นายกรัฐมนตรีประชุมบอร์ดบีโอไอ เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถเอสเอ็มอี โดยขยายเวลาขอรับส่งเสริมถึงสิ้นปี 62-เพิ่มวงเงินยกเว้นภาษี

ข่าวทั่วไป Monday December 18, 2017 14:37 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรีประชุมบอร์ดบีโอไอ เห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถเอสเอ็มอี โดยขยายเวลาขอรับส่งเสริมถึงสิ้นปี 62 ขยายขอบข่ายให้ยื่นขอรับส่งเสริมได้เกือบทุกประเภท ปรับปรุงสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ประเภทกิจการที่กำหนด เพิ่มเพดานจากเดิมเท่าตัวเป็นร้อยละ 200

วันนี้ (18 ธ.ค.60) เวลา 09.30 น. ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ครั้งที่ 7/2560 โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี และผู้ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมการประชุม

นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบมาตรการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี โดยให้ขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2562 จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในสิ้นปี 2560 รวมทั้งได้เห็นชอบให้ปรับปรุงเงื่อนไขในการขอรับส่งเสริม ประกอบไปด้วย

1. การขยายขอบข่ายประเภทกิจการที่ให้ส่งเสริมตามมาตรการนี้ ให้ครอบคลุมกว้างมากยิ่งขึ้น โดยเปิดให้สามารถขอรับการส่งเสริมได้ในเกือบทุกประเภทกิจการรวมจำนวนกว่า 100 ประเภท ซึ่งจากเดิมกำหนดไว้เพียง 40 ประเภทกิจการ พร้อมทั้งให้มีการผ่อนปรนเงื่อนไขเป็นกรณีพิเศษให้แก่กิจการเอสเอ็มอีในบางประเภท

2. การให้สิทธิและประโยชน์ทางภาษีแก่กิจการเอสเอ็มอี แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ (1) สิทธิและประโยชน์พื้นฐาน และ (2) สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติม

(1) สิทธิและประโยชน์พื้นฐานที่กำหนดตามประเภทกิจการให้ได้รับการเพิ่มเติมวงเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลจากเกณฑ์ปกติร้อยละ 100 เป็นร้อยละ 200 ในประเภทกิจการที่อยู่ในข่ายได้รับยกเว้นภาษีเงินได้

(2) สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมให้ได้รับสิทธิยกเว้นหรือลดหย่อนอากรเพิ่มเติมจากสิทธิประโยชน์พื้นฐานใน 2 กรณี คือ

  • กรณีมีการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน เช่น การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การฝึกอบรมด้านเทคโนโลยีขั้นสูง การออกแบบผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น ซึ่งคณะกรรมการให้ผ่อนปรนเงื่อนไขสัดส่วนเงินลงทุนและค่าใช้จ่าย ให้ลดลงจากเกณฑ์ปกติครึ่งหนึ่งเพื่อให้เอสเอ็มอีใช้ประโยชน์จากมาตรการนี้ได้ง่ายขึ้น หรือ
  • กรณีที่ตั้งกิจการใน 20 จังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำ หากเป็นประเภทกิจการในกลุ่มที่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล ร้อยละ 50 เพิ่มเติมอีก 5 ปี และหากเป็นประเภทกิจการในกลุ่มอื่นจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 3 ปีจากสิทธิและประโยชน์พื้นฐาน

นอกจากนี้กิจการเอสเอ็มอีที่ได้รับส่งเสริม สามารถนำเครื่องจักรใช้แล้วในประเทศมาใช้ในโครงการที่ขอรับการส่งเสริมได้บางส่วน ในมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท อีกด้วย

ที่ประชุมยังได้เห็นชอบให้กำหนดประเภทกิจการเป้าหมายใน “เขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ”ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ได้แก่ เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor of Innovation หรือ EECi ) และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand หรือ EECd)

โดยในส่วนของ EECi ได้กำหนดประเภทกิจการเป้าหมายให้สอดคล้องกับ 6 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำหนดไว้ ประกอบด้วย 1) เกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 2) แบตเตอรี่-ประสิทธิภาพสูงและยานยนต์สมัยใหม่ 3) การบินและอวกาศ 4) เชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ 5) ระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 6) เครื่องมือแพทย์ โดยแบ่งประเภทกิจการเป้าหมายออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1) กลุ่มกิจการด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงกิจการที่สนับสนุนการวิจัยและพัฒนา ที่เกี่ยวข้องกับ 6 อุตสาหกรรมเป้าหมายข้างต้น เช่น กิจการบริการออกแบบทางวิศวกรรม กิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ กิจการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (เฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) และกิจการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมายเป็นต้น

2) กลุ่มกิจการผลิตหรือบริการที่เกี่ยวข้องกับ 6 อุตสาหกรรมเป้าหมายในเขต EECi เช่น กิจการประกอบหุ่นยนต์ หรือ อุปกรณ์อัตโนมัติ การผลิตหรือให้บริการระบบเกษตรสมัยใหม่ กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง (High Value-added Software) กิจการผลิตเคมีภัณฑ์หรือพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือผลิตภัณฑ์จากพอลิเมอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

สำหรับกิจการเป้าหมายในเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (Digital Park Thailand หรือ EECd) ที่ประชุมได้เห็นชอบให้กำหนดกิจการเป้าหมายเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่

1) กลุ่มกิจการด้านการวิจัยและพัฒนา รวมถึงกิจการที่สนับสนุนการวิจัยและพัฒนาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น กิจการออกแบบทางอิเล็กทรอนิกส์ กิจการบริการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ กิจการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (เฉพาะด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) และกิจการพัฒนา Digital Technology เป็นต้น

2) กลุ่มกิจการด้านอุตสาหกรรมดิจิทัล เช่น กิจการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูง (High Value-added Software) กิจการ Cloud Service กิจการ Data Center และกิจการให้บริการเทคโนโลยีดิจิทัล (Digital Services) เป็นต้น

ทั้งนี้ ตามมติคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 โครงการลงทุนในกิจการเป้าหมายที่ตั้งในพื้นที่ EECi และ EECd จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 2 ปี จากเกณฑ์ปกติ (รวมสิทธิประโยชน์เดิมเกิน 8 ปีได้) และลดหย่อนอีกร้อยละ 50 เป็นระยะเวลา 5 ปี โดยต้องดำเนินการตามเงื่อนไขความร่วมมือในการพัฒนาบุคลากรตามที่กำหนด

นอกจากนี้ ตามที่มาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับพื้นที่อีอีซีกำหนดให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยจะต้องมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา สถาบันวิจัย หรือศูนย์ความเป็นเลิศ ตามรูปแบบที่กำหนดนั้น คณะกรรมการให้ความเห็นชอบกับรูปแบบความร่วมมือฯ เพิ่มเติม ได้แก่ โครงการอาชีวะพิเศษในเขตระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกซึ่งจะเน้นการพัฒนาบุคลากรตามความต้องการของผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถทำงานในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สร้างมูลค่าเพิ่มสูงได้หลังจบการศึกษา

ตามโครงการนี้ บริษัทจะร่วมงานโดยตรงกับสถาบันการศึกษา ในการร่วมกันรับนักศึกษา และร่วมกันกำหนดหลักสูตร โดยจะให้การสนับสนุนค่าใช้จ่ายแก่นักศึกษา เช่น ค่าเล่าเรียน เงินเดือนนักศึกษา เป็นต้น รวมถึงการรับนักศึกษาไปฝึกงานและการรับนักศึกษาเข้าทำงานหลังสอบผ่านหลักสูตรของโครงการด้วย

----------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

(ข้อมูลจากฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน)

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