พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคลต่าง ๆ รวม 780 คณะ จำนวน 23,696 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550
วันนี้ เวลาประมาณ 16.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคล ซึ่งประกอบด้วย องคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และผู้แทนมูลนิธิ สมาคม สโมสร องค์กรต่าง ๆ รวม 780 คณะ จำนวน 23,696 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550
ในวโรกาสนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ และกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามของคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ว่า “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ณ อภิลักขิตมหามงคลกาลคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 80 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2550 นี้ ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในนามของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปีติยินดีเป็นล้นพ้น ที่ได้มาประชุมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีในใต้เบื้องพระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งในวันนี้
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างชื่นชมโสมนัสในพระบุญญาธิการและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อีกทั้งรู้สึกปีติปราโมทย์ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงสมบูรณ์ด้วยพระพลานามัย ทรงหายจากพระอาการประชวร และไร้ซึ่งอุปัทวันตรายทั้งปวง ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญในราไชศวรรย์สมบัติ เป็นฉัตรแก้วร่มเกล้าของปวงข้าพระพุทธเจ้าตลอดมา
นับเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ได้ถือกำเนิดมาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร การที่ราษฎรตลอดพระราชอาณาเขตประเทศไทยมี ความผาสุกสวัสดี บ้านเมืองมีความร่มเย็นก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบุญญาบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่ทรงสถิตมั่นในธรรมแผ่ปกเกล้าปกกระหม่อมโดยถ้วนหน้า
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเมตตารักใคร่ปรารถนาให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ทรงพระกรุณาปรารถนาให้ประชาราษฎร์พ้นทุกข์ภัย ทรงยินดีในความสุข ความเจริญของเหล่าพสกนิกร ทรงใช้พระบรมราชวินิจฉัยโดยถ่องแท้ แก้ไขปัญหาทุกอย่างของประเทศ และประชาชนลุล่วงไปด้วยดี ทรงมีขันติความอดทนอันยอดเยี่ยม ทรงปฏิบัติต่อราษฎรโดยเสมอหน้า ก่อให้เกิดความผาสุกร่มเย็นทุกแห่งหน เกิดเป็นความจงรักภักดี สำนึกมั่นในพระมหากรุณาธิคุณแน่นแฟ้นยาวนานมาถึงบัดนี้
