เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ 63 พรรษา ในวันที่ 2 เมษายน ศกนี้ พสกนิกรชาวไทยทุกหมู่เหล่าได้พร้อมเพรียงกัน เทิดพระเกียรติและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในวันอนุรักษ์มรดกไทย ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้วยพระปรีชาสามารถและพระวิริยะอุตสาหะล้ำเลิศ เพื่ออำนวยประโยชน์แก่ประเทศชาติและประชาชนได้น้อมนำความเป็นไทยและทรงเป็นแบบอย่างการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรอันงดงาม โดยทรงเจริญรอยตามเบื้องพระยุคคลบาท สมเด็จพระบรมชนกนาถในการสร้างสรรค์และอนุรักษ์มรดกของชาติ ให้ยั่งยืนสืบสานต่อไป ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนคนไทยทุกคน พร้อมใจกันรำลึกพระเกียรติคุณ และ พระราชภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ได้ทรงบำเพ็ญและจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไทย พร้อมทั้งสนับสนุน การอนุรักษ์ความเป็นไทยด้วยการแต่งกายแบบไทย ๆ ล้วนเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมถือว่าเป็นกุศโลบายที่น่าส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อให้ชนรุ่นหลังได้สัมผัส และภาคภูมิใจในความเป็นชาติไทย
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (23 มี.ค. 61) นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงคุณอำนาจ พรหมภินันท์ นักวิ่ง ทางดิ่ง วัย 66 ปี จากประเทศไทย ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมรายการวิ่งขึ้นหอไอเฟล ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทย ให้ความสนใจในการออกกำลังกายมากขึ้น จะสังเกตได้ว่ารายการวิ่งมีทั้งระยะฟันรัน มินิมาราธอน ฮาฟท์มาราธอนและมาราธอน ตลอดทุกสัปดาห์ ทั้งนี้ ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับงานวิ่งมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองใหญ่ ทั่วโลกและได้การยอมรับมากที่สุด เรียกว่าระดับ Majors รวมทั้งสิ้น 6 สนาม ได้แก่ 1) Boston จัดมา 121 ปี 2) New York City 48 ปี 3) Berlin 44 ปี 4) Chicago 41 ปี 5) London 37 ปี และ 6) Tokyo 36 ปี รวมถึงสนามอื่น ๆ ที่มีนักวิ่งจากทั่วโลกเข้าร่วม ไม่ต่ำกว่า 35,000 สนามใหญ่ ๆ อย่าง New York City Marathon มีคนวิ่งจบ 50,000 กว่าคน มากกว่าโอลิมปิกที่มีนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขัน ราว 11,000 คน เป็นต้น
สำหรับการสร้างความเข้าใจ ประกอบด้วยการทำประมงพื้นบ้าน ประมงพาณิชย์ ในน่านน้ำ นอกน่านน้ำ ทั้งประมงในประเทศและประมงต่างประเทศ บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและสร้างระบบกลไกการบริหารจัดการที่ยั่งยืน เน้นการให้ความรู้ ฝึกใช้เทคโนโลยี สร้างอาชีพ เข้าสู่ตลาด online และตอบโจทย์ความต้องของประชาชน
วันที่ 1 เมษายนของทุกปี เป็นวันข้าราชการพลเรือน และยึดมั่นในอุดมการณ์ที่ว่าบำบัดทุกข์ บำรุงสุข สำหรับการพัฒนาศักยภาพด้วยการให้หลักคิด มีความเป็นผู้นำ ให้เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน ร่วมมือกันแก้ปัญหาการปฏิรูประบบราชการ การบริหารราชการแผ่นดิน ควรคำนึงถึงการเรียกร้องให้เกิดการกระจายอำนาจ สิ่งสำคัญ คือ ประชาชนจะต้องพัฒนาตนเอง รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริงจึงจะพัฒนาประเทศได้ ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
