วันนี้ (17 พฤษภาคม 2561) เวลา 09.30 น. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงาน Korea – Thailand 60th Anniversary of Diplomatic Relations: Maekyung Thailand Forum ณ โรงแรม Siam Kempinski Bangkok สรุปสาระสำคัญการหารือ ดังนี้
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวขอบคุณ Maekyung Media Group ที่ได้จัดงาน Maekyung Thailand Forum ในครั้งนี้ขึ้นเพื่อร่วมฉลองครบ 60 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย - เกาหลีใต้ ในปีนี้ ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองมายาวนาน หวังว่างานสัมมนาในครั้งนี้จะช่วยส่งเสริมให้ความร่วมมือระหว่างกันมีความแนบแน่นเช่นนี้ต่อไป
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในบริบทเศรษฐกิจโลก ประเทศไทยมีพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจจาก 2% เมื่อปี 2559 เป็น 3.9% ในปี 2560 และคาดว่าจะขยายตัวถึง 4% ในปีนี้ ทั้งยังได้รับการยอมรับจากองค์การระหว่างประเทศ เช่น World Bank และ World Economic Forum ซึ่งเป็นผลมาจากการเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลปัจจุบัน ที่ต้องการปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางเศรษฐกิจของประเทศไทย เพื่อก้าวไปสู่การเป็นประเทศไทย 4.0 โดยลดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่พึ่งพิงการส่งออกในอุตสาหกรรมพื้นฐาน เปลี่ยนเป็นมุ่งเน้นการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ และนวัตกรรมดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนและพัฒนาองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อเป็นกลไกเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการปฏิรูประบบการศึกษาและวิจัย เน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย 11 อุตสาหกรรม และกลุ่มคลัสเตอร์เทคโนโลยี
รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำว่า เกาหลีใต้เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของไทยที่มีศักยภาพสูง ในฐานะผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมีความเป็นเลิศในเทคโนโลยีต่าง ๆ ซึ่งไทยได้เปิดกว้างและมีความพร้อมในการรองรับการลงทุนใหม่ ๆ ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ การพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) การจัดตั้งเขตพัฒนานวัตกรรม (EECi) และเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) เพื่อเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคตและเป็นแหล่งรองรับการลงทุนของเกาหลีใต้ในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง CLMVT (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม และไทย) จึงขอเชิญชวนให้นักลงทุนเกาหลีใต้เข้ามาลงทุน พร้อมนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในไทย เพื่อนำความรู้และประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนซึ่งกันและกัน ทำให้ศักยภาพและความเข้มแข็งของทั้งสองประเทศเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ ในเดือนมิถุนายนนี้ ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดกับกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ในกรอบ ACMECS โดยจะมีการรับรองแผนแม่บท (Master Plan) ที่ก่อให้เกิดการเชื่อมโยงทางโครงสร้างพื้นฐานในภูมิภาคแบบไร้รอยต่อ การสอดประสานด้านเศรษฐกิจ และการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพและยั่งยืน เพื่อให้กลุ่มประเทศสมาชิก ACMECS เติบโตไปพร้อมกัน หวังว่าเกาหลีใต้จะพิจารณามาร่วมเป็นหุ้นส่วนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานกับไทย ซึ่งจะเป็นการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคมในการเชื่อมโยงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กับภูมิภาคอื่น ๆ
ทั้งสองประเทศควรจะร่วมมือกันอย่างเข้มข้นขึ้นในการเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ทั้งในระดับทวิภาคี และระดับภูมิภาค เพื่อส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยการดึงศักยภาพ ความหลากหลาย และจุดแข็งที่แต่ละฝ่ายมีอยู่มาผนึกกำลังร่วมกัน ซึ่งจังหวะนี้เป็นโอกาสที่ทั้งไทยและเกาหลีใต้ต้องเร่งสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้กันและกัน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจเอเชียไปพร้อมกันด้วย เพื่อปลดปล่อยพลังและศักยภาพทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของเอเชีย โดยเชื่อมั่นว่า ไทยและเกาหลีใต้สามารถมีบทบาทสำคัญในการผลักดันภูมิภาคเอเชียให้ก้าวสู่ศตวรรษแห่งเอเชียไปด้วยกันอย่างมั่นคง ทั้งนี้ ขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะนายเพค อุน-กยู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงานเกาหลีใต้ และนายจาง แด-วาน ประธานบริษัท เม-คยอง มีเดีย กรุ๊ป ที่ผลักดันให้เกิดงานสัมมนาครั้งนี้ขึ้น
อนึ่ง ในช่วงต้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการค้า อุตสาหกรรมและพลังงาน สาธารณรัฐเกาหลี ได้กล่าวว่า สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีในปัจจุบันมีเสถียรภาพและความมั่นคงมากขึ้น เกาหลีใต้จึงสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียและโลกได้มากขึ้น ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลเกาหลีใต้ที่ให้ความสนใจกับภูมิภาคอาเซียน และประเทศไทยซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจ มีบทบาทสำคัญในอาเซียน ประกอบกับการขับเคลื่อนนโยบายประเทศไทย 4.0 ของรัฐบาลไทย ที่ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมในการพัฒนาเศรษฐกิจ มีความสอดคล้องกับความเชี่ยวชาญของภาคเอกชนเกาหลีใต้ ประเทศไทยจึงเป็นจุดหมายสำคัญของนักลงทุนเกาหลีใต้ นอกจากนี้ ในโอกาสครบรอบ 60 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างทั้งสองประเทศในปีนี้ จึงเป็นโอกาสอันดีอย่างยิ่งที่เกาหลีใต้และไทยจะกระชับความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th