วันนี้ (5 กุมภาพันธ์ 2561) เวลา 20.30 น. ณ ห้องประชุมแกรนด์บอลรูม โรงแรมมณีจันท์ รีสอร์ท ตำบลพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ร่วมกับภาคเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพื่อพิจารณาแนวทางการพัฒนาภาคตะวันออกซึ่งเป็นฐานเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยมี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ซึ่งสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
ก่อนการประชุม นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานฯ ได้กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) ซึ่งทุกคนทราบดีว่าอะไรคืออุปสรรคปัญหาและศักยภาพของตนเอง รัฐบาลมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะขับเคลื่อนทุกอย่างให้เป็นไปได้ แต่การจะขับเคลื่อนนั้น ลำพังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลฝ่ายเดียวคงไม่สามารถที่จะดำเนินการได้ ทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาสังคม NGOs องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องร่วมกันขับเคลื่อนภาคตะวันออกให้ไปสู่วิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” แต่ต้องเป็นความยั่งยืนที่ไม่ดำเนินการอย่างฉาบฉวย ต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวม ซึ่งประเทศไทยมี 76 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ดังนั้น การที่จะอนุมัติงบประมาณโครงการใด ๆ ก็ตามขอให้มีการพิจารณาดำเนินการตามความพร้อม และพยายามแก้ไขในสิ่งที่เป็นข้อพกพร่อง ในส่วนของรัฐบาลก็จะพยายามแก้ไขปัญหาในเรื่องต่าง ๆ เช่น เรื่องของกฎหมาย และจะไม่ดำเนินการในเชิงที่สร้างคะแนนนิยมที่ผิด ๆ ไม่เช่นนั้นจะเป็นปัญหาของประเทศในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของงบประมาณ
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณประชาชนและหน่วยงานทุกภาคส่วนของจังหวัดจันทบุรีที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น การลงพื้นที่ในครั้งนี้ทำให้ได้รับรู้และเห็นถึงความหวังของประชาชนที่มีต่อหน่วยงานภาครัฐและรัฐบาลในการที่จะทำให้ประชาชนได้มีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้าต่อไป ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเพื่อขอให้รัฐบาลสนับสนุนโครงการและกิจกรรม 6 ด้าน ดังนี้
1. ด้านโครงสร้างพื้นฐาน ขอรับการสนับสนุน 4 เรื่อง ประกอบด้วย 1.1 โครงข่ายถนน ได้แก่ 1) การศึกษาออกแบบก่อสร้างถนน จำนวน 5 เส้นทาง ดังนี้ (1) เส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิศ (อู่ตะเภา-ชลบุรี-ระยอง-จันทบุรี) เพื่อการท่องเที่ยว (2) เส้นทางเลียบชายทะเลจังหวัดชลบุรี ส่วนต่อขยาย(เชื่อมต่อบูรพาวิถี-บางทราย) เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจร และส่งเสริมการท่องเที่ยว (3) เส้นทางสาย ค1 ผังเมืองรวมเมืองบ้านบึง เพื่อแก้ไขปัญหาจราจร (4) เส้นทางเชื่อมขุนด่านปราการชล ช่วงแยกศรีนาวา-หินตั้ง จังหวัดนครนายก เพื่อการท่องเที่ยว และ (5) เส้นทางตัดใหม่จากแยก 3259-จุดผ่อนปรนบ้านเขาดิน อำเภอคลองหาด จังหวัดสระแก้ว ส่วนที่ 2 ขอรับการสนับสนุนการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เส้นทางโดยการเพิ่มช่องทางจราจรรองรับการพัฒนา จำนวน 6 เส้นทาง ดังนี้ (1) เส้นทางเขาไร่ยา-แพร่งขาหยั่งจังหวัดจันทบุรี เพื่อสนับสนุนการขนส่งและการท่องเที่ยวเขาคิชกูฏ (2) เส้นทางบ้านป่าวิไล-ด่านชายแดนบ้านแหลม จังหวัดจันทบุรี เพื่อรองรับการค้าชายแดน (3) เส้นทางนครนายก-บางหอย-บ้านสร้าง-พนมสารคาม เพื่อสนับสนุนการขนส่ง (4) เส้นทางคลองหลวงแพ่ง-ปราจีนบุรี เชื่อมจังหวัดจันทบุรีและจังหวัดปราจีนบุรีเพื่อสนับสนุนการขนส่งและอุตนหากรรม (5) เส้นทางปราจีนบุรี-ศรีมหาโพธิ เพื่อสนับสนุนการขนส่งและอุตสาหกรรมในนิคมอุตสาหกรรม อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรี และ (6) เส้นทางบางบุตร-ชุมแสง จังหวัดระยอง เพื่อสนับสนุนการเชื่อมโยงจังหวัดระยองกับพื้นที่ EECi ในอำเภอวังจันทร์ จังหวัดระยอง 1.2 ระบบขนส่งสาธารณะ ขอให้มีการศึกษาออกแบบรถไฟทางคู่สายระยอง-จันทบุรี-ตราด เพื่อเชื่อมต่อรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยองเพิ่มเส้นทางรถไฟโดยสารด่วนพิเศษ (sprinter) สายกรุงเทพฯ-อรัญประเทศ เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนระหว่างกรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ปราจีนบุรีและสระแก้ว และให้มีการศึกษาเพื่อจัดทำแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนเพื่อเชื่อมโยงสถานีรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง กับแหล่งท่องเที่ยวอุตสาหกรรม และแหล่งชุมชน ในพื้นที่เมืองพัทยา ศรีราชา และแหลมฉบัง เป็นต้น 1.3 น้ำอุปโภคบริโภค ขอให้การประปาส่วนภูมิภาคขยายการให้บริการน้ำประปาโดยนำน้ำจากเขื่อนขุนด่านปราการชล มาผลิตเป็นน้ำประปา และขยายเขตจ่ายน้ำให้กับประชาชนด้วยการเพิ่มสถานี เพิ่มแรงดันและวางท่อจ่ายน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำเค็มรุกล้ำ เป็นต้น 1.4 ไฟฟ้า ขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บรรจุแผนปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงสูงที่มั่นคง ทนภาระทางไฟฟ้าที่หนัก ในปี พ.ศ. 2561-2562
