นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสังคม ได้กล่าวชี้แจงความคืบหน้าการปฏิรูปการออม สวัสดิการสังคม และการลงทุนด้านสังคม ดังนี้
1. กำหนดเป้าหมายลดความเหลื่อมล้ำด้านสวัสดิการสังคมและให้คนไทยมีรายได้หลังอายุการทำงานและผู้สูงวัยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ของรายได้ ด้วยการส่งเสริมการออมภาคบังคับโดยคืนภาษีมูลค่าเพิ่มส่วนหนึ่งเป็นเงินออมให้กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำด้านสวัสดิการสังคมระหว่างกลุ่มต่าง ๆ ประกอบด้วย กลุ่มข้าราชการ ลูกจ้าง กลุ่มอาชีพอิสระ เป็นต้น รวมถึงการระดมทุนเพื่อใช้เป็นทุนหมุนเวียนให้เทศบาลและองค์การบริหารส่วนจังหวัดได้กู้ยืม เพื่อลงทุนในบริการสาธารณะด้านสังคม เช่น สถานที่ดูแลผู้ป่วยนอกโรงพยาบาล สถานที่ดูแลผู้สุงวัย แหล่งเรียนรู้ พื้นที่นันทนาการ ตลอดจนการปฏิรูประบบการสงเคราะห์ผู้ด้อยโอกาส โดยการจัดสรรค่าใช้จ่ายด้วยวิธีคิดอัตราเฉลี่ยต่อหัวในลักษณะเป็นโครงการ โดยมอบให้องค์กรปกครองท้องถิ่นหรือชุมชนเป็นผู้จัดทำและเก็บรักษาข้อมูลเชิงคุณภาพด้วยตนเอง เพื่อให้ความช่วยเหลือของรัฐมุ่งไปสู่กลุ่มเป้าหมายได้ถูกต้อง
2. การปฏิรูปโอกาสการพัฒนาสังคมโดยสนับสนุนให้เกิดชุมชนเข้มแข็ง และการขับเคลื่อนสังคมด้วยจิตสาธารณะ ทำให้ปฏิรูปชุมชนให้เข้มแข็งโดยสร้างโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาและเพิ่มพูนรายได้และทรัพย์สินของตนเอง โดยการเร่งรัดการออกกฎหมายสำคัญ เช่น การจัดทำ พ.ร.บ. รองรับสิทธิชุมชน พ.ร.บ. ยุติธรรมชุมชน แก้ไข พ.ร.บ. สภาองค์กรชุมชน เป็นต้น ตลอดจนสร้างหลักประกันการออมและทรัพย์ชุมชนด้วยการปลูกไม้ยืนต้น ทั้งนี้ ต้องขจัดอุปสรรคต่าง ๆ ในการปลูกและนำไม้ยืนต้นไปใช้ ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายป่าไม้ และกฎหมายหลักประกันธุรกิจให้เหมาะสม มีการจัดระบบสนับสนุนการขับเคลื่อนทางสังคมให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาสังคมด้วยการส่งเสริมและฟื้นฟูจิตสาธารณะผ่านอาสาสมัครและกลุ่มพลังต่าง ๆ ให้มีการลงมือช่วยงานสาธารณะอย่างแข็งขันต่อเนื่อง ทั้งนี้ จะต้องมีการปลูกฝังการสร้างความตระหนักรู้ในการร่วมมือสร้างสังคมที่ดีควบคู่ไปด้วย
ด้านนายเสรี ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการกล่าวชี้แจงการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุขว่าเน้น การดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลของประชาชนแบบองค์รวม ตอบโจทย์ ของประชาชนทุกช่วงวัย ทุกระดับรายได้ ทุกกลุ่มเสี่ยง และทุกระดับของการรักษา โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือสุขภาวะที่ดีของประชาชนไทยทุกหมู่เหล่าที่ยั่งยืนในระยะยาว โดยได้เสนอทิศทางการปฏิรูป ต่อที่ประชุมระดมความคิดเห็นผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อปฏิรูปกลไกการดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุข (Retreat) ประจำปีงบประมาณ 2561 ใน 4 เรื่องหลัก ได้แก่ ระบบบริหาร ระบบบริการและคุ้มครองผู้บริโภค ข้อมูลสารสนเทศและกำลังคน ระบบการเงินการคลัง
ส่วนนายจิรชัย มูลทองโร่ย ประธานคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสื่อสารมวลชน ได้กล่าวถึงการปฏิรูปประเทศในด้านสื่อสารมวลชนถึงความคาดหวังและการเปลี่ยนแปลงในการปฏิรูปประเทศไว้ว่าการปฏิรูปการรู้เท่าทันสื่อของประชาชน คือ การบรรจุสาระเกี่ยวกับ “การรู้เท่าทันสื่อ” ในแนวทางการส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อของการปฏิรูปโครงสร้างอุตสาหกรรมสื่อสารมวลชนและเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนแนวทางของการกำกับดูแลสื่ออนไลน์และรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ของโครงสร้างพื้นฐานสำคัญด้านสารสนเทศของประเทศ รวมทั้งการบริหารจัดการข้อมูลข่าวสารภาครัฐ เพราะสิ่งที่จะดำเนินการปฏิรูปต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนตามแนวคิดตามแผนต่าง ๆ ตามวัถตุประสงค์และสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง
……………………………………………….
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th