วันนี้ (12 ก.พ. 61) เวลา 9.30 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานวันสิทธิมนุษยชนสากล และกล่าวปาฐกถาพิเศษเพื่อประกาศ “วาระแห่งชาติ: สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยพลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญดังนี้
นายกรัฐมนตรีมีความยินดีที่ได้มาเป็นประธานงานวันสิทธิมนุษยชนสากล เพื่อประกาศ “วาระแห่งชาติ: สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ปัจจุบันเรื่องสิทธิมนุษยชนเป็นประเด็นที่แต่ละประเทศให้ความสำคัญเพราะเป็นหลักการสากลที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับที่จะช่วยทำให้เกิดสันติภาพและความเจริญก้าวหน้าต่อมวลมนุษยชาติ ทั้งนี้รัฐบาลมีเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นในการส่งเสริม คุ้มครองสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับนานาประเทศ และมุ่งหวังให้ประเทศไทยเกิดความสงบสุข สันติสุข ให้ทุกคนมีความรักสามัคคี รู้สิทธิ รู้หน้าที่ เคารพสิทธิซึ่งกันและกัน และไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น โดยคำนึงถึงหลักปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declarations of Human Rights) ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ละเลยต่อการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน จะเห็นได้จากการประกาศ ใช้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 นโยบายลดความเหลื่อมล้ำในด้านต่างๆ การประกาศใช้กฎหมายหลายฉบับ ตลอดจนการประกาศใช้แผนสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฉบับที่ 3 (พ.ศ.2557-2561) เพื่อส่งเสริมคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน
ล่าสุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2560 เห็นชอบและประกาศวาระแห่งชาติ “สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” ในการยกระดับสิทธิมนุษยชนให้เป็นวาระแห่งชาติ สนับสนุนการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติและนโยบาย Thailand 4.0 ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่งและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายที่ต้องการ ให้ “สังคมไทยเป็นสังคมที่ส่งเสริมสิทธิเสรีภาพและความเท่าเทียมกันโดยคำนึง ถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพื่อนำไปสู่สังคมสันติสุข” ภายใต้กรอบนโยบาย ถอดรหัสวาระแห่งชาติ 4 สร้าง 3 ปรับ 2 ขับ 1 ลด = กุญแจสู่สังคมสันติสุข
นายกรัฐมนตรีหวังว่าทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จะร่วมมือกันนำกรอบนโยบายของวาระแห่งชาตินี้ ไปเพิ่มขีดความสามารถการทำงานด้านสิทธิมนุษยชน และบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อให้เกิดผลที่เป็นรูปธรรม โดยมีการดำเนินการดังนี้
(1) การดำเนินการป้องกันและจัดการการค้ามนุษย์ด้วยการประกาศวาระแห่งชาติ ภายใต้ “ประชารัฐ ร่วมใจ ต้านภัย การค้ามนุษย์ อย่างเข้มแข็ง” ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 เป็นต้นมา เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง ภายใต้มาตรการ 3P คือ 1. การดำเนินคดี Prosecution/ 2. การคุ้มครองช่วยเหลือ Protection/และ 3. การป้องกัน Prevention
(2) ด้านสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น โดยคำนึงถึงผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคง ศีลธรรมอันดี และการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนทุกคน
(3) ด้านสิทธิการมีส่วนร่วมของประชาชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
(4) ด้านสิทธิของผู้ต้องหาหรือผู้ถูกควบคุมที่มีความเสี่ยงหรือมีโอกาสที่จะถูกซ้อมทรมาน ประเทศไทยต่อต้านการทรมานและการปฏิบัติ หรือการลงโทษอื่นที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม หรือย่ำยีศักดิ์ศรี
ในโอกาสที่ปีนี้จะครบรอบ 70 ปี ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน นายกรัฐมนตรีเห็นว่าหากทุกภาคส่วนให้ความสำคัญของการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ สิทธิมนุษยชนร่วมขับเคลื่อน Thailand 4.0 เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ก็จะส่งผลให้ประเทศไทยเป็นสังคมที่มีคุณภาพ มีความเป็นอยู่ที่ดี มีสุขอย่างยั่งยืน ดังหลักคิดของนายกรัฐมนตรีที่ได้เคยกล่าวไว้ว่า “เราจะเดินหน้าไปด้วยกันและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง” (Stronger, Together and Leave No One Behind)
อนึ่ง ก่อนเข้าร่วมงานนายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมนิทรรศการ และได้รับการต้อนรับจากคณะเยาวชนที่ได้ร้องเพลงเพื่อเป็นกำลังใจให้แก่นายกรัฐมนตรี โดยมีเนื้อเพลง ยืนยันว่า เยาวชนไทยและประเทศไทยยืนหยัด คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ดังนี้
ดีเกร์ฮูลูสิทธิและเสรีภาพ
เยาวชน ของคนไทย มุ่งมั่นด้วยใจ สานรักสามัคคี
ได้รัฐบาลดี มาช่วยเสริมสร้าง เป็นแนวทาง คุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ
ไม่ละเมิด สิทธิเสรีภาพ ไม่เป็นปฏิปักษ์ ต่อรัฐธรรมนูญ
ช่วยเพิ่มพูน ศีลธรรม อันดีงาม ของเยาวชนไทย
ไทยแลนด์ 4.0 กระทรวงยุติธรรม ช่วยผลักดัน วาระชาติ
สิทธิเสรีภาพ สิทธิมนุษยชน เพื่อพัฒนาคม ไทยให้ยั่งยืน
ขอขอบคุณ ผู้ชมทุกท่าน ที่มาชม ดีเกร์ของพวกเรา
ดีเกร์ฮูลู รร.รณ. ร่วมสืบสาน วัฒนธรรมไทย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th