เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกำหนดให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็นวันครู เพื่อให้เห็นความสำคัญของครูและอาชีพครู ในฐานะผู้เสียสละประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาการศึกษาของชาติและสังคม โดยคุรุสภาได้เริ่มจัดงานวันครูในปีแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2500 เพื่อระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์และได้ดำเนินการต่อเนื่องกันมาเป็นประจำทุกปีจนถึงปัจจุบัน สำหรับปี พ.ศ. 2561 สำนักงานเลขาธิการคุรุสภากำหนดจัดงานวันครู ครั้งที่ 62 พ.ศ. 2561 เป็นระยะเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 16 -17 มกราคม 2561 ในหัวข้อแก่นสาระ (Theme) คือ “เฉลิมรัชสมัย ครูไทยพัฒนา” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 ระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมยกย่องเชิดชูเกียรติครูและพัฒนาวิชาชีพครู ส่งเสริมสามัคคีธรรม ความร่วมมือ ความเข้าใจอันระหว่างครู และครูกับประชาชน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้คารวะครูอาวุโสและมอบของที่ระลึกแด่ครูอาวุโส คือ พลเอก บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีตครูโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า และพลโท สมพงษ์ ตุ้มสวัสดิ์ อดีตครูโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า พร้อมมอบโล่รางวัลผู้มีคุณูปการต่อการศึกษาชาติ จำนวน 7 ราย รวมทั้งมอบโล่รางวัลคุรุสภา ระดับดีเด่น จำนวน 9 ราย และมอบโล่รางวัลครูผู้มีอุดมการณ์และจิตวิญญาณครู จำนวน 4 ราย
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้แสดงความรู้สึกยินดีที่ได้มีโอกาสมาเป็นประธานเปิดงานวันครูในปีนี้ พร้อมกล่าวว่า ครอบครัวของนายกรัฐมนตรีก็เป็นครู จึงมีความเคารพเทิดทูนและระลึกถึงพระคุณของครูเสมอมา เพราะครูเป็นอาชีพที่เหนื่อยและเสียสละต่อผู้อื่น ขณะเดียวกันต้องดูแลครอบครัวของตนเอง ท่ามกลางสังคมโลกในปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและเป็นยุคของเทคโนโลยี ครูจึงต้องมีการปรับตัว และพัฒนาการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป อันจะส่งผลต่อพัฒนาการของเด็กทั้งในเรื่องของการเรียนรู้ในห้องเรียนและสิ่งรอบตัวในสังคม เพื่อให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่ดีสามารถมีชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุขและมีคุณภาพ เป็นทรัพยากรที่สำคัญในการพัฒนาประเทศไปสู่เป้าหมายที่กำหนด
พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวยกย่องครูว่าเป็นผู้บ่มเพาะวิชาความรู้ และขัดเกลาจิตใจ ครูจึงเป็นผู้ที่มีความสำคัญในการหล่อหลอมทรัพยากรบุคคลของสังคม และเชื่อมมั่นว่า ครูทุกคนมีจิตวิญญาณแห่งความเป็นครู แม้จะพ้นจากหน้าที่ของความเป็นครูแล้ว “ครู” ก็ยังเป็น “ครู” อยู่ตลอดเวลา เพราะ “ครู” ยังคงมีความตั้งใจ มีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังปัญญา ที่จะทำงานเพื่อสร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่สังคมโดยรวมอยู่เสมอ แต่สิ่งสำคัญคือทุกคนในประเทศต้องมีศรัทธาให้กัน ในการที่จะร่วมกันแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของประเทศให้เกิดความสงบ เรียบร้อย อย่างยั่งยืนในอนาคต
