตว์เสริมทดแทน

สำหรับเรื่องโรงไฟฟ้าที่ภาคใต้ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไปดำเนินการให้ได้ข้อยุติปราศจากความขัดแย้ง ทั้งนี้กระทรวงพลังงานมีหน้าที่ในการหาไฟฟ้าและพลังงาน โดยมีกฎหมายรองรับด้วยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกคนจำเป็นต้องฟังเหตุฟังผลซึ่งกันและกัน พร้อมรักษากฎหมาย เพื่อเห็นกับประโยชน์ส่วนรวม รัฐบาลพร้อมจะตอบคำถามทุกคำถามของประชาชนทุกคน แล้วเข้าสู่กระบวนการที่ถูกต้องตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในตอนท้ายอีกว่าขอให้ทุกฝ่ายเร่งหันหน้าเข้าหากัน ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีทำสิ่งใดให้ไม่สบายใจนายกรัฐมนตรีพร้อมที่จะขอโทษประชาชนเสมอ

..................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