รัฐบาลโดย ก.วัฒนธรรม ประกาศนโยบายใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศ สร้างคน สังคม รายได้ และความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อภาพลักษณ์ที่ดีและเกียรติภูมิไทยในเวทีโลก

ข่าวทั่วไป Thursday April 5, 2018 14:35 —สำนักโฆษก

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมแถลงข่าวในงาน Meet the Press หัวข้อ “เกาะกระแสวัฒนธรรม”

วันนี้ (5 เมษายน 2561) เวลา 11.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ แถลงข่าวในงาน Meet the Press หัวข้อ “เกาะกระแสวัฒนธรรม” โดยมีสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน พร้อมซักถาม จำนวนกว่า 100 คน

โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวถึงบทบาทและหน้าที่ของกระทรวงวัฒนธรรม ซึ่งเป็นองค์กรในการบูรณาการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมสู่ประชาชน เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในความเป็นไทย พร้อมมีวิถีชีวิตที่ดีงามบนพื้นฐานของวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ส่งผลให้สังคมมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีสันติสุขอย่างยั่งยืน ตลอดจนมีบทบาทการทำนุบำรุงศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม ทั้งระดับชุมชน ท้องถิ่น ชาติ และนานาชาติ ด้วยมิติทางวัฒนธรรมเป็นที่ยอมรับในระดับสากล พร้อมทั้ง มีการบูรณาการความร่วมมือในการบริหารจัดการองค์ความรู้ และมรดกศิลปวัฒนธรรมให้เกิดประโยชน์แก่สังคมไทย และสังคมโลกอย่างเป็นรูปธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวถึงมุมมองของคนในสังคมที่มีต่อภาพลักษณ์ของกระทรวงวัฒนธรรมว่า อดีตที่ผ่านมาคนจะมองว่าเรื่องวัฒนธรรมเป็นเรื่องของคนแก่ โบราณวัตถุ หรือเรื่องของลิเก ลำตัดหมอลำ และเยาวชนเข้าถึงได้ยาก ดังนั้น จึงได้มีการวางระบบในเรื่องดังกล่าวที่จะให้ประชาชน เด็กและเยาวชนได้เข้าถึง เพื่อจะเจริญเติบอย่างมีความเป็นไทยควบคู่มีความเป็นสากล คือ เป็นคนที่รู้จักตนเอง โดยศึกษาประวัติศาสตร์ชาติของตนเองอย่างถ่องแท้ รวมไปถึงศิลปวัฒนธรรม การแต่งกายและอาหารไทยต่าง ๆ ที่มีอยู่ในแต่ละภูมิภาคของท้องถิ่น พร้อม ๆ กับศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมของสากล สิ่งสำคัญเด็กและเยาวชนไทยต้องรู้จักเรียนรู้และพัฒนาตนเองอย่างเหมาะสมให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและทันกับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลง

          พร้อมกันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวย้ำว่า เรื่องของวัฒนธรรมไม่ใช่เป็นหน้าที่หรือเรื่องของกระทรวงวัฒนธรรมเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของทุกคนที่ต้องตระหนักถึงหน้าที่ในฐานะเป็นเจ้าของวัฒนธรรม เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนงานวัฒนธรรม ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมมีสภาวัฒนธรรมเป็นองค์กรเอกชนที่จะร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องดังกล่าวไปสู่เป้าหมายที่กำหนด ทั้งนี้ ปัจจุบันกระทรวงวัฒนธรรมได้ประกาศนโยบายว่าจะใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศใน 3 มิติ ประกอบด้วย 1) การสร้าคนและสังคม โดยทำให้คนเป็นทั้งคนดีมีความรู้ รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกและวิทยาการต่าง ๆ  ขณะเดียวกันก็เป็นสังคมที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจไมตรีต่อกัน 2) การใช้วัฒนธรรมสร้างรายได้ให้กับชุมชน และสร้างความมั่งคั่งให้กับประเทศ จากต้นทุนที่มีอยู่ และ 3) การใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ภาพลักษณ์และเกียรติภูมิไทยในเวทีโลก    พร้อมได้ฝากถึงเยาวชนไทยรุ่นหลังว่า  อยากให้เด็กไทยเจริญเติบโตอย่างมีความเป็นไทยและมีความเป็นสากล คือเด็กต้องรู้จักตัวเอง รู้จักประวัติศาสตร์ชาติ ประวัติศาสตร์ท้องถิ่น  และการรักษาวัฒนธรรมไทยและวัฒนธรรมสากลให้ดำรงคงอยู่ยืนยาว มีเอกลักษณ์ความเป็นไทย และสามารถปรับให้เข้ากับยุคสมัย   ซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับกระทรวงวัฒนธรรมอย่างเดียวแต่ขึ้นอยู่กับประชาชนทุกคนในชาติ ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานะทางสังคม ที่จะรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างไร การจะรักษาสืบสานวัฒนธรรมเดิม และปรับกระแสวัฒนธรรมใหม่ที่หลั่งไหลจากภายนอกประเทศให้เหมาะสม และยังคงคุณค่าอันดีงามของความเป็นไทย โดยต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่ายในสังคม ที่ต้องร่วมกันรักษาวัฒนธรรมเหล่านี้จากคนรุ่นก่อนๆ เพื่อส่งต่อยังคนรุ่นต่อไป รวมทั้งส่งเสริมการสร้างสรรค์ศิลปะร่วมสมัย เพื่อเพิ่มพูนภูมิปัญญาของคนรุ่นปัจจุบัน และรวบรวมสะสมคุณค่าเหล่านี้ไว้เป็นสมบัติของชาติ   นอกจากนี้ ทุกคนต้องรู้จักการเปลี่ยนแปลงของโลกรู้เท่าทันวิทยาการต่าง ๆ    ซึ่งกระทรวงวัฒนธรรมกำลังขับเคลื่อนวัฒนธรรมโดยใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้ให้ชุมชนและสร้างความมั่งคั่งให้ประเทศจากต้นทุนที่เรามีอยู่  อีกทั้ง  การใช้วัฒนธรรมของไทยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ สร้างภาพลักษณ์และเกียรติภูมิไทยในเวทีโลก   ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้กระทรวงวัฒนธรรมกำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้อย่างต่อเนื่อง