สำหรับโครงการจัดหารถเมล์ NGV เริ่มมาตั้งแต่ปี 2549 เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 61 ขสมก.สามารถเปิดตัวรถเมล์ NGV 100 คันแรก โดยเริ่มให้บริการ 5 เส้นทางในกรุงเทพและปริมณฑล รับมอบจนครบ 489 ในอีก 3 เดือนข้างหน้า (มิ.ย. 61) และจะจัดหาต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ การให้บริการในปัจจุบัน ใช้มาตั้งแต่ พ.ศ. 2534 แต่ยังคงมีความจำเป็น และนายกรัฐมนตรีมองเห็นความสำคัญถึงประชาชนผู้ที่มีรายได้น้อย รัฐจึงจัดหาบริการสาธารณะให้กับประชาชน ให้มีความสะดวกสบายและทั่วถึง เพื่อยกระดับการให้บริการได้ดียิ่งขึ้น อีกด้วย
ในปัจจุบันมีการตรวจสอบจากภาคประชาชน สื่อมวลชน และสื่อโซเชียล ที่ช่วยกันรักษาผลประโยชน์ของชาติ พร้อมทั้ง รัฐบาลเปิดช่องทางรับเรื่องราวร้องเรียนต่าง ๆ มาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ได้กำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในระบบราชการ โดยให้เกิดความเชื่อมั่นในกระบวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ กระบวนการยุติธรรม และเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ และสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจแก่ประชาชน
สำหรับการพัฒนาประเทศ และความเข้าใจของระบบภาษี ซึ่งเป็นรายได้ของภาครัฐ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) อากรขาเข้า รวมถึงภาษีที่ท้องถิ่น โดยจัดเก็บจากประชาชน รวมถึงภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีสรรพสามิต ภาษีศุลกากร ที่จัดเก็บจากผู้ประกอบการ ทั้งหมดนี้ ถือเป็นรายได้ของภาครัฐที่จะถูกจัดสรรลงไปเป็นงบประมาณในการพัฒนาประเทศในด้านต่าง ๆ ให้ได้อย่างสมดุลเพื่อที่จะลดความเหลื่อมล้ำ และยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอีกด้วย ซึ่งรัฐบาลได้จัดทำเว็ปไซต์ “ภาษีอยู่ไหน” เพื่อประชาสัมพันธ์รายละเอียดต่าง ๆ และทันสมัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนสามารถตรวจสอบ และให้ข้อเสนอแนะกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ต่อไป
ในช่วงวันที่ 26 มีนาคม ถึง 4 เมษายนนี้ เป็นช่วงที่คณะทำงานธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนที่ประกอบไปด้วยคณะกรรมการด้านสิทธิมนุษยชน บรรษัทข้ามชาติ และองค์กรธุรกิจอื่น ๆ ของสหประชาชาติ ได้เดินทางมาเยือนไทยตามคำเชิญของทางการไทย เพื่อหารือ แลกเปลี่ยนข้อมูล ในประเด็นของการดำเนินธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ระหว่างภาครัฐและภาคธุรกิจไทย เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในประเด็นสิทธิมนุษยชนทั้งในส่วนหลักปฏิบัติสากล และการดำเนินงานในประเทศไทย พร้อมทั้งตระหนักรู้ของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคมของไทย ตลอดจนเพิ่มการมีส่วนร่วมในการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable development) ซึ่งรัฐบาล ได้ประกาศให้สิทธิมนุษยชนเป็น “วาระแห่งชาติ” และเชื่อมโยงกับการขับเคลื่อน Thailand 4.0 และการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวแสดงความห่วงใยและการเตรียมการต้อนรับเทศกาลสงกรานต์ ภายใต้แนวคิด “สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำคุ้มค่า ชีวาปลอดภัย” ขอให้ใช้รถ ใช้ถนน ด้วยความระมัดระวัง ให้ปลอดภัย “ดื่มไม่ขับ ง่วงก็ไม่ฝืน” และดูแลทั้งรถให้พร้อม ขับขี่มีน้ำใจกับผู้ร่วมทางและรักษาวินัยจราจร ทุกคน ถึงช้า ย่อมปลอดภัย ดีกว่า
.............................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th