เนื่องในวันที่ 6 เมษายนนี้ เป็นวันจักรี ปวงชนชาวไทยทุกคน ร่วมใจกันน้อมจิต ระลึกถึง “มหาจักรีบรมราชวงศ์” และพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ผู้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ขึ้น เมื่อ 200 กว่าปี ที่ผ่านมา โดยการสืบทอดศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม จากพระราชวังหลวงของกรุงศรีอยุธยา อันเป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมให้ปัจจุบันกรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ นิยมมาเยือนมากที่สุดในโลก ประมาณ 20 ล้านคน ต่อปี ระยะเวลาติดต่อกัน 2 ปีซ้อน จากผลสำรวจของสำนักข่าว CNN
ทั้งนี้ เทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นวันสำคัญของคนไทยทุกคน ได้แก่วันที่ 13 เมษายน เป็นวันสงกรานต์ วันปีใหม่ไทยและวันผู้สูงอายุแห่งชาติ และวันที่ 14 เมษายน เป็นวันครอบครัว ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้จัดงาน “เถลิงศกสุขสันต์ มหาสงกรานต์ ตำนานไทย” พระราชทานแก่ประชาชนเพื่อร่วมกันปลูกฝังความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ อีกทั้งเป็นการส่งเสริมและสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาติ ระหว่างวันที่ 6 – 8 เมษายน 2561 นี้ณ พระลานพระราชวังดุสิต และสนามเสือป่า โดยเชิญชวนให้แต่งกายชุดไทย ชุดผ้าลายดอกหรือชุดสุภาพอย่างพร้อมเพรียงกัน และร่วมกิจกรรมที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 1. พิธีมหามงคลบำเพ็ญพระราชกุศลอุทิศถวายสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชและเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และ 2. พิธีการสรงน้ำพระพุทธกำเนิดกาสาวพัตร์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปสำคัญ ที่หล่อขึ้นเมื่อครั้งทรงผนวช (วันที่ 6 พฤศจิกายน 2521)โดยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เชิญมาประดิษฐานให้ประชาชนสักการะ ระหว่างวันเสาร์ที่ 7 เมษายน จนถึงวันอาทิตย์ที่ 8 เมษายนนี้ อีกทั้ง โปรดเกล้าฯ ให้จัดสถานที่สำหรับประชาชน ได้รดน้ำขอพรผู้ใหญ่
นอกจากนี้ การจัดนิทรรศการความเป็นมาของประเพณีสงกรานต์การแข่งขันก่อพระเจดีย์ทรายชิงโล่พระราชทานและการแสดงชุดเถลิงศกเพลามหาสงกรานต์ ซึ่งประกอบด้วยการแสดงทางวัฒนธรรมต่าง ๆ การละเล่น การแสดงโขน การบรรเลงดนตรีไทย การสาธิตการปรุงเครื่องหอม การสาธิตการทำอาหารและขนมไทยสมัยโบราณตลอดจนร่วมบันทึกภาพสามมิติประเพณีสงกรานต์ ณ บริเวณงานดังกล่าวด้วย สำหรับกิจกรรมต่างๆ ช่วงเทศกาลสงกรานต์นั้น แม้จะเป็นประเพณีของไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่คล้ายคลึงกัน ทำให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยือนประเทศไทยเป็นจำนวนมากทุกปี นอกจากการอนุรักษ์และสืบสานขนบธรรมเนียมอันดีงามแล้ว อีกทั้งการเป็นเจ้าบ้านที่ดีแสดงออกถึงความเป็นไทย เมืองที่มีน้ำใจไมตรี ต้อนรับขับสู้ด้วยรอยยิ้ม
พร้อมกันนี้ รัฐบาลจัดเตรียมมอบของขวัญปีใหม่ไทย สำหรับคนไทยทุกคน ในช่วงเดือนเมษายนนี้ประกอบด้วย การเปิดช่องทางการสื่อสารใหม่ “สายด่วนไทยนิยม” ในรูปแบบแอปพลิเคชั่นบนมือถือ เว็บไซต์ และเฟซบุ๊ก เมื่อวันอังคารที่ 3 เมษายน ที่ผ่านมา พร้อมทั้งการเชื่อมโยงข้อมูลกับช่องทางอื่นๆ ได้แก่ สายด่วน 1111 ของรัฐบาล สายด่วน 1567ศูนย์ดำรงธรรมของกระทรวงมหาดไทย สายด่วน 1299ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)และ สายด่วน 191แจ้งเหตุด่วน เหตุร้าย ซึ่งปัจจุบันเริ่มคุ้นเคยในรูปแบบแอปพลิเคชั่นบนมือถือ ชื่อว่า“โปลิศ ไอ เลิร์ท ยู” ที่กำลังขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศต่อไป
สำหรับการเปิดตัววิทยุเพื่อครอบครัว (คลื่นเอฟเอ็ม 105 เม็กกะเฮิร์ซ) Happy Family Radio FM 105 MHz ของกรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะเริ่มให้บริการในวันครอบครัว วันที่ 14 เมษายนนี้ และจะพัฒนาให้เป็นวิทยุเพื่อเด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง และทุกคนในครอบครัวอย่างเต็มรูปแบบ โดยจะทำการเผยแพร่ผ่านสื่อวิทยุและสื่อออนไลน์พร้อมได้ทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลสร้างคน คนสร้างชาติ และเป็นพลเมืองดีของชาติ ซึ่งสร้างจากครอบครัวที่อบอุ่น และได้จัดพิมพ์หนังสือชุดความรู้ สำหรับประชาชนและเยาวชน ซึ่งมีกำหนดจะเปิดตัวช่วงปลายเดือนเมษายนนี้