เนื่องในมหามงคลสมัย ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญพระชนม พรรษา 80 พรรษา ในพุทธศักราช 2550 นี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอพระราช ทานพระบรมราชานุญาตตั้งสัตยาธิษฐาน จักปกปักรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติและจงรักภักดีเทิดทูนราชบัลลังก์ด้วยชีวิต จักสนองพระราชปณิธานอันประเสริฐ บริสุทธิ์โดยเต็มความสามารถ พร้อมทั้งขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย และอานุภาพแห่งสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลอภิบาลรักษาให้ทรงพระเกษมสุข ปราศจากโรคาพาธอุปัทวันตรายทุกประการ ขอเทวานุภาพแห่งปวงเทพทั้งหลาย อันปกปักรักษาพระราชอาณาจักร อภิบาลบำรุงให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัยธำรงมไหศวรรยาธิปัตย์ยิ่งยืนนาน พระบารมีแผ่ไพศาล มีพระราชประสงค์จำนงหมายสิ่งใดขอจงสัมฤทธิ์ ทรงสถิตสถาพรเป็นร่มฉัตรคุ้มเกล้าชาวไทยตลอดจิรกาล เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ความว่า “มีหลานคนหนึ่ง ก็อมิตตพุทธ พูดมากเหลือเกิน เลิกพูดแล้ว ขอขอบใจนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวคำอวยพรและขอขอบใจท่านทั้งหลาย ที่ได้มาเยี่ยมและมาให้พรทำให้มีกำลังใจ ความจริงการที่ท่านมานี้เป็นการให้กำลังใจ ที่บอกว่าดูแข็งแรง ดูดี พลานามัยที่ดี ความจริงไม่ใช่ ความดีของแพทย์ เป็นความดีของเรา ที่ตั้งใจที่จะให้แข็งแรง เพื่อที่จะต้อนรับท่านได้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจที่จะแข็งแรง ที่จะต้อนรับท่าน ก็จะมาต้อนรับท่านไม่ได้ เพราะว่าเดิน ก็เดินขานำไปข้างหน้าข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งไปข้างหลัง ไม่ค่อยยอมสามัคคี ต้องสามัคคี และก็ได้พูดเมื่อวานซืนวันนี้ว่า ทหารก็ตาม พลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคี เหมือนขาของเราที่จะต้องเดินสามัคคีกัน หมายความว่าอะไร ก้าวไปข้างหน้า แล้วอีกข้างหนึ่งก็ยันข้างหลัง และเมื่อยันข้างหลังเรียบร้อยแล้ว ก็ก้าวไปข้างหน้าอีกข้าง คราวนี้ก็สามารถเดินได้ และไม่หกล้ม ซึ่งถ้าไม่สามัคคี ก็บอกแล้วว่า ประเทศจะประสบความหายนะ ไม่ได้ใช้คำว่า หายนะ แต่คล้าย ๆ กัน ว่า ถ้าไม่สามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ประเทศชาติล้ม ถ้าล้มก็ ผลของการล้มนั้นมีหลายอย่าง ถ้าทางกายก็ร่างกายกระดูกหัก และต้องเข้ารักษา บางทีรักษานาน ๆ ไม่มีสิ้นสุด ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่มเราจะไปอยู่ที่ไหน ล่มก็หมายถึงว่า ลงไป จม ล่มจม ถ้าเราไม่ระวังประเทศชาติล่มจม ล่มจมหมายความว่า ล่มลงไปในทะเล เพราะเมืองไทยก็ติดทะเล ถ้าล่มไปล่มมาก็ลงทะเล
