วันนี้ (9 เม.ย. 61) เวลา 15.00 น. ณ พื้นที่พัฒนาบึงบางซื่อ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “สานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ” โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือเอสซีจี หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชน และประชาชนที่อาศัยริมบึงบางซื่อมารอให้การต้อนรับ
กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวรายงานว่า บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ได้ผนึกกำลังภาครัฐ เอกชน และชุมชน ประกอบด้วย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล การรถไฟแห่งประเทศไทย สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และกรุงเทพมหานคร ร่วมกันขับเคลื่อน “โครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ” ร่วมพลิกฟื้นชุมชนแออัดรอบบึงบางซื่อ มุ่งให้เป็นต้นแบบการยกระดับคุณภาพชีวิตชุมชน 4 ด้าน ได้แก่
1) ต้นแบบโครงการสานพลังประชารัฐ ที่ขับเคลื่อนโดยพลังประชารัฐอย่างแท้จริง ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชน 2) ต้นแบบที่อยู่อาศัยชุมชนเมือง ที่คำนึงถึงการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าจากที่ดินใจกลางเมือง อีกทั้ง ยังออกแบบให้เหมาะกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน จึงจัดให้มีพื้นที่ส่วนกลาง โดยมีข้อตกลงร่วมกัน เพื่อลดโอกาสความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้พื้นที่ รวมทั้งสร้างบ้านกลางให้ผู้สูงวัยที่อยู่อาศัยเพียงลำพัง มีปัญหาสุขภาพและไม่สามารถผ่อนสินเชื่อได้ 3) ต้นแบบการมีส่วนร่วมของผู้อยู่อาศัย ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการออกแบบตามวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของตนเองในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การออกแบบบ้านที่เหมาะสมกับจำนวนสมาชิก การวางผังบ้านที่ให้ความเป็นธรรมในเรื่องทำเล การประกอบอาชีพ และข้อจำกัดส่วนบุคคล จึงทำให้มีที่อยู่อาศัยทั้งแบบอาคารชุดและบ้านพื้นราบ การจัดระบบเลือกตำแหน่งบ้านที่รักษาความผูกพันในชุมชน รวมทั้งบริหารจัดการการอยู่อาศัยในอนาคตเมื่อทุกคนเข้ามาร่วมกัน นอกจากนี้ ยังกระตุ้นให้ชุมชนเกิดการออมทรัพย์ เพื่อให้สามารถขอสินเชื่อจาก พอช. ในการสร้างที่อยู่อาศัยของตนเอง และ 4) ต้นแบบบึงน้ำสวนสาธารณะ เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบึงน้ำสวนสาธารณะที่มีความร่มรื่นสวยงาม และเป็นบึงน้ำขนาดใหญ่ สามารถใช้เป็นแก้มลิงเพื่อป้องกันน้ำท่วม ทั้งนี้ ตั้งอยู่บนเนื้อที่ 61 ไร่ ในอดีตนั้นเคยเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตปูนซีเมนต์ของโรงงานปูนซีเมนต์บางซื่อ และได้มีการจัดสร้างบ้านพักให้กับคนงานและครอบครัวในบริเวณโดยรอบ จนเมื่อหยุดการใช้งานในปี พ.ศ.2511 จึงได้ปรับเป็นพื้นที่บึงน้ำสาธารณะ จากนั้นมีผู้ทยอยเข้ามาสร้างที่พักอาศัยเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ ประกอบด้วย 5 ชุมชน รวมประมาณ 250 หลังคาเรือน มีประชากรประมาณ 1,300 คน ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่แออัด ไม่สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานได้ อาทิ น้ำประปา ไฟฟ้า การจัดการขยะ ถนนเข้าออก และเกิดปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ เอสซีจี มุ่งหวังที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนในชุมชนให้มีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมอบที่ดินผืนนี้ให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม และเมื่อมีโครงการสานพลังประชารัฐเข้ามาช่วยสนับสนุน ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มรูปแบบ โดยเริ่มดำเนินโครงการตั้งแต่ปี พ.ศ.2559 เน้นการมีส่วนร่วมของคนในชุมชนบึงบางซื่อเป็นหัวใจสำคัญ และเป็นโครงการนำร่องในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรมอีกด้วย