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างวันที่ 30-31 มีนาคม 2561 นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำแผนงานความร่วมมือทางเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง 6 ประเทศ (The Greater Mekong Sub-region Economic Coordination : GMS) ที่กรุงฮานอย สาธารณรัชสังคมนิยมเวียดนาม กลุ่มอนุภูมิภาค GMS นี้ มีสมาชิกประกอบด้วย ไทย เมียนมา ลาว กัมพูชา เวียดนาม และจีน (ยูนนานและกวางสี) ในเชิงภูมิศาสตร์ กลุ่มประเทศ GMS ถือเป็นจุดศูนย์กลางในการเชื่อมโยงติดต่อระหว่างภูมิภาคเอเชียใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาค GMS โดยมีธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB : Asian Development Bank) เพื่อดำเนินการส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวทางการค้า การลงทุน อุตสาหกรรม เกษตรกรรม และบริการ ตลอดจนการใช้ทรัพยากรธรรมชาติที่ส่งเสริมกันอย่างมีประสิทธิภาพและเพิ่มขีดความสามารถรวมทั้งโอกาสทางเศรษฐกิจในเวทีการค้าโลก
ในการประชุมครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้แทนประเทศไทย ได้นำเสนอต่อที่ประชุมถึงแนวปฏิบัติความเป็นเลิศ (Best practice) ของประเทศไทย ในการดำเนินนโยบายด้านสังคมและเศรษฐกิจ รวมถึงนำเสนอประสบการณ์ของไทยในการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรกรรม สร้างสมดุลการใช้น้ำตามหลักการสากล และเน้นย้ำ สนับสนุนการดำเนินกิจกรรมตามแผนงานของ GMS อย่างต่อเนื่องใน 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1. การผลักดันและสนับสนุนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย เร่งรัดการดำเนินงานตามกรอบการลงทุนในภูมิภาค ปี 2565 ให้เป็นรูปธรรมตามกำหนดเวลา 2. เน้นย้ำการขยายและเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมขนส่ง ตามแนวระเบียงเศรษฐกิจในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง 3. เน้นย้ำความสำคัญของนโยบาย EEC และการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวระเบียงเศรษฐกิจใน GMSเพื่อเพิ่มโอกาสการพัฒนาฐานการผลิตเชื่อมโยง และการลงทุน เพื่อสร้างและเชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่า พร้อมปรับเปลี่ยนไปสู่เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม ภายใต้ Thailand 4.04. สนับสนุนการซื้อขายไฟฟ้าในอนุภูมิภาค GMSโดยมุ่งอำนวยความสะดวกเชิงกฎระเบียบให้ผู้มีส่วนได้เสียสามารถเข้าถึงโครงข่ายสายส่งไฟฟ้าในอนุภูมิภาค GMS เพื่อนำไปสู่การเปิดตลาดซื้อขายไฟฟ้า 5.สนับสนุนการปรับปรุงสิทธิประโยชน์สำหรับการลงทุนของภาคเอกชนในภูมิภาค ผ่านการดำเนินการต่างๆ และการเพิ่มบทบาทของสมาคมขนส่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง และ 6. เน้นย้ำการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและการบริหารจัดการภัยพิบัติ เพื่อก้าวสู่การเป็นเศรษฐกิจลุ่มแม่น้ำโขงสีเขียวร่วมกัน นายกรัฐมนตรี ได้หารือทวิภาคีกับนายทองลุน สีสุลิด นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และนายเหวียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม โดยประเทศไทยและ สปป. ลาว มีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น รวมถึงกลไกความร่วมมือที่มีประสิทธิภาพ และความร่วมมือด้านการเชื่อมโยงที่สำคัญ พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีมอบใบอนุญาตการลงทุนในโครงการอมตะ ซิตี้ ฮาลอง (AMATA City Halong) ที่นักลงทุนไทยกลุ่มอมตะฯเข้าร่วมลงทุนที่เวียดนาม ที่เมืองฮาลอง จังหวัดกว่างนิงห์ ซึ่งเป็นโครงการในการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่ผู้นำเมืองอัจฉริยะ (Smart City) บนพื้นที่การลงทุนใหม่ถือเป็นความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในสองประเทศ เพื่อต่อยอดการค้าการลงทุนระหว่างกันต่อไป
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำว่าเทศกาลวันสงกรานต์ ขอให้เป็น “สงกรานต์วิถีไทย ใช้น้ำประหยัด ชีวาปลอดภัย” ตามที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ขอความร่วมมือและเสนอแนวปฏิบัติไว้ พร้อมทั้งการถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ที่ดีจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเป็นไทยนิยมคงอยู่คู่บ้านเมืองและสังคมไทยตลอดไป
………………………………………….
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th