วันนี้ (5 มีนาคม 2561) เวลา 11.00 น. ณ องค์การสะพานปลา ตำบลมหาชัย อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสาคร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รับฟังบรรยายสรุปภาพรวมการดำเนินงานขององค์การสะพานปลา และผลการดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service : OSS) จังหวัดสมุทรสาคร และชมการสาธิตระบบฐานข้อมูลการสแกนม่านตา (Iris Scan System) ระบบระบุตำแหน่งเรือประมงไทย (Vessel Monitoring System) และการตรวจควบคุมการแจ้งเข้า – ออกของเรือประมงพาณิชย์ พร้อมตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่คัดแยกประเภท และการขนถ่ายสินค้าสัตว์น้ำ
สำหรับองค์การสะพานปลา เป็นตลาดกลางสินค้าสัตว์น้ำทั้งทางเรือและทางบกในจังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงเป็นตลาดกลางรองรับสัตว์น้ำที่ขนถ่ายมาจากทางภาคใต้ ในส่วนผลการดำเนินการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวแบบเบ็ดเสร็จ ปัจจุบันประเทศไทยมีแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือสัญชาติกัมพูชา เมียนมา และลาว จำนวนทั้งสิ้นกว่า 3.8 ล้านคน ซึ่งเป็นแรงงานที่เข้าเมืองและทำงานอย่างถูกกฎหมายประมาณ 2 ล้านคน และในส่วนที่เหลือคือแรงงานประเภททั่วไปที่ได้รับการผ่อนผันให้เข้ามาทำงานประมาณ 1.8 ล้านคน ปัจจุบันมีแรงงานมาดำเนินการขึ้นทะเบียนประวัติประมาณ 2 ล้านคน และยังมีแรงงานต่างด้าวประมาณ 8 แสนคนที่ไม่สามารถดำเนินการพิสูจน์สัญชาติให้แล้วเสร็จได้ตามระยะเวลาที่ผ่อนผัน ส่งผลให้แรงงานกลุ่มดังกล่าวเป็นแรงงานที่ทำงานอย่างผิดกฎหมาย แต่นายจ้างและผู้ประกอบการยังมีความจำเป็นจะต้องจ้างงานอยู่ ซึ่งถ้าให้แรงงานกลับประเทศต้นทางตามมาตรการทางกฎหมาย อาจส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การขาดแคลนแรงงานในประเทศ
ในส่วนของระบบฐานข้อมูลการสแกนม่านตา พบปัญหาอุปสรรคเนื่องจากแรงงานในกิจการประมง ไม่สามารถเข้ามาสแกนม่านตาได้ตามวันและเวลาที่นัดหมายได้ เพราะเรืออยู่กลางทะเล ไม่สามารถระบุวันที่จะเข้าได้ จึงทำให้การสแกนม่านตาล่าช้า สำหรับกิจการแปรรูปสัตว์น้ำนั้น นายจ้างไม่สามารถนำแรงงานต่างด้าวมาสแกนม่านตาที่ศูนย์ ฯ ได้เช่นกัน เนื่องการหากแรงงานหยุดงาน จะส่งผลกระทบต่อการผลิต การดำเนินการแก้ไขปัญหาในเบื้องต้น สำนักงานจัดหางานจังหวัดได้ปรับวิธีการดำเนินการโดยการออกไปดำเนินการสแกนม่านตาตามสถานประกอบการแต่ละแห่งเพื่อให้กระทบต่อการผลิตน้อยที่สุด
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้พบปะกับประชาชนที่มาให้การต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า รัฐบาลมีความตั้งใจทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่สะสมมานาน พร้อมทำงานใหม่ ๆ เพื่อประชาชนและเพื่อประเทศชาติให้สามารถเดินไปข้างหน้าได้ โดยเฉพาะปัญหาความเป็นอยู่ของประชาชน จึงต้องสร้างรายได้เข้าสู่ประเทศให้มากด้วยการลงทุน เพราะเมื่อมีการลงทุนเศรษฐกิจก็จะดีขึ้น นำรายได้สู่ประเทศ และจะสะท้อนกลับไปสู่ประชาชนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
สำหรับแรงงานประมงนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ถ้ามีใครเรียกรับผลประโยชน์ ขอให้ร้องเรียนมายังหน่วยงานราชการ หรือร้องเรียนโดยตรงกับนายกรัฐมนตรี อย่าเกรงกลัวอิทธิพลใด ๆ ทั้งสิ้น ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมฝากให้ช่วยกันดูแลแรงงานทั้งคนไทยและแรงงานประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV ซึ่งจะต้องดูแลซึ่งกันและกัน เติบโตไปพร้อมกัน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
พร้อมกล่าวยืนยันว่า ไม่ต้องการรังแกชาวประมง ซึ่งอาจจะได้รับผลกระทบบ้างในช่วงแรก แต่ขอให้อดทน ทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะรัฐบาลมีเจตนารมณ์ที่จะมุ่งมั่นแก้ไขปัญหา IUU อย่างจริงจัง เพื่อความยั่งยืน ขอทุกคนให้ความร่วมมือกัน อย่าต่อต้านรัฐบาลในการดำเนินการแก้ไขปัญหา ส่วนเจ้าหน้าที่ทุกคน ขอให้ทุ่มเททำงาน และมีความเสียสละ ส่วนระบบต่าง ๆ ที่นำเข้ามาช่วยเหลือการทำงานนั้น อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ขอให้ทำดียิ่งๆ ขึ้นไปจะได้ประสบความสำเร็จ ส่วนสิ่งใดที่มีปัญหาขอให้ช่วยกันแก้ไขต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการเลือกตั้งว่า ถือเป็นกลไกสำคัญของระบอบประชาธิปไตย จึงขอให้ทุกคนที่มีสิทธิ์เลือกแบบมีหลักคิด มีหลักการ ขอให้มองผลประโยชน์ระยะยาว และผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก อย่าเห็นแก่ผลประโยชน์ระยะสั้น พร้อมขอให้ทุกคนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง เลือกคนที่ทำเพื่อประเทศชาติให้สามารถเดินหน้าไปได้ทุก 5 ปี รวมทั้งฝากถึงผู้นำส่วนท้องถิ่นว่า ขอให้ภาคภูมิใจกับตำแหน่งหน้าที่ เพราะเป็นตำแหน่งที่สำคัญ ใกล้ชิดกับประชาชน และเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในระดับท้องถิ่น
-------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th