วันนี้ (4 เมษายน 2561) เวลา 14.30 น. ณ อาคารอเนกประสงค์ มัสยิดนัจมุดดีน บ้านควนลังงา ตำบลทรายขาว อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพบปะประชาชนบ้านควนลังงา โดยมีประชาชนไทยพุทธ ไทยมุสลิมให้การต้อนรับกว่า 300 คน สำหรับชุมชนทรายขาวเป็นชุมชนที่บ่งบอกถึงความสมานฉันท์สามัคคีของชาวบ้านทั้งไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม ไม่แบ่งแยกศาสนา มีความรักใคร่กลมเกลียว ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันมีความสัมพันธ์เหนียวแน่นอันดีงามนี้มีมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีของชุมชน 2 วิถี คือพุทธ และอิสลาม
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวกับประชาชนความตอนหนึ่งว่า รู้สึกดีใจที่ได้มาเยี่ยมเยียนและพบปะกับพี่น้องประชาชน พร้อมกล่าวขอบคุณสำหรับรอยยิ้มและการต้อนรับอย่างอบอุ่น และไม่คิดว่าการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนเป็นการเสียสละเวลา เพราะการพบปะพี่น้องภาคใต้เป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ภาคใต้เป็นพื้นที่พหุวัฒนธรรม มีความแตกต่างของศาสนาและเชื้อชาติ แต่ขอให้รักและอยู่ด้วยกันอย่างสันติและมีความสุข เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อกันบนแผ่นดินไทย อย่าให้ความแตกต่างมาสร้างความแตกแยก และให้ระมัดระวังเรื่องความขัดแย้งในพื้นที่ด้วย โดยต้องช่วยกันพัฒนาและแก้ไขปัญหาไปพร้อม ๆ กันเพื่อประเทศชาติของเราทุกคน
ในส่วนของรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนทั้งประเทศ ซึ่งภาคใต้มีปัญหาเรื่องพลังงาน และสินค้าการเกษตร การแก้ไขปัญหาจึงจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้ง 3 ส่วน คือภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณผ่านโครงการต่างๆ จึงขอให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณ หากพบการทุจริตขอให้แจ้งส่วนราชการ เพื่อให้นำงบประมาณที่ได้รับมาใช้ประโยชน์ให้เกิดความคุ้มค่า เพื่อแก้ไขปัญหาให้เกิดความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนต่อไป
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เข้าร่วมพิธีขอดูอาร์ ณ มัสยิดโบราณ 300 ปี เป็นพิธีให้พร การสรรเสริญและสดุดีพระองค์ การแสดงความปรารถนาดี รวมถึงการขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ปรารถนาและให้ปลอดภัยจากสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
สำหรับ มัสยิดแห่งนี้ได้สร้างขึ้นประมาณ 300 ปีมาแล้ว โดยความร่วมมือระหว่างเจ้าอาวาสวัดทรายขาวกับโต๊ะอิหม่ามในสมัยนั้น โดยมีการสร้างหลังจากสร้างโบสถ์ของวัดทรายขาวแล้วเสร็จได้ขอให้เจ้าอาวาสวัดทรายขาวช่วยสร้างมัสยิดเพื่อที่จะมีสถานที่ในการประกอบพิธีละหมาด โดยมีรูปแบบที่คล้ายกับโบสถ์ในศาสนาพุทธรูปแบบการก่อสร้างเป็นศิลปะการก่อสร้าง ตามแบบศิลปกรรมที่สืบทอดมาจากสถาปัตยกรรมลังกาสุกะ มัสยิดบาโงยลางาทั้งหลังสร้างขึ้นโดยไม่ใช่ตะปูแต่ใช่ลิ่มไม้ นับเป็นภูมิปัญญาและความสมานสามัคคีของชาวชุมชนท้องถิ่นร่วมกันสร้างศาสนสถานและวัฒนธรรมสถานที่งดงามล้ำค่า ทางศิลปะแบบราชอาณาจักรลังกาสุกะ จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เยี่ยมชมศูนย์การเรียนรู้ประจำหมู่บ้านควนลังงา พร้อมถ่ายภาพหมู่ร่วมกับคณะกรรมการมัสยิดนัจมุดดีนด้วยอัธยาศัยอันดี
......................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th