รอง นรม. พล.อ. ฉัตรชัยฯ ติดตามการปฏิบัติราชการของกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย

ข่าวทั่วไป Friday March 2, 2018 14:59 —สำนักโฆษก

รองนายกรัฐมนตรีประชุมติดตามการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 6 (จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง)

วันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2561) เวลา 09.30 น. พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด รองผู้ว่าราชการจังหวัด และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในภูมิภาคพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 6 (จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชุมพร นครศรีธรรมราช และพัทลุง) ของกลุ่มจังหวัดภาคใต้อ่าวไทย ณ ห้องประชุมกาบบัว ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดพัทลุง เพื่อรับทราบและติดตามการปฏิบัติราชการ จากผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 4 จังหวัด ในการนำเสนอผลการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ตลอดจนผลการดำเนินงานของจังหวัด ในประเด็นต่าง ๆ อาทิ การดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการของจังหวัด การดำเนินงานตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล (ความเหลื่อมล้ำของสังคมและการสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ) การขับเคลื่อนการพัฒนาตามโครงการไทยนิยมยั่งยืนของจังหวัด ผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ปัญหาสำคัญและแนวทางการแก้ไขปัญหาของจังหวัด การขอรับการสนับสนุนงบประมาณ

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและแนวทางการปฏิบัติราชการในพื้นที่เขตตรวจราชการที่ 6 แก่ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ทุกคน ว่า การตรวจราชการในวันนี้ เป็นการมาเพื่อตรวจเยี่ยมจังหวัดในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยเป็นครั้งแรก และที่กำหนดให้เป็นจังหวัดพัทลุง เพราะเห็นว่าเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญ รวมทั้งเพื่อมารับทราบผลการขับเคลื่อนการพัฒนาตามแผนพัฒนากลุ่มจังหวัดในภาพรวม ฯ ตลอดจนปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานตามแผนงาน/โครงการต่าง ๆ ตลอดจนแนวทางการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของจังหวัดที่ดำเนินการไปแล้ว และมีแผนในการแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการอย่างไร รวมทั้งข้อเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต้องได้รับการช่วยเหลือสนับสนุนผลักดัน เพื่อให้มีการพัฒนาที่มีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ในการพัฒนาด้านการเกษตร อาทิ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ประมง การพัฒนาด้านการท่องเที่ยว การบริหารจัดการน้ำและสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ขณะเดียวกัน เพื่อจะได้มีการหารือร่วมกันกำหนดแนวทางแก้ไขปัญหาสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัด พร้อมทั้งให้คำแนะนำช่วยเหลือ ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการประสานราชการเพื่อให้เกิดการบูรณาการ การทำงานร่วมกันระหว่างจังหวัด กลุ่มจังหวัดและหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งการมีแผนการบริหารจัดการที่ดีตอบโจทย์ความต้องการของพี่น้องประชาชน

พร้อมกล่าวว่า จากการรายงานของผู้ว่าราชการทั้ง 4 จังหวัด ทำให้รับทราบประเด็นปัญหาของแต่ละพื้นที่ และวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน มีแผนงาน/โครงการที่สำคัญ มีแผนแก้ไขปัญหาแบบบูรณาการร่วมกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่มีผลกระทบกับประชาชน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง หรือผลกระทบในเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และความเป็นอยู่ของประชาชน หากปล่อยปละละเลยอาจเป็นผลเสีย ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 จังหวัด มีจุดแข็งด้านแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม สามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน สิ่งสำคัญคือต้องมีความสะอาดและปลอดภัยจะทำให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ

ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนะให้จังหวัดมีการดำเนินงาน ดังนี้ 1. โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ซึ่งถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลในช่วงนี้ ทุกภาคส่วนและทุกหน่วยงานควรมีการบูรณาการในการสร้างการรับรู้ให้กับประชาชนในทุกด้าน และค้นหาความต้องการที่แท้จริงของประชาชน เพื่อจัดทำโครงการ ตามกรอบการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ ทุกจังหวัดต้องขับเคลื่อนโครงการไทยนิยมฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และมีความโปร่งใส 2. การพัฒนาจังหวัด ต้องสอดคล้องกับการพัฒนาภาค มีความเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และนโยบายของรัฐบาล 3. จังหวัดต้องให้ความสำคัญต่อการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน หรือสร้างความร่วมมือในการทำงานของทุกภาคส่วน ที่ภาครัฐดำเนินการร่วมกับภาคเอกชน และภาคประชาชนในพื้นที่ ด้วยกลไกประชารัฐ เพื่อช่วยเหลือประชาชน เกษตรกร ผู้มีรายได้น้อย และผู้ด้อยโอกาสทางสังคม ให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้นหรือสามารถประกอบอาชีพได้ 4. ให้จังหวัดเร่งจัดทำแผนงาน/โครงการเร่งด่วน ที่ขอรับการสนับสนุนประมาณ ในกรอบวงเงินที่ รอง นรม. พล.อ.ฉัตรชัยฯ สามารถอนุมัติได้ เมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ ขอให้เร่งรัดดำเนินการโดยเร็ว โปร่งใส สามารถตรวจสอบได้ เพื่อบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

ช่วงบ่าย รองนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมกิจกรรมต่าง ๆ ของ “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ศูนย์เรียนรู้สมุนไพร เศรษฐกิจ” ซึ่งอยู่ในอาณาเขตของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ ตำบลบ้านป่าบาก ตำบลทุ่งนารี อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง ที่ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2543 จากการรวมตัวของชาวบ้าน ทั้งนี้ เพื่อสร้างรายได้และทำอาชีพเสริมให้กับครอบครัว แก้ปัญหาการว่างงาน ตลอดจนส่งเสริมให้คนในชุมชนใช้สมุนไพรแทนยาแผนปัจจุบัน และใช้เป็นศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับสมุนไพรให้กับนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่สนใจ ที่สำคัญสามารถเชื่อมต่อกับการแพทย์หลักในโรงพยาบาลป่าบอน สอดคล้องกับนโยบายการพัฒนาประเทศไทยของรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพรไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพให้กับประชาชน ตลอดจนสนับสนุนการดำเนินงานตามโครงการพัฒนาเมืองสมุนไพร (Herbal City) มุ่งส่งเสริมการพัฒนาสมุนไพรอย่างครบถ้วน มีการประสานความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อให้เกิดเครือข่ายในการสร้างเสริมระบบภูมิปัญญาทางด้านเวชการ เกิดการอนุรักษ์พันธุ์ไม้สมุนไพรที่หายากให้คงอยู่ เพื่อคนรุ่นหลังจะได้ศึกษาเรียนรู้ต่อไป

จากนั้น รองนายกรัฐมนตรี ได้ทำพิธีเปิดป้าย “โครงการไทยนิยม ยั่งยืน ศูนย์เรียนรู้สมุนไพร เศรษฐกิจ อบต.ทุ่งนารี อำเภอป่าบอน จังหวัดพัทลุง” และพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนที่มาร่วมงาน โดยกล่าวว่า ทิศทางของโลกในยุคปัจจุบัน จะให้ความสำคัญกับเรื่องของการดูแลสุขภาพในทุก ๆ ด้าน ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีที่คนในชุมชนมีอาชีพทำการเกษตร เพื่อจะได้สร้างรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว รัฐบาล โดยกระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว และพร้อมให้การสนับสนุนการปลูกพืชสมุนไพร เพื่อนำมาทำเป็นยารักษาโรค พร้อมกล่าวชื่นชม ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรฯ แห่งนี้ว่า นอกจากสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนแล้ว ยังทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย

---------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