และสมัยนี้เขาขู่กันว่า น้ำทะเลจะขึ้น เพราะว่าอากาศร้อน แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้ร้อนจริง ตั้งแต่ต้นธันวาคมนี้ คนบ่นมาอากาศเย็น อากาศหนาว เราไม่รู้จะเชื่อใครว่า ตอนนี้จะหนาวหรือจะร้อน แต่คำว่า ร้อน ร้อนจริง ๆ คือ เหงื่อออก ร้อน เดือดร้อน จะเดือดร้อนมากกว่า ทุกคนที่มานั่งอยู่ที่นี่ก็จะเดือดร้อน ภาษาไทยใช้คำว่า เดือดร้อน ร้อนแล้วมันก็เดือด น้ำเดือดมันร้อน อากาศร้อนก็อากาศทำให้เราไม่สบาย ถ้าไม่สบายแล้ว อยู่ไม่ค่อยได้ ที่อากาศร้อน ก็เพราะว่า อากาศมันเจอความร้อนของพระอาทิตย์ ซึ่งเมืองไทยก็เคราะห์ดีอยู่เหมือนกันว่า อากาศร้อน ไม่ได้เย็น ไม่ได้เย็นเหมือนอเมริกา เดี๋ยวนี้อเมริกากำลังเดือดร้อน เพราะอากาศเย็น หิมะตก ซึ่งตามปกติไม่น่าจะตกอย่างนี้ แต่ว่าอเมริกากำลังร้อน เดือดร้อนในความเย็น
เมืองไทยนี้ก็มีความเดือดร้อนด้วยความเย็นเหมือนกัน แต่ว่าพูดว่าเดือดร้อน เราก็พูดถึงว่า เมืองไทยบ่นว่าเดือด ที่จริงไม่ได้เดือด แต่คนน่ะเดือด คนมันทำเดือด ทำให้คนเดือดร้อน แล้วเวลาเดือดร้อน มันไม่สบาย น้ำเดือดถึงจะมีประโยชน์ ต้มขายได้ แต่ว่าถ้าเดือดเฉย ๆ ไม่มีประโยชน์ ทำให้คนเดือดร้อน สิ้นเปลืองเปล่า ๆ แล้วก็เมื่อคนทำให้เดือดร้อน ที่ว่าสิ้นเปลืองเปล่า ๆ และก็บ่น บ่นว่าประเทศลุกเป็นไฟ ก็ต้องระวัง ไม่ให้ลุกเป็นไฟ เพราะว่าจะทำให้ล่มจม ล่มจมอย่างนี้ที่ต่างประเทศเขาบอกว่า เมืองไทยจะล่ม จะจม ความจริงยังไม่ล่ม และยังไม่จม แต่ถ้าไม่ระวังก็จะล่มจม ฉะนั้น จะต้องระมัดระวัง ทุกวันนี้ไม่ปรองดองกัน เมื่อไม่ปรองดอง ก็มีรู ก็จะล่ม จมลงไป
ที่จริงพยายามจะอุดช่องไว้อย่างมาก เช่น น้ำจะท่วม ก็ปิดกั้น ไม่ให้น้ำท่วม แต่ที่เขาทำ น้ำจะท่วมก็ต้องสูบน้ำออกไปใส่ในทะเล ทะเลก็มีน้ำมากเกินไป น้ำก็ล้นเข้ามาในพื้นแผ่นดิน และประเทศชาติก็ล่มจม ฉะนั้น การป้องกันไม่ให้ล่มจม จะต้องระวังไม่ให้น้ำขึ้นมากเกินไป ซึ่งถ้าน้ำขึ้นมามากเกินไป ก็ต้องแก้ไข แต่แก้ไขนี่มีหลายวิธี จะต้องทำเขื่อน แต่ว่าเขาด่ากันว่า ถ้าทำเขื่อนเท่ากับประเทศจะจม จมในน้ำ เพราะว่าตั้งเขื่อน น้ำก็ต้องขังไว้ แต่ว่าการขังน้ำโดยใช้เขื่อนนั้น มันมีหลายวิธี ซึ่งบางทีไม่เข้าใจ ทำเขื่อนแล้วน้ำก็ท่วมบางแห่งแต่ถ้าหากว่าทำเขื่อนแล้ว ไม่ระวัง ไม่ได้บริหารเขื่อนนั้นให้ดี ก็อาจจะทำให้น้ำท่วม อย่างที่เคยพูดถึงเขื่อนป่าสักฯ เขื่อนป่าสักฯ นี้ ถ้าไม่ได้ทำ ก็จะเสียเงินเป็นพันล้านทุกปี แล้วก็เสียเงินอย่างนี้แล้วไม่ได้อะไรเลย เดี๋ยวนี้ที่ได้ทำป่าสักมาทุกปีมีผลดี คือ ทำการเกษตร กสิกรรม ได้ผล และเมื่อได้ผลแล้ว ก็ได้รายได้ ถ้าไม่ได้ผล ก็จะต้อง นี่เขาน้ำท่วมทุ่ง นี่อย่างนี้น้ำท่วมทุ่งหรือ นี่เหมือนพ่อเขา พูดมาก ปู่พูดไม่มาก แต่เวลาพูด เขาก็ว่าบ่าง พูดมาก หาว่าทำน้ำท่วมทุ่ง ไอ้น้ำท่วมทุ่งนี่มันไม่ดี เพราะว่าเวลาท่วมทุ่ง ทุ่งนั้นทำอะไรไม่ได้ พืชผลต่าง ๆ ก็เน่า และถ้าพืชผลเน่า ก็เท่ากับทำให้ ทำลายพืชผลนั้น ซึ่งตามปกติ พืชผลขึ้นมาสามารถที่จะขายได้ แต่พืชผลที่เน่า ขายไม่ได้ พืชผลที่เน่าทำให้เสียหาย แต่ที่ปลื้มใจที่ป่าสักฯ นี่น้ำท่วมมีบ้าง แต่น้อยมาก คือว่า แต่ก่อนนี้ทุกปีต้องเสียเงินเป็นพันล้านสำหรับแก้ไขเรื่องน้ำท่วม