2. ด้านอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน และการค้าชายแดน ขอรับการสนับสนุนดังนี้ 2.1 ยกระดับด่านชายแดนท่าเส้น อำเภอเมืองตราด เป็นจุดผ่านแดนถาวร 2.2 ขอให้พัฒนาจังหวัดจันทบุรี เป็นนครอัญมณีศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก ส่งเสริมพัฒนาการออกแบบเครื่องประดับ พร้อมสนับสนุนสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมชุมชนผู้ผลิตอัญมณี 2.3 การบริหารท่าเทียบเรือแหลมฉบับฝั่งบี
3. ด้านการเกษตร ขอให้มีการพัฒนาผลไม้คุณภาพปลอดภัยอย่างครบวงจร ทั้งต้นทาง กลางทางและปลายทาง เพื่อให้ผลไม้ของไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากล เป็นศูนย์เจรจาธุรกิจเพื่อซื้อขายผลไม้ภาคตะวันออก และศูนย์ซื้อขายผลไม้ทั้งในระบบออนไลน์และออฟไลน์
4. ด้านการท่องเที่ยว ขอรับการสนับสนุนและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ภายใต้โมเดลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ การออกแบบปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางจักรยานเพื่อท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เชิงนิเวศและเชิงชุมชน ในพื้นที่ท่องเที่ยวของภูมิภาคแถบภาคตะวันออก รวมถึงการพัฒนาการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม 2 แห่ง คือ เมืองโบราณดงละคร และหมู่บ้านไทยพวนจังหวัดนครนายก การพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองรองด้วยกิจกรรม MICE และขอสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการท่องเที่ยว และโรงแรมภาคตะวันออกเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบและมีมาตรฐาน
5. ด้านคุณภาพชีวิต ขอรับการสนับสนุน ดังนี้ (1) ยกระดับโรงพยาบาลปลวกแดง จังหวัดระยอง จากโรงพยาบาลชุมชนประจำอำเภอ เป็นโรงพยาบาลขนาด 100-120 เตียง เพื่อรองรับแรงงานในนิคมอุตสาหกรรม (2) พิจารณาจัดสรรอัตรากำลังบุคลากรด้านการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งเครื่องมืออุปกรณ์ทางการแพทย์ ให้กับโรงพยาบาลมาบตาพุด จังหวัดระยอง (3) การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านอุบัติเหตุฉุกเฉินและโรคหัวใจ เพื่อรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและสังคมภาคตะวันออกของโรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี และโรงพยาบาลศูนย์ชลบุรี (4) การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ด้านอุบัติเหตุฉุกเฉินเพื่อรองรับการขยายตัวของ EEC และการท่องเที่ยว ของโรงพยาบาลศูนย์ชลบุรี จังหวัดชลบุรี (5) การจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศ ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดนครนายก (6) การพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินครบวงจรของ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร์ จังหวัดปราจีนบุรี
6. ด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขอรับการสนับสนุน ดังนี้ (1) ระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียในอำเภอปลวกแดง และเขตควบคุมมลพิษ จังหวัดระยอง (2) ขอให้กระทรวงคมนาคมร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ศึกษาการขุดลอกแม่น้ำบางปะกองจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อแก้ไขปัญหาแม่น้ำตื้นเขิน และศักยภาพการขนส่งพืชผลทางการเกษตรทางน้ำ (3) ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาช้างป่าที่ออกมารบกวนประชาชนนอกพื้นที่เขตป่าอนุรักษ์ ของป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และ (4) ขอรับการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม การระบายน้ำ ระบบรวบรวมและบำบัดน้ำเสียเมืองพัทยาอย่างครบวงจร
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับทุกข้อเสนอที่ต้องการให้รัฐบาลส่งเสริมสนับสนุน โดยเบื้องต้นได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาและศึกษาถึงความเป็นไปได้ในการดำเนินการตามขั้นตอน เพื่อให้เกิดความเหมาะสม คุ้มค่ากับงบประมาณของแผ่นดิน และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในแต่ละพื้นที่อย่างยั่งยืนต่อไป
---------------------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th