พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีกำหนดจะเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 20-26 มิถุนายน 2561 โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจและผู้บริหารระดับสูงร่วมเดินทางด้วย ได้แก่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายพัฒนาเขตพิเศษภาคตะวันออก
พลโท วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสำคัญของการเดินทางเยือนในครั้งนี้ ว่า ที่ผ่านมาไทยกับประเทศในภูมิภาคยุโรปอาจมีข้อจำกัดของการติดต่อบางประการ แต่หลังจากคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรปด้านการต่างประเทศได้มีข้อมติ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2560 ฟื้นการปฏิสัมพันธ์ทางการเมืองในทุกระดับกับประเทศไทยแล้ว จึงได้เชิญพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศส สะท้อนให้เห็นว่า ตลอดระยะเวลา 4 ปี ที่ผ่าน การบริหารราชการของรัฐบาลได้รับการยอมรับ
ปัจจุบันประเทศไทยอยู่ในช่วงของการปฏิรูปที่สำคัญทั้งทางการเมืองเศรษฐกิจ รวมทั้งรัฐบาลยังมีนโยบายด้านเศรษฐกิจและสังคมที่สำคัญๆ หลายประการ ยกตัวอย่างเช่น Thailand 4.0 การลงทุนใน 5 อุตสาหกรรมเก่าและ 5 อุตสาหกรรมใหม่ (10 S Curve) การส่งเสริมการลงทุนในเขตพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จึงเป็นโอกาสสำคัญทางเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนแก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ ซึ่งภาครัฐและเอกชนหลายประเทศแสดงความสนใจ ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้และสหรัฐอเมริกา รวมถึงภาคเอกชนและบริษัทชั้นนำของเอกชนยุโรปทั้ง อังกฤษและฝรั่งเศส ก็สนใจที่จะเข้ามาลงทุนเช่นกัน ขณะเดียวกันรัฐบาลไทยเองก็มีนโยบายแสวงหาความร่วมมือ โดยเฉพาะนวตกรรม และเทคโนโลยีชั้นสูงกับประเทศชั้นนำทั่วโลก เพื่อประโยชน์ในการยกระดับอุตสาหกรรมของไทย วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รวมถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่ (Startup) ของไทยด้วย
สำหรับการปฏิบัติภารกิจของนายกรัฐมนตรีระหว่างการเดินทางเยือนสหราชอาณาจักรและสาธารณรัฐฝรั่งเศสในครั้งนี้ ครอบคลุมทั้งกิจกรรมการเมืองและเศรษฐกิจ ได้แก่ การพบปะหารือกับนางเทรีซา เมย์ (The Rt. Hon. Theresa May MP) นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร และการเข้าเยี่ยมคารวะและพบหารือกับนายเอมานูว์แอล มาครง (H.E. Mr. Emmanuel Macron) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส รวมทั้งการหารือกับภาคเอกชนชั้นนำของอังกฤษและฝรั่งเศส อาทิ นายเกรกอรี ฮอดคินสัน (Mr. Gregory Hodkinson) ประธานบริษัท อาหรัป นายมาร์ค อี. ทักเคอร์ (Mr. Mark E. Tucker) ประธานกลุ่มบริษัท เอชเอสบีซี ของอังกฤษ และนายกีโยม โฟรี (Mr. Guillaume Faury) ประธานบริษัท Airbus Commercial Aircraft รวมทั้งภาคเอกชนฝรั่งเศสที่สนใจลงทุนในประเทศไทยของกลุ่ม Transdev Group และนางอาญเนส โรมาเท-เอสปาญ (Agn?s Romatet-Espagne) รองประธานกรรมการบริหาร รับผิดชอบธุรกิจในต่างประเทศของ SNCF Group (บริษัทรถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส) ด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังจะร่วมกล่าวปาฐกถาในกิจกรรมโรดโชว์เศรษฐกิจเพื่อแสดงวิสัยทัศน์ในการเปลี่ยมโฉมหน้าประเทศไทยในงาน Transforming Thailand แก่เอกชนไทยและอังกฤษ ณ กรุงลอนดอน รวมทั้งกล่าวเปิดงาน Business Conference ซึ่งจัดโดยสภานายจ้างฝรั่งเศส (Mouvement des entreprises de France - MEDEF Int’l) และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ณ กรุงปารีส อีกด้วย
โอกาสนี้ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมด้วยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน จะได้นำภาคเอกชนชั้นนำของไทยร่วมกิจกรรมโรดโชว์เศรษฐกิจด้วย อาทิ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บริษัท Loxey, PTT Global Commercial Ltd., ThaiBev Ltd., Double A, Michelin Siam Co., Ltd. Thai Airway และ Carabao International เป็นต้น
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวย้ำในช่วงท้ายว่า “ไม่อยากให้มองการเดินทางเยือนครั้งนี้ แค่มิติการเมืองเท่านั้น แต่ขอให้มองในทุกมิติ การเดินทางเยือนยุโรปของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เพราะประเทศไทยเป็นที่ยอมรับ ที่สำคัญศักยภาพของคนไทยและประเทศไทย สามารถเป็นคู่ค้าและพันธมิตรที่สำคัญกับนานาประเทศได้”
ที่มา: http://www.thaigov.go.th