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ครูทุกคนบ่มเพาะนิสัยของเด็กและเยาวชนได้เกิดความเข้าใจในความเป็นไทยว่า คนไทยที่ดีควรเป็นอย่างไร ทั้งในเรื่องการพัฒนาประเทศ การเข้าใจประชาธิปไตยอย่างลึกซึ้งถูกต้องและดีงาม ดั่งคำขวัญ “วันครู” “ศิษย์ดี ก็ด้วยครูดี มีศรัทธา” เป็นการแสดงให้เห็นว่า ครูและเด็กหรือนักเรียนต่างต้องมีศรัทธาซึ่งกันและกัน เพราะจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นและไว้วางใจระหว่างกัน อันจะส่งผลให้การดำเนินการทุกอย่างบรรลุผลสำเร็จได้ ตลอดจนสามารถแก้ไขอุปสรรคและปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ในที่สุด นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกคนได้ช่วยกันพัฒนาและผลิตคนให้มีความรู้ ความสามารถ บ่มเพาะศีลธรรมจรรยาเพื่อให้เด็กและผู้เรียนมีทั้งความรู้ วินัย และคุณธรรม และผลิตให้ตรงกับความต้องการของตลาดและสถานการณ์โลก รวมทั้งสอดคล้องกับการพัฒนาประเทศตามเป้าหมายที่กำหนด เพื่อให้เด็กจบการศึกษาออกมาแล้วมีงานทำและมีอาชีพที่มั่นคง สามารถเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ อันจะสามารถแก้ไขปัญหาความขัดแย้งและลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้อย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันต้องพัฒนางานด้านการศึกษาของประเทศ ให้คนไทยมีความรู้ ทักษะ ความสารถสูง และมีจิตสาธารณะรับผิดชอบต่อสังคม เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการก้าวเข้าสู่เป้าหมาย Thailand 4.0 ซึ่งเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรมยุคที่ 4 เน้นการขับเคลื่อนประเทศด้วยนวัตกรรมและปัญญาประดิษฐ์ อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนประเทศไปสู่ 4.0 ทุกคนต้องขับเคลื่อนไปพร้อมกันทั้งกลุ่มคน 1.0 2.0 3.0 และ 4.0 ซึ่งเป็นยุคปัจจุบันและอนาคต โดยเชื่อมั่นว่าทุกคนมีความรู้ ความสามารถ และสติปัญญาที่จะพัฒนาตนเองให้สามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้ ตลอดจนเตรียมความพร้อมคนในประเทศรองรับการเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ในอนาคต (ปี 2564) และร่วมกันขับเคลื่อนประเทศไปสู่เป้าหมายตามที่กำหนดไว้ ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเน้นย้ำว่าขอให้บุคลากรทางการศึกษาดำเนินการต่าง ๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อเด็ก สังคม ประเทศ และให้เกิดความเท่าเทียมอย่างทั่วถึง ควบคู่กับการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และรู้จักใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและอินเทอร์เน็ต สำหรับประยุกต์ใช้กับการเรียนการสอนให้น่าสนใจ และสอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ด้วยเหตุและผลอย่างเป็นระบบ ซึ่งจะทำให้เด็กเป็นคนที่มีความคิดที่ลึกซึ้งรอบด้านทุกมิติ และมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล รองรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับกิจกรรมที่สำคัญในงานครู ครั้งที่ 62 พ.ศ. 2561 ประกอบด้วย พิธีเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 พิธีทำบุญตักบาตร พิธีระลึกถึงพระคุณบูรพาจารย์ พิธีคารวะครูอาวุโส พิธีมอบรางวัลและประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 นิทรรศการผลงานของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา และการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้องค์ความรู้ เพื่อการพัฒนาการศึกษาและการพัฒนาวิชาชีพในรูปแบบของการเสวนาหรือการบรรยาย นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการภาพถ่ายในหัวข้อ “เด็กรักครู ครูรักเด็ก” และการประกวดข้อเขียนความประทับใจที่ศิษย์มีต่อครู เนื่องในโอกาสวันครู ครั้งที่ 62 พ.ศ. 2561 รวมทั้ง การประกวดสปอตวิทยุ และสปอตโทรทัศน์ เป็นต้น เพื่อส่งเสริมให้นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนทั่วไปร่วมระลึกถึงพระคุณครูอีกด้วย
----------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th