ผู้แทน WHO ประจำประเทศไทย ชื่นชมรัฐบาลไทย เรื่องหลักประกันสุขภาพที่ช่วยผู้ป่วยเข้าถึงการรักษา คุณภาพชีวิตดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเชิญชมนิทรรศการ งานวันอนามัยโลก (World Health Day) หนุน “หลักประสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อทุกคน ทุกหน ทุกแห่ง”
วันนี้ (17 เมษายน 2561) เวลา 08.30 น. ณ บริเวณโถงกลางตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี ศ.นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมด้วย นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และ นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงศ์. รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้นำ นพ.แดเนียล เอ. เคอร์เทสช์ ผู้แทนองค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย (Dr.Daniel A. Kertesz, WHO Representative to Thailand) และคณะผู้แทนจากทุกภาคส่วน เข้าพบ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อรายงานความก้าวหน้าตามนโยบาย“สุขภาพดีถ้วนหน้า”(Health For All) เนื่องในโอกาส “วันอนามัยโลก” หรือ “World Health Day” ซึ่งตรงกับวันที่ 7 เมษายนของทุกปี และจัดแสดงนิทรรศการ พร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่สนับสนุนการดำเนินระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมี พล.อ. ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมความพร้อมและชมนิทรรศการก่อนเริ่มงาน
ทั้งนี้ วันอนามัยโลก ได้ถูกกำหนดขึ้นตามที่ประชุมสมัชชาอนามัยโลกครั้งแรก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนและทุกภาคส่วนในสังคมตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพ โดยเฉพาะการมี “สุขภาพดีถ้วนหน้า” (Health for All) ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญในการดำเนินงานขององค์การอนามัยโลก และในปี 2561 นี้ เนื่องในวาระครบ 70 ปีขององค์การอนามัยโลก นับเป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำทุกประเทศจะร่วมผลักดัน “หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อทุกคน ทุกหน ทุกแห่ง” เพื่อให้ประชากรทั่วโลกเข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นโดยไม่มีอุปสรรคทางการเงินหรือประสบภาวะล้มละลายจากค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลภายใต้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วหน้าในปี 2568
นอกจากนี้ ประเทศไทยได้มีการดำเนินนโยบายหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าตั้งแต่ปี 2545 และได้มีการจัดตั้ง “กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” โดยมีสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเป็นหน่วยงานดำเนินงานกองทุนฯ ส่งผลให้คนไทยกว่า 48 ล้านคน มีหลักประกันสุขภาพรองรับ เข้าถึงบริการสุขภาพที่จำเป็นได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง มีคุณภาพและมาตรฐาน ตลอดระยะเวลา 16 ปีที่ผ่านมา ไม่เพียงแต่ได้รับการยอมรับจากในประเทศ แต่ยังได้รับความชื่นชมจากองค์กรระหว่างประเทศและนานาชาติ โดยยกย่องให้ไทยเป็นประเทศต้นแบบที่รัฐบาลได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลสุขภาพของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาและบริการสาธารณสุขที่จำเป็นได้โดยไม่มีอุปสรรคทางการเงิน ไม่ต้องประสบภาวะล้มละลายจากค่ารักษา ช่วยลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน
ในการเข้าพบครั้งนี้ ดช.ญาณากร ชุ่มเย็น ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดหัวใจ และ นางสาวณฐพร ภู่โชติ ผู้ป่วยที่ได้รับการปลูกถ่ายไต เป็นตัวแทนผู้ป่วย ติดเข็มกลัด “Health For All” และมอบดอกไม้ให้นายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความชื่นชมพร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่ได้ให้ความสำคัญต่อการดำเนินระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ไม่เพียงทำให้ผู้ป่วยทั่วประเทศเข้าถึงการรักษา แต่ยังมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ดช.ญาณากร หรือน้องมาร์ค เป็นผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดหัวใจตั้งแต่อายุ 25 วัน ด้วยโครงการผ่าตัดหัวใจ 8,000 ดวง เฉลิมพระเกียรติ 80/84 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 – 5 ธันวาคม 2550 เพื่อลดจำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจที่รอการผ่าตัด ทำให้เข้าถึงการรักษาได้ทันท่วงที จากการผ่าตัดหัวใจทำให้ปัจจุบันน้องมาร์คมีร่างกายที่แข็งแรง เล่นกีฬาและช่วยแม่ทำงานบ้านได้ รวมทั้งเข้าเรียนได้ตามปกติไม่ต่างจากเด็กทั่วไป มีเพียงรอยแผลผ่าตัดหัวใจเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่าเคยป่วยด้วยโรคหัวใจรุนแรงที่อาจเสียชีวิตได้เท่านั้น
นางสาวณัฐพร เป็นผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรังจากโรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง ( SLE) ตั้งแต่อายุ 18 ปี เริ่มต้นมีอาการบวมตามร่างกาย เหนื่อยง่าย มีผื่นขึ้นที่หน้าและมีภาวะผมร่วง ต้องรักษาโดยการกินยากดภูมิคุ้มกันต่อเนื่อง ส่งผลให้ไตทำงานน้อยลง เกิดภาวะเสื่อมจนต้องรับการบำบัดทดแทนไตในที่สุด ต่อมาได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตจากมารดา เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2559 ปัจจุบันมีร่างกายแข็งแรงดี ทำงานได้ตามปกติ เพียงแต่ยังต้องนัดตรวจเพื่อติดตามการรักษาเป็นระยะและรับยากดภูมิคุ้มกันต่อเนื่อง โดยผู้ป่วยใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทั้งการปลูกถ่ายไตและรักษาโรค SLE รวมทั้งการติดตามการรักษาต่อเนื่อง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้ชมนิทรรศการเกี่ยวกับงานอนามัยโลกพร้อมให้กำลังใจผู้ป่วยที่มาเข้าพบพร้อมกล่าวให้สุขภาพแข็งแรงและให้มีจิตใจที่เข้มแข็ง เพื่อสุขภาพจะได้แข็งแรงยิ่งขึ้นต่อไป
..................................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th