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรมได้มีการบูรณาการความร่วมมือของทุกหน่วยงาน เพื่อจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 236 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” (The 236th Year of Rattanakosun City under Royal Benevoence) ในระหว่างวันที่ 21 -25 เมษายน 2561 ณ บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ ซึ่งกำหนดพิธีเปิดงานในวันเสาร์ที่ 21 เมษายน 2561 ณ ลานพลับพลาเจษฎาบดินทร์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ด้วยมหกรรมริ้วขบวนเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ 236 ปี “ใต้ร่มพระบารมีจักรีวงศ์ 10 รัชกาล” โดยมีกิจกรรมภายในงานประกอบด้วย 1) กิจกรรมเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับรัตนโกสินทร์ 2) กิจกรรม “เสน่ห์ไทยเมื่อวันวาน” 3) กิจกรรม “เสน่ห์บางกอก” ณ สวนสันติชัยปราการ เขตพระนคร กรุงเทพฯ และ 4) กิจกรรมตลาดประชารัฐจากทั่วทุกภูมิภาค พร้อมกิจกรรมอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อสร้างเสริมรายได้สู่ชุมชนอย่างทั่วถึง

ตอนท้ายของการแถลงข่าว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมได้ตอบข้อซักถามสื่อมวลชนถึงกระแสละครไทยที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ค่อนข้างที่จะเติบโตในไทยจำนวนมาก และยังกระตุ้นภาคธุรกิจเกือบทุกภาคส่วนทางกระทรวงวัฒนธรรมต่อยอดเรื่องนี้อย่างไร

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้กล่าวตอบว่า ปกติวัดไชยวัฒนารามที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จะมีคนไทยมาเที่ยวชมไม่มากนัก ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่บริษัททัวร์พามาเที่ยวชม อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่กระแสละครไทยที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้ได้ออกอากาศไปทั่วประเทศ ทำให้แฟนละครมาเที่ยวชมกันตลอดทั้งวันตั้งแต่เช้าจนจนถึงช่วงเย็น จำนวน กว่าวันละ 15,000 คน โดยเฉพาะในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ก็จะมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อน ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้บรรยากาศที่วัดไชยวัฒนารามตลอดทั้งวันเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มาตามรอยละคร อยากถ่ายรูปกับสถานที่ในละคร ต้องการมาสัมผัสสถานที่จริงทางประวัติศาสตร์ที่มีคุณค่าและสวยงาม ซึ่งบางคนมากันเป็นกลุ่ม คณะ พร้อมแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชุดไทยในยุคสมัยนั้น เป็นที่น่าประทับใจของชาวต่างชาติที่มาเยี่ยมชมวัดดังกล่าว พร้อมกล่าวเชิญชวนให้คนไทยทุกคนสนับสนุนผ้าไทยด้วยการสวมใส่ชุดทำงานที่ตัดเย็บจากผ้าไทยเป็นการส่งเสริมค่านิยมไทยและคำนึงถึงความเป็นชาติไทยอย่างกว้างขวางตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป

………………………………………………………………

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