วันนี้ (8 มิถุนายน 2561) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมการข้าว พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร กรมการข้าว พร้อมตัวแทนผู้นำชาวนา ประกอบด้วย ประธานศูนย์ข้าวชุมชนระดับจังหวัดจากทั่วประเทศ ชาวนาที่ได้รับรางวัลเกษตรกรและสถาบันเกษตรกรดีเด่นด้านข้าว ประจำปี 2561 นายกและผู้แทนสมาคมชาวนา จำนวน 8 สมาคม และตัวแทนชาวนารุ่นใหม่ รวมทั้งสิ้น 300 คน เข้าเยี่ยมคาระวะพร้อมรับฟังนโยบายจาก พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติ
โอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้กล่าวรายงานว่า คณะรัฐมนตรีได้กำหนดให้วันที่ 5 มิถุนายนของทุกปีเป็น “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ ” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนได้รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ที่ทรงให้ความสำคัญต่อกิจการด้านข้าว และให้คนไทยทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของข้าวที่เป็นพืชอาหารหลักของไทย รวมทั้งเป็นการเชิดชูเกียรติชาวนาที่ได้เสียสละปลูกข้าวให้คนไทยและชาวโลกได้มีอาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ตลอดมา พร้อมทั้งมุ่งหวังจะสร้างความภาคภูมิใจให้กับลูกหลานชาวนาไทย ซึ่งจะเป็นผู้สืบทอดอาชีพการทำนาในอนาคต โดยกรมการข้าวได้ร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน จัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตข้าวระดับประเทศ ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมการเกษตรแบบแปลงใหญ่ (นาแปลงใหญ่) ปี 2561 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4 – 9 มิถุนายน 2561 ณ กรมการข้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ
หลังจากที่ ตัวแทนผู้นำชาวนาพร้อมคณะได้กล่าวปฏิญญาชาวนาต่อนายกรัฐมนตรี เนื่องในโอกาสวันข้าวและชาวนาแห่งชาติแล้ว นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายความตอนหนึ่งว่า “ข้าว” คืออาหารหลักที่หล่อเลี้ยงชีวิตของคนไทยมาอย่างยาวนาน รวมทั้งชีวิตของชาวต่างประเทศจำนวนหนึ่ง ข้าวจึงเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของภาคการเกษตรของประเทศไทย และพี่น้องเกษตรกรชาวนาไทยทุกคน เป็นกระดูกสันหลังของชาติที่สร้างคุณประโยชน์แก่ภาคการเกษตรของประเทศ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ประเทศไทย มีความมั่นคงทางอาหาร เพราะมีอาหารให้บริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ รวมถึงข้าวไทยมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเป็นที่รู้จักและยอมรับในเรื่องคุณภาพจนสามารถกล่าวได้ว่า “ข้าวคือสัญลักษณ์ของประเทศอย่างหนึ่ง”
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวมอบนโยบายเพิ่มเติมอีกว่า รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องชาวนาไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ในยุค Thailand 4.0 ด้วยการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ และใช้แนวทางประชารัฐ เพื่อให้การสนับสนุนชาวนามีการบริหารจัดการร่วมกันในการผลิต และจำหน่ายโดยมีตลาดรองรับด้วยการสนับสนุนให้มีการใช้นวัตกรรมที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดการลดต้นทุนการผลิต โดยประสานการทำงานร่วมกัน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาสังคมที่เรียกว่า พลังประชารัฐ ซึ่งเป็นการทำงานแบบบูรณาการของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางอาหารและมีศักยภาพในการเป็นผู้นำส่งออกข้าวในตลาดโลก
ตอนท้ายของการกล่าวมอบนโยบาย นายกรัฐมนตรีได้ให้คำแนะนำเพิ่มเติมแก่ผู้นำชาวนาและคณะโดยให้ยึดหลัก “การตลาดนำการผลิต” ด้วยการเพาะปลูกข้าวในปริมาณที่เหมาะสม ขณะเดียวกันให้แบ่งพื้นที่ทำไร่นาสวนผสม ตามหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ควบคู่ไปด้วยเพื่อเพิ่มรายได้เสริมให้แก่ครอบครัว พร้อมทั้งยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงในการดำรงชีวิต รวมทั้งมีการทำบัญชีรายรับ-รายจ่ายของครัวเรือนเป็นประจำ เพื่อทำให้การดำรงชีวิตมีความพอเพียงและสมดุล ส่งผลให้ครอบครัวมีคุณภาพชีวิตที่ดีและมีความมั่นคงมากยิ่งขึ้นต่อไป
หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินพบปะทักทายตัวแทนผู้นำชาวนาและคณะ พร้อมถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึกตลอดจนได้เยี่ยมชมนิทรรศการเกี่ยวกับ “วันข้าวและชาวนาแห่งชาติ” ณ โถงกลาง ตึกสันติไมตรี พร้อมซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับผลผลิตข้าวที่นำมาจัดแสดงด้วยความสนใจ
...................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th