เสียหายไปพันล้าน ไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่าย ถ้ามีรายได้ก็ไม่เป็นไร น้ำท่วมที่เวลามีน้ำท่วมขึ้นมา ความจริงก็มีรายได้เพราะว่า อย่างเช่น ข้าว ถ้าไม่มีน้ำก็แห้ง แห้งผาก ไม่มีผล แต่ยังไงไม่มีผลอย่างนั้น ยังงอกออกมาได้ ก็ยังมีข้าว แต่อย่างถ้าข้าวถูกท่วมและเน่า ต้องเสีย ข้าวนั่นเสีย ไม่ได้ผล มีแต่ทางเสียไม่มีทางได้ ฉะนั้น การที่ทำเขื่อนแล้วก็ไม่มีน้ำท่วม ก็มีจ่ายเงินสำหรับค่าทำเขื่อน แล้วมีเสียหายเล็กน้อย จนถึงเดี๋ยวนี้เมืองไทยก็มีรายได้มากกว่ารายจ่าย แต่ถ้าไม่ได้ทำ โครงการป้องกันไม่ให้น้ำท่วม มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ แล้วอย่างนี้เราก็อยู่ไม่ได้ พวกพูดเป็นปริศนาว่า ถ้าไม่มีรายได้ ก็ไม่มีรายจ่าย เขาว่าถ้าไม่มีรายได้ ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเพื่ออยู่ดี มีแต่ต้องจ่ายสำหรับป้องกันน้ำท่วมเท่านั้น ป้องกันแล้ว ไม่มีกำไรเลย มีแต่เสีย ฉะนั้น ที่คนเขาว่า ทำโครงการแล้วก็เสีย จริง เสียเงิน แต่ว่าไม่เสียผลประโยชน์ แต่เราก็ต้องคิดให้ดีว่า ที่ได้ทำโครงการนั้น ก็มีจุดประสงค์ที่จะให้มีรายได้ แต่ถ้าพูดอย่างที่เขาพูด จ่ายเงินเยอะแยะ ที่จ่ายแยะ แต่ว่าไม่ได้เสีย เพราะว่ามีรายได้ เวลาพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ ท่านก็งง ท่านมองหน้าว่า เอ๊ะจะไปไหน ไปนี่ ต้องทำโครงการนี้ อะไรก็ตามก็ต้องมีเหตุผล ต้องบริหารงานการให้ดี
พูดถึงบริหาร ข้างหน้านี้นี้ก็มีฝ่ายที่จะเป็นรัฐบาล รัฐบาลก็คือการบริหาร แต่ว่าบริหารนี้มีทุกอย่าง บริหารโครงการ บริหารกิจการต่างๆ บริหารการเงิน ทุกอย่างจะต้องบริหารให้ดี ฉะนั้น ถ้าไม่บริหาร ก็ล่มจม แต่คนที่ไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร มีแต่ตำหนิติเตียนว่าไม่ทำ ที่จริง ฝ่ายบริหารเขาก็ทำ คนที่ติเตียนนั้นก็เป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ตรงข้าม มีแต่ทำลาย ฉะนั้น ที่มาเมื่อ 2-3 วันนี้ ชักกลุ้มใจ ที่ฟังวิทยุเขาพูด พูดว่าเมืองไทยนี้ไม่ก้าวหน้าเลย แต่ความจริงก็ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำอะไรเลยป่านนี้ก็ล่มจมแล้ว ถ้าไม่ทำ ก็ล่มจมเหมือนเวลาน้ำท่วม ล่มจม นี่พูดถึงน้ำมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวหาว่าพูดน้ำท่วมทุ่ง แต่ว่ายังไงก็ตามต้องพูด วันนี้ตั้งใจจะต้องพูด ว่า ถ้าไม่ทำอะไร ทำแต่พูดก็จะไม่ดี ก็พูดมามากแล้วในทางที่คล้ายๆ ปรามไม่ให้พูด
