วันนี้ (12 มี.ค. 61) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปการบริหารราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ครั้งที่ 3/2561 สรุปสาระสำคัญดังนี้
ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูป การจัดการที่ดินและผังเมือง ซึ่งผลการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) พ.ศ. 2558 - 2561 โดยดำเนินการในพื้นที่ 184 พื้นที่ 63 จังหวัด สามารถจัดคนเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่แล้ว จำนวน 39,382 ราย ใน 49,640 แปลง เนื้อที่ประมาณ 277,407 ไร่
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูป ภาคการเกษตร วัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ลดต้นทุนการผลิต และเพิ่มผลผลิต สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร สร้างทักษะในการประกอบอาชีพทั้งในและนอกภาคเกษตร เพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรรายย่อย ควบคู่กับการสร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าทางการเกษตร เพื่อลดความเสี่ยงด้านการผลิตและราคา และส่งเสริมการตลาดสมัยใหม่ และเพื่อแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร โดยมีหน่วยงานรับผิดชอบได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพาณิชย์ โดยมีการปฏิรูปโครงสร้างการผลิตภาคการเกษตร แบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1. ต้นทาง สนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานด้านการผลิตทางการเกษตร พัฒนาศักยภาพการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดและลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งสร้างทักษะในการประกอบอาชีพทั้งในและนอกภาคเกษตรเพื่อเพิ่มรายได้ให้เกษตรกรรายย่อย 2. กลางทาง สร้างมูลค่าเพิ่มสินค้าทางการเกษตร เพื่อลดความเสี่ยงด้านการผลิตและราคา 3. ปลายทาง ส่งเสริมการตลาดสมัยใหม่และตลาดรองรับสินค้าเกษตรที่มั่นคง เช่น เกษตรอินทรีย์ เป็นต้น
อีกทั้ง ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปด้านทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม การจัดการภัยพิบัติ และภาวะโลกร้อน ดังนี้ 1. ร่าง พ.ร.บ.คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ พ.ศ. .... 2. ร่าง พ.ร.บ.ป่าชุมชน พ.ศ. .... 3. ร่าง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. .... และ 4. ร่าง พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. .... ทั้งนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และอยู่ระหว่างขั้นตอนของ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อเตรียมเสนอร่างต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบตามลำดับ
จากนั้น ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาการรุกลำน้ำสาธารณะ (คลองลาดพร้าว) ซึ่งเป็นไปตามแผนและกรอบระยะเวลา พร้อมเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนในชุมชนที่ยังไม่ให้ความร่วมมือส่งผลให้ประโยชน์ของการจัดระเบียบพื้นที่คลองลาดพร้าว เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของรัฐบาลต่อไป
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการปรับภูมิทัศน์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เรื่องการจ่ายเงินช่วยเหลือและรื้อย้ายชุมชนรุกล้ำลำน้ำ รื้อย้ายบ้านเรือนที่ปลูกสร้างรุกล้ำแม่น้าเจ้าพระยา เพิ่มขึ้นจากเดิม 5 หลัง ได้แก่ ชุมชนมิตตคาม 1 จำนวน 3 หลัง และชุมชนมิตตคาม 2 จำนวน 2 หลัง ทั้งนี้จากเดิมรื้อย้ายได้ 142 หลัง จึงเพิ่มขึ้นเป็น 147 หลัง โดยจะรื้อย้ายเมื่อบ้านมั่นคง ปลูกสร้างแล้วเสร็จ และ โรงเรียนปิดเทอม ประมาณเดือน ต.ค. 2561