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ชมวีดิทัศน์ “บึงบางซื่อ.. ต้นแบบการพัฒนา ยกระดับคุณภาพวิถีชีวิตชุมชนเมืองอย่างยั่งยืน” และได้ทำพิธีเปิดโครงการสานพลังประชารัฐ-การพัฒนาพื้นที่บึงบางซื่อ พร้อมกล่าวว่า สำหรับโครงการดังกล่าวถือเป็นความร่วมมือของภาครัฐ เอกชนและชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม ที่ช่วยนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนแออัด ซึ่งมีปัญหาทั้งในเรื่องของสุขอนามัย ความปลอดภัย รวมทั้งการเข้าถึงระบบการบริการของภาครัฐที่เป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากไม่มีทะเบียนราษฎร์ ดังนั้น รัฐบาลจึงเห็นความสำคัญที่จะเข้ามาจัดระเบียบ เพื่อให้ประชาชนได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน โครงการดังกล่าวจึงถือเป็นต้นแบบที่เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนการดำเนินงานตามโครงการประชารัฐด้วยความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการขับเคลื่อนประเทศด้วยกลไกประชารัฐ ทำงานร่วมกันแบบบูรณาการโดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการทำงานให้ตรงกับประชาชน เพื่อวางรากฐานให้กับอนาคต ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม พร้อมสนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนฐานรากด้วย การส่งเสริมด้านอาชีพโดยให้เน้นความพอเพียง พร้อมทั้ง มีการตั้งกลุ่มออมทรัพย์เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่รวมตัวกัน โดยการฝึกฝนให้ประชาชน รู้จักประหยัด อดออม เก็บสะสมเงินทุนที่เหลือจากการใช้จ่าย และการสร้างกระบวนการเรียนรู้ให้กับคนในชุมชน พร้อมทั้ง การจัดกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีศูนย์การเรียนรู้ และศูนย์บริการจำหน่ายสินค้าของวิสาหกิจชุมชนและวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ให้กับประชาชนในพื้นที่และประชาชนทั่วไปได้ใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ย้ำถึงการป้องกันระบบอัคคีภัย ต้องให้มีความพร้อมอยู่เสมอ อีกทั้ง การจัดการสัญจรทางเข้า-ออกให้มีความสะดวกแก่ประชาชนในชุมชนอีกด้วย
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมโครงการดังกล่าวว่า ไม่ได้เป็นเพียงการสร้างที่อยู่อาศัยให้แก่ประชาชนเท่านั้น แต่เป็นการสร้างชุมชนให้เกิดความเข้มแข็งในการดำรงอยู่ ด้วยการสร้างระบบและกลไกต่างๆ ที่จะเป็นเครื่องมือต่อการพัฒนาและดูแลชุมชนให้มีความพร้อมในทุกด้านและเทียบเท่ากับชุมชนอื่นๆ อีกทั้ง นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าวร่วมกันบูรณาการพัฒนาบริเวณที่ตั้งของชุมชนริมคูคลองให้เกิดความร่วมมือกันในการรักษาคูคลองโดยชุมชน ดูแลความสะอาด การพัฒนาคลองที่มีปัญหาน้ำเน่าเสีย คลองอุดตัน ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มทำในคลองลาดพร้าว ซึ่งมีประชาชนปลูกสร้างบ้านเรือนบุกรุกคลองเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งรัฐบาลกำลังจัดระเบียบ ตามข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ในการให้ความร่วมมือด้วย และให้เร็ว ๆ นี้ รัฐบาลก็จะต้องดำเนินการต่อที่คลองเปรมประชากรเพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของประชาชนทุกชุมชนอย่างทั่วถึงต่อไป
………………………
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th