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ท่านเงียบหมด ทุกคนเงียบ ก็หมายความว่าท่านก็ตั้งใจจะไม่พูด เราก็เห็นว่าท่านไม่พูดเราก็จะไม่พูด แต่ก็พูดมากแล้ว ยังไงก็ตามก็จะต้องอธิบายว่า ไปเข้าโรงพยาบาลนี้ เข้าๆ ออกๆ เข้าๆ ออกๆ หนังสือพิมพ์ก็ลง วันนี้เข้าแต่งสีชมพู ออกมาแต่งสีฟ้า เขาเหมือนตำหนิติเตียนว่าทำไมเปลี่ยน ก็เข้าๆ ออกๆ ก็ต้องเปลี่ยนบ้าง ถ้าเข้าๆ ออกๆ แล้วแต่งเครื่องแบบ มันก็น่าเบื่อ น่าเบื่อเขาก็ อย่างท่านนายกฯ แต่งเครื่องแบบ ท่านก็บอก น่าเบื่อ โอ๊ยน่าเบื่อ เบื่อหน้าแล้ว ถ้าเบื่อหน้าก็ไล่ออกสิ ไล่เขา แต่ท่านนายกฯ ไม่ได้ยิน เดี๋ยวหาว่าท่านนายกฯ เดี๋ยวนี้แก่แล้ว เขาว่าแก่ ที่จริงหนุ่ม หนุ่มนิดเดียว ของเราหนุ่มแบบพรุ่งนี้อายุจะ 80 ไม่นึกเลยว่าจะถึงอายุ 80 80 มันก็ ใครจะว่าแก่ก็ไม่ว่า ใครตำหนิว่าแก่ไม่ว่า เพราะว่าแก่จริงๆ แต่คนที่อายุ 60 ไม่แก่ แต่ว่าท่านนายกฯ ก็น่าเบื่อ น่าเบื่อเพราะว่าเจอทีไรก็แต่งเครื่องแบบขาว ความจริงควรจะแต่งสีอื่นบ้าง ของเราวันนี้ไม่มีขาว สีขาว สีเหลือง แล้วเนคไทเป็นสีเหลือง มีสีชมพูด้วย ก็หมายความว่า เราก็แก่แล้ว แต่ไม่อยากแต่งตัวให้น่าเบื่อ
วันนี้ก็เตรียมเสื้อคล้ายๆ ท่านองคมนตรี เสื้อเชิ้ตขาว และก็เสื้อ ไม่ใช่ท่านองคมนตรี ประธาน เสื้อสีน้ำเงินแก่ เราก็แต่งสีเทา ที่จริงแต่งอย่างนี้ก็ไม่น่าเบื่อ แต่ยังมีเนคไทสีเหลืองให้เก๋หน่อย ยังดีไม่ไปใส่สีชมพู แต่วันนั้นใส่สีชมพู โหก็ตื่นเต้น เวลาใส่สีชมพูแล้วก็ใส่สีเขียว ใส่สีอะไรก็ได้ สีแดงก็ยังได้ สีแดงนี่เป็นกาลกิณีของเรา คนที่ว่าเป็นกาลกิณีของเราไม่น่าจะใช้ นี่ยังไงตั้งแต่แม่ ท่านเกิดวันอาทิตย์ ท่านก็สีแดง พี่สาวก็เกิดวันอาทิตย์ พี่ชายก็เกิดวันอาทิตย์ ก็หมายความว่าเป็นสีแดง คนที่รับใช้ก็เกิดวันอาทิตย์ ยังดี ทองแดงนี่ดีไม่ได้เกิดวันอาทิตย์ เขาเกิดวันเสาร์ เป็นสีม่วง ทองแดงสีม่วง เราก็ไม่เดือดร้อน แต่สีม่วงก็ดี วันก่อนนี้ใส่สีม่วง ก็เลยใส่ได้ทุกอย่าง ไม่เหมือนท่านนายกฯ ใส่เครื่องแบบขาวทุกวัน ทุกครั้ง มันน่าเบื่อ ก็จริงน่าเบื่อ แต่ว่าท่านเรียบร้อย แล้วก็แต่งขาว ท่านทำงานได้ดี ก็เลย ถ้าทำงานได้ดีก็ไม่น่าเบื่อ ท่านผู้หญิงแต่งสีเหลือง สีเหลือง แต่เหลืองอ๋อย สีเหลืองความจริงตามเรื่อง ต้องเป็นสีค่อนข้างเหลืองอ่อนมาก อย่างวัน เมื่อวันนี้ใส่สีเหลือง สีเหลืองอ่อน นั่นน่ะเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง เพราะว่าเป็นสีเหลืองที่สว่างของพระจันทร์ ก็บรรยาย นี่เขาให้มีกระต่ายอยู่ด้วย ก็เลยเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง แต่มาพูดบอกว่า ท่านนายกฯ แต่งขาวนี่ก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าวันจันทร์ก็เป็นสีขาวก็มี เพราะฉะนั้น ก็จะบอก ใครมาบอกว่าท่านนายกฯ น่าเบื่อ มาบอกว่าน่าเบื่อ น่าเบื่อไม่ได้ แต่งสีขาวสวยมาก ดีมาก แล้วทำงานอะไรก็คล่องแคล่ว ไม่ใช่ทำงานไม่ดี ทำงานดี สีขาวก็หมายความว่า หมดจรดดี