ต่อจากนั้น ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งมีความก้าวหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการฯ ดังนี้ 1. การจัดการกองเรือประมง 2. การติดตาม ควบคุมและเฝ้าระวังการทำประมง 3. ระบบตรวจสอบย้อนกลับ และ 4. การบังคับใช้กฎหมาย อาทิ การปรับปรุง logbook และการฝึกอบรมการใช้ logbook รูปแบบใหม่ให้แก่เจ้าหน้าที่และชาวประมง ทั้งนี้ได้ดำเนินการปรับปรุงแล้วเสร็จและอบรมใช้เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ PIPO บริการรูปแบบ One Stop Service จำนวน 32 แห่ง และชาวประมง 8,415 คนเข้าร่วม พร้อมรับทราบการจัดระบบอากาศไร้คนขับ (UAV) เพื่อใช้ตรวจสอบปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายอีกด้วย
อีกทั้ง ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการ ของคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบินพลเรือน ดังนี้ 1. รายงานการตรวจสอบด้านความปลอดภัย การออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ ดำเนินการเสร็จสิ้นและส่งมอบใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่ได้ทั้งสิ้น จำนวน 15 สายการบิน จากทั้งหมด 20 สายการบิน คือ บางกอกแอร์เวย์ ไทยแอร์เอเชีย การบินไทย นกสกู๊ต ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ นกแอร์ ไทยสไมล์ ไทยไลอ้อนแอร์ สบายดีแอร์เวย์ส เอ็มเจ็ท เคไมล์ ไทย เวียตเจ็ท โอเรียนท์ไทย เอเชียแอตแลนติคแอร์ไลนส์ และ เอซีเอวิเอชั่น 2. รายงานการตรวจสอบด้านการรักษาความปลอดภัย ICAO ได้ตรวจสอบแผนการแก้ไขข้อบกพร่องตามที่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ยื่นเสนอ และแจ้งผลการตรวจแผนกลับมาเมื่อ 13 ก.พ. 61 พบว่าเป็นที่ยอมรับและน่าพอใจอย่างมาก
จากนั้น ที่ประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของคณะอนุกรรมการเพื่อบูรณาการโครงการฟื้นฟูเมืองชุมชนดินแดง ด้านการก่อสร้างและการพัฒนาโครงการฯ รองรับผู้อยู่อาศัยเดิม (ระยะที่ 1-4 จำนวน 6,546 หน่วย)
ตอนท้ายของการประชุมรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการ โครงการปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณป้อมมหากาฬ กรุงเทพมหานคร โดยจัดเตรียมที่พักชั่วคราวบริเวณอาคารสำนักงานประปาแม้นศรี(เดิม) ให้ชุมชนเข้าพักอาศัยชั่วคราว และกรุงเทพมหานครได้ประสาน การเคหะแห่งชาติ ให้กับชุมชนที่สนใจเช่าซื้อห้องชุด "โครงการบ้านเอื้ออาทรนครชัยศรี" (ท่าตำหนัก) เป็นที่อยู่อาศัยถาวร และ และรับทราบความคืบหน้าโครงการของกระทรวงคมนาคม การจัดระเบียบรถรับจ้างสาธารณะ ประเภทรถแท็กซี่ เปิดตัว “Taxi Ok มิติใหม่แท็กซี่ไทย” ณ กรมการขนส่งทางบก เมื่อ 26 มกราคม 2561 โดยมีสถิติการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่น TAXI OK จำนวนทั้งหมด 69,684 ครั้งแบ่งเป็น ระบบปฏิบัติการ Andriod 37,787 ครั้ง ระบบปฏิบัติการ IOS 31,900 ครั้ง เฉลี่ยประมาณวันละ 2,000 ครั้ง (ข้อมูล ณ วันที่ 2 มีนาคม 2561)
ทั้งนี้ จากข้อมูลพฤติกรรมการเดินทางของผู้ใช้บริการรถ TAXI OK ที่ได้จากการกดเปิด–ปิดมิเตอร์ ทำให้กรมการขนส่งทางบกทราบว่า จุดที่มีผู้ใช้บริการรถ TAXI OK จำนวนมาก และควรมีการจัดจุดจอดรอรับผู้โดยสาร เพื่อรองรับผู้ใช้บริการในจุดต่างๆ ดังนี้ อันดับ 1. สวนจตุจักร ห้าแยกลาดพร้าว อันดับ 2. ถนนสุขุมวิท เทอร์มินอล21 BTS อโศก และ อันดับ 3. หมอชิต 2 สวนจตุจักร ซึ่งข้อมูลดังกล่าวจะนำผลการวิเคราะห์ไปสู่การปฏิบัติ และเพิ่มกำลังการผลิตรถแท็กซี่ใหม่ออกสู่ตลาดให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชนต่อไป
..................................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th