วันนี้ (5 ก.พ.61) เวลา 15.55 น. ณ หอจดหมายเหตุแห่งชาติจันทบุรี ต.วัดใหม่ อ.เมือง จ.จันทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พบผู้นำท้องถิ่นและผู้แทนประชาชนภาคส่วนต่าง ๆ ของภาคตะวันออก ซึ่งประกอบด้วย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อดีตสมาชิกวุฒิสภา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกสมาคมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนภาคธุรกิจเอกชน ผู้นำศาสนา ผู้นำกลุ่มสตรี นักอนุรักษ์ และนักประวัติศาสตร์ท้องถิ่นในภาคตะวันออก โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี เข้าร่วมด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวกับพบปะกับคณะผู้นำท้องถิ่นของภาคตะวันออก ว่า ในโอกาสที่วันนี้นายกรัฐมนตรีเดินทางมาพบกับผู้นำท้องถิ่นภาคตะวันออก ต้องขอขอบคุณผู้นำทุกคนที่ได้ช่วยกันคิดทำเพื่อให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย นายกรัฐมนตรีเข้ามาทำงานก็ตั้งใจเข้ามาวางพื้นฐานให้กับทุกคน สิ่งที่ทำให้เป็นปัญหาที่สุดคือความขัดแย้งระหว่างกัน ซึ่งขณะนี้รัฐบาลกำลังดำเนินการเรื่องความปรองดองอยู่ แต่จะสั่งให้คนที่ขัดแย้งกันหยุดการขัดแย้งกันก็ทำไม่ได้ ขอให้อย่าคิดว่านายกฯ อยู่เพื่อสืบทอดอำนาจ ขอให้ทุกฝ่ายคุยกันว่าจะทำอย่างไรเพื่อบ้านเมือง อยากให้มองว่าจะเดินหน้าประเทศอย่างไร วันนี้รัฐบาลได้เริ่มให้ทั้งหมดแล้ว และรัฐบาลสนับสนุนทุกพรรคการเมืองที่ทำเพื่อชาติบ้านเมือง รวมทั้งมีความจริงใจให้กับนักการเมืองเพราะเป็นคนไทยด้วยกัน ทั้งนี้ เรื่องใดที่เป็นปัญหาต้องแก้ไขขอให้บอกมายังรัฐบาล ผู้นำท้องถิ่นต้องทำตัวให้เป็นที่พึ่งของประชาชนในวันหน้า มีเรื่องใดขอให้คุยกัน ต้องทำให้ต่างชาติมีความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในบ้านเรา และก็ต้องขอให้ทุกคนช่วยกันสานต่อสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไว้ให้
จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้รับฟังข้อเสนอแนวทางการพัฒนาด้านต่าง ๆ จากผู้นำท้องถิ่นของภาคตะวันออก ได้แก่ การพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนภาคตะวันออก น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคของประชาชนโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ความสมดุลเรื่องการพัฒนาสิ่งแวดล้อม ปัญหาการจัดการขยะ การพัฒนาด้านการสาธารณสุข บุคลากรทางการแพทย์ ความชัดเจนในการกระจายอำนาจของส่วนท้องถิ่น การพัฒนาการศึกษาพิเศษ มหานครทางผลไม้ เส้นทางรถไฟทางคู่ ถนนมอเตอร์เวย์ การสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง การแก้ไขปัญหาโฉนดที่ดิน การบูรณะปฏิสังขรณ์โบราณสถานเก่าแก่ที่สำคัญของจังหวัดจันทบุรี เป็นต้น
ภายหลังการรับฟังข้อเสนอ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การพบปะวันนี้คือการปรองดอง ทั้งหมดคือปัญหาที่ทับซ้อนมาเป็นเวลายาวนาน ประเทศไทยต้องบริหารด้วย Big Data ข้อมูลทุกอย่างต้องมาจากภาคประชาชน ต้องมีการบริหารจัดการโดยใช้ข้อมูลจริงจากพื้นที่ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการบริหารเรื่อง Big Data ทั้งนี้ ในการดำเนินการทุกเรื่อง อย่าทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้รับการดูแล ขณะที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับต่างประเทศ ก็จะต้องดูแลคนไทยด้วย สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ของจังหวัดภาคตะวันออก ได้อยู่ในแผนงานโครงการของรัฐบาลที่จะดำเนินการอยู่แล้ว ขณะที่เรื่องน้ำ ระบบการคมนาคม จะวางระบบให้ใหม่ทั้งหมด โดยสิ่งที่ผู้นำท้องถิ่นและตัวแทนภาคประชาชนจังหวัดภาคตะวันออกเสนอมาวันนี้ นายกรัฐมนตรียินดีรับทั้งหมดไปพิจารณาเพื่อให้มาเชื่อมโยงกับงานของรัฐบาล ซึ่งต้องขอให้ทุกคนร่วมกันคิดร่วมกันทำให้มีกลไกความร่วมมือขึ้นมา ไม่มีอะไรที่แก้ปัญหาได้ 100% ในการทำงานของรัฐบาลจึงต้องมียุทธศาสตร์ชาติขึ้นมา ทั้งนี้ สำหรับปัญหาเรื่องระบบเปิด-ปิดทางเข้า-ออกมอเตอร์เวย์ สาย 7 ที่ไม่มีทางเข้า-ออกศรีราชา ทำให้การจราจรของรถที่จะไปท่าเรือแหลมฉบังมีปัญหาการจราจรติดขัดสะสม รวมทั้งส่งผลกระทบกับผู้ประกอบการขนส่งทางเรือ ทางผู้นำท้องถิ่นเสนอให้มีจุดเข้าออกทางเปิด-ปิดเข้ามอเตอร์เวย์ เพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 2 จุด เพื่อช่วยเรื่องการคมนาคม นั้น นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้กระทรวงคมนาคมรับเรื่องไปพิจารณา
-----------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th