แล้วก็ตั้งแต่ครั้งแรกที่คนเขาตำหนิเมื่อปีที่แล้วไปบอกว่า นายกฯ อายุมาก ก็เปรียบเทียบกับนายกฯ เก่า นายกฯ เก่านั่นน่ะเขาเด็กกว่า แต่ไม่เท่าไรก็แก่ นายกฯ กำลังดี 60 กว่าๆ ก็กำลังดี ไม่เหมือนเรา เราแก่เกินไป เราแก่ นี่ท่านประธานองคมนตรีก็ยิ้ม ๆ บอกว่า ท่านก็แก่กว่า แต่ท่านเก่ง ท่านแก่กว่าท่านก็แข็งแรง ท่านแข็งแรง 80 กว่ากำลังดี พรุ่งนี้ข้าพเจ้าก็จะ 80 กำลังหนุ่ม กำลังแข็งแรง คนอื่นไม่แข็งแรง ยังไม่ 80 พูดถึง 80 ก็มีอยู่ว่า พี่สาวอายุ 84 ท่านค่อนข้างจะแก่ แล้วเมื่อวานนี้เราไปเยี่ยม ที่จริงควรมาพักที่สวนจิตรฯ นี่ แต่ท่านไม่สบาย ก็ไม่สบายอยู่มาก ก็ต้องไปให้กำลังใจท่าน วันนี้ก็ไปไม่ได้ เพราะว่ามีงาน พรุ่งนี้ก็ไปไม่ได้ มะรืนนี้ก็ไปไม่ได้ แต่ว่าต้องไปเยี่ยม ท่านไม่สบาย แต่ว่ามีอยู่ว่า ประชาชนไปเยี่ยมอยู่มากมายที่โรงพยาบาล มีประชาชนไปเยี่ยมเต็มลาน ห้องชุมนุมเต็ม ก็เลยทำให้สบายใจว่ามีคนเอาใจใส่คนที่ไม่สบาย ให้กำลังใจ วันนี้ต้องชมคนไทยว่า คนไหนไม่สบาย ก็ให้กำลังใจ เพราะว่าคนไหนไม่สบาย รู้ว่ามีคนเอาใจใส่ ก็สบาย อย่างที่เข้าโรงพยาบาล ไม่รู้ตัวว่าไม่สบาย เขาหาว่าเราจะแย่ ก็ดูแล คนเขาว่าว่าพิการที่สมอง สมองเรา เราก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร ทำไปทำมาบอกว่าเป็นที่ลำไส้ เขาบอกว่าพิการ หรือป่วยที่ลำไส้ เขาก็หาใหญ่ ตามธรรมดาลำไส้ที่พิการ เขาจะดูทางซ้าย แต่ทำไปทำมากลับดูว่าเป็นพิการทางขวา ขวาของเรา เขาก็ดูทางซ้าย ทางซ้ายไม่มีอะไร เขาก็เคาะใหญ่ เคาะมา ไม่เป็นไร แท้จริงเป็นทางขวา เขาก็บอกว่าประหลาด ว่าพิการทางขวา เรานึกว่าตัวเราเป็นประหลาด เวลาดูว่าป่วยทางไหน ก็มาดู ว่าป่วยทางขวา ก็แล้วไป แต่ทีหลังทำไปทำมาก็เรียบร้อย ดูแล้วไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นแล้ว เขาก็บอกว่าเป็นที่สมอง เป็นที่สมองไม่ใช่ของเรา เป็นที่สมองของหมอ เพราะว่าพิการ ที่จริงพิการที่สมองของหมอ แล้วเสร็จแล้วไปเข้าเครื่อง ในเครื่องทำโป๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ว่าไม่เป็นอะไร ไม่มีพิการ ก็เลยออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลจะพิการจริง ๆ เพราะว่าอยู่โรงพยาบาลนี่แย่ เกือบจะเปลี่ยนโรงพยาบาล เปลี่ยนไปโรงพยาบาลที่อยู่ฝั่งนี้ ไปอยู่ฝั่งโน้น จะเป็นบ้า แล้วก็นึกไป ไปดูว่าทำไมเป็นบ้า เป็นบ้าเพราะน้ำมันจะท่วม น้ำจะท่วม น้ำมันขึ้นเลย ขึ้นไปขึ้นมา แล้วใครมาบอกว่าน้ำจะท่วม แต่น้ำไม่ท่วม เพราะมีโครงการ มีโครงการที่พระประแดง แต่ถ้าพูดไปพูดมาเขาเอาเรือของกองทัพเรือ เขาสร้างเรือใหญ่ เขาบอกว่าให้ไปเรือนี้ ก็เลยเอาเรือนั้นมาจอด เรือสวยด้วย ก็เลยร่ำลือกันใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะเสด็จฯ เรายังไม่ไป เพราะว่ามีงาน มีงานตลอดปี ตลอดทั้งเดือน ก็เลยต้องปฏิเสธ เขาบอกว่า ไม่ใช่พรุ่งนี้ มะรืนนี้สิไป บอกว่าจะไป จะไปเยี่ยมโครงการที่พระประแดง บอกว่ายังไม่ไป ไม่เชื่อ แต่ทำไปทำมาก็เชื่อ เรือไม่เอามาแล้ว ไม่งั้นเอาเรือมาจอด ให้เราไป เราก็เลยบอกว่าเรือนี่ใช้น้ำมัน เปลืองน้ำมันเหมือนกัน แต่เราจะใช้ไบโอดีเซล เขาบอกว่าใช้ไม่ได้ ถ้าใช้ไม่ได้ เราไม่ไป แต่เรือที่เป็นเรือแท็กซี่ เขาใช้ไบโอดีเซลได้
เดี๋ยวนี้กำลังพัฒนาไบโอดีเซล เพราะว่าถ้าใช้ดีเซล เปลือง แล้วก็ดีเซลมันจะหมดโลกแล้ว แต่ไบโอดีเซลแบบฝรั่ง 10 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าไบโอเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ยอม เราจะใช้ไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าดีเซลแบบไบโอ แบบพืช ใช้ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างคราวก่อนนี้ไป แล้วก็นายกฯ ใช้ไบโอ 100 เปอร์เซ็นต์ ไบโอ ใช้น้ำมันแบบแก๊สโซฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เขาใช้ ขึ้นภูเขา ขึ้นตรงเขื่อน ขึ้นชัน เขาก็ไปได้ดี รถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แบบของเรา ก็ขึ้นได้ดี แต่ว่ามาถึงนี้น้อยหน่อย ราคาถูกกว่า ถูกกว่าดีเซลเดี๋ยวนี้ ก็ใช้ดีเซลแบบแก๊สโซฮอล์ มาตอนนี้จะใช้ดีเซลแบบน้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์ม 100 เปอร์เซ็นต์ จะใช้ได้ ไม่ต้องใช้ดีเซลสั่งมาจากเมืองแขก ถ้าเราใช้ดีเซลจากเมืองแขกอีกหน่อยก็หมด อีกหน่อยหมด เดี๋ยวนี้เขาก็มี เขาก็ไม่ใช้แต่จะเก็บเอาไว้สำหรับมาขายให้เรา เราต้องเสียแพงๆ เราจะใช้ไบโอดีเซลแบบน้ำมันปาล์มที่เราปลูกเอง เราปลูกเองอาจจะมีน้อยหน่อย ก็ใช้น้อย อย่าไปฟุ่มเฟือยใช้มากเกินไป น้ำมันใช้น้อยๆ หน่อย แต่เราจะมีใช้ ปลูกต้นปาล์มแล้วมาทำเชื้อเพลิง ต้นปาล์ม มาทอดปลาอะไรต่างๆ ได้ แล้วก็มาใส่ในรถดีเซล ได้ใช้แล้วก็ใช้ได้ มันวิ่งช้าหน่อย วิ่งช้าก็ไม่เป็นไรเราอย่าเร่งรีบ ชีวิตอย่าให้เร่งรีบมากเกินไป แต่ราคาก็ถูก ฉะนั้น คือหลักว่า ใช้ของราคาไม่แพงเกินไป อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับไฮสปีดดีเซล แต่ก็ไปได้ ก็ขอให้คิดว่าทำอะไรต้องประหยัด คนก็ว่า ประหยัด ประหยัดดีกว่าไม่เลย ถ้าไม่มี ถ้าไม่มีดีเซลเราก็ต้องไปซื้ออยู่ดี เราไปซื้อก็มี 2 แห่งที่เขาขายเป็นสำคัญ ก็คือ ของแขก ของฝรั่ง ของฝรั่งก็คืออเมริกัน เขาไม่ ของอเมริกันเขาไม่ค่อยขาย เขาบอกเขาไม่มี แท้จริงเขามีเยอะ แต่ว่าเขาไม่ขายเพราะว่าเขาเก็บเอาไว้มาขายให้เราแพงๆ ที่จริงน้ำมันจะเป็นดีเซล หรือน้ำมันเบนซิน มันราคาไม่ถึงที่เขาขายกัน จนกระทั่งเขาแย่เพราะว่าเขาขายแพงเหลือเกินเลยขายไม่ได้ ขายไม่ออก บางทีต้องลดราคา เราซื้อน้ำมันราคาถูกของเราเอง ถูกกว่าของฝรั่ง ของแขก แล้วก็อาจจะคุณภาพกำลังน้อยกว่าดีเซลที่ขุดจากดิน แต่ที่จริงที่ขุดจากดินนั้น ราคาไม่น่าจะแพงอย่างนั้น แต่เราโลภอยากได้น้ำมันที่มีกำลัง ก็เลยยอมเสียเงิน เสียเงิน ซึ่งเราควรจะไปใช้อย่างอื่น
ฉะนั้น การที่เราเสียรู้ทั้งฝรั่ง ทั้งแขก เสียเงินให้เขา ฝรั่งกับแขกเขาได้เงินเยอะๆ ก็ไปซื้ออาวุธ เขาสลับสู้รบกันเอง อิรักเขาก็มีน้ำมันมาก แต่ว่าเขาไม่ขาย เขาไม่ขายก็ขายไม่ได้ไม่มีโรงที่จะกลั่น ก็ขายให้เราแล้วเราเอามากลั่นแล้วเราก็ขายให้แขก แต่เขาซื้อในราคาถูกเขาขายในราคาแพง ไอ้นี่มันไม่ค่อยถูกหลักการค้า การค้าที่รัฐบาลมีผู้เชี่ยวชาญการค้า ต้องขายอะไรให้ราคาแพงจะได้มีกำไรแล้วซื้อราคาถูก แต่เราทำตรงข้าม เราซื้ออะไรราคาแพง ขายราคาถูก อย่างนี้เราแย่ เพราะเราไม่มีทางจะขายอะไรราคาแพง เพราะบอก อู้เขาขาดทุน เวลาไปที่ร้านบอก ผมขาดทุน เป็นเสียงภาษาแขก เสียงภาษาจีน ภาษาฝรั่ง เขาต้องบอกเขาขาดทุน ถ้าเราขายในราคาแพง โห มันแพงเกินไป แล้วก็เลยซื้อไม่ได้ เขาบอกเขาซื้อไม่ได้ เพราะว่าเวลาจะซื้อเขา เขาก็ขายไม่ได้เขาขาดทุน ที่จริงเราคนไทยเราใจดีเกินไป เรายอมขาดทุน ความจริงถ้าเราขายอะไรไม่ให้ขาดทุน ซื้ออะไรไม่ให้ขาดทุน เรารวย เมืองไทยนี่รวย แต่ว่าเราใจดีเกินไป ต่างประเทศเขาบอกเขาขาดทุน ลงท้ายก็เชื่อเขา ไม่ดี เราขาดทุนไม่ได้ ไม่รู้รัฐบาลชุดนี้จะซื้ออะไร ขายอะไรให้ขาดทุนหรือเปล่า แต่ก่อนนี้ขาดทุนเสมอ ฉะนั้น เราจะต้องพยายามจะทำอะไรที่เราไม่ขาดทุน คือทำเอง ต้องทำเอง
แล้วที่รัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียง หมายความว่า เราไม่ทุกข์ว่าเขาจะว่าว่าเราเอากำไรมากเกินไป เราไม่เอากำไรมาก เราไม่ทำให้ขาดทุน เราไม่ทำให้มีกำไรมากเกินไป เพราะเราขายกันเอง ก็กันเอง ก็ไม่ต้องขายแพง กันเองไม่ต้องซื้อแพง ฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายความว่า ขาดทุน ขาดทุนก็ขาดทุน แต่ว่าขาดทุน กำไร ของเราเองกันเอง นี่พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงมาหลายปีแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจกัน เพิ่งมาเข้าใจเดือนนึง สองเดือนนี่ ฉะนั้น ก็ขอให้ไปศึกษาต่อในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงคืออะไร ไม่ใช่เพียงพอ คือว่าไม่ได้หมายความว่าให้ทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ทำกำไรก็ทำ ถ้าเราทำกำไรได้ดี มันก็ดี แต่ว่าขอให้มันพอเพียง ถ้าท่านเอากำไรหน้าเลือดมากเกินไป มันไม่ใช่พอเพียง นักเศรษฐกิจเขาว่าพระเจ้าอยู่หัวนี่คิดอะไรแปลกๆ ก็แปลกสิ ขายไม่ให้ได้กำไร ซื้ออะไรไม่ขาดทุน เป็นเศรษฐกิจพอเพียง คือไม่ต้องหน้าเลือด แล้วไม่ใช่จะมีกำไรมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ให้พอเพียง ไม่ใช่เรื่องของการค้าเท่านั้นเอง เป็นเรื่องของการพอเหมาะพอดี เราทำพอเหมาะพอดีก็ดี
พูดไปพูดมาเรื่องเดี๋ยวก็จะเกิดเอา เราสร้างเรือ เราสร้างเรือให้พอเพียง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง นั่นน่ะมันไม่พอเพียง มันเล็กเกินไป ยังเล็กเกินไป ก็อาจจะควรใหญ่กว่าหน่อย แต่ถ้าใหญ่เกินไป ไม่พอเพียง ถ้าเล็กเกินไปก็ไม่พอเพียง เรือที่เขาจะทำ เรือดำน้ำ เรือดำน้ำดำลงไป ไปปักเลนเลย เดี๋ยวเขาโกรธเอา ว่าเรือแรงๆ ไป ดำน้ำ ไม่พอ ใครมาเครื่องบิน เห็นแจ๋วเลย ต้องไปจมเลนถึงจะไม่เห็น แล่นๆ ไปปักเลน ถ้าอยากไปที่ๆ ลึก ก็ไปอยู่นอกเส้น ก็รู้สึกว้าเหว่ ไกลกัน ไอ้เรือดูแลใกล้ฝั่งนี่ดีกว่า แต่ลำที่เราสร้างก็ใช้ได้ดีแล้ว แต่ที่ควรจะสร้างต่อไปให้ใหญ่กว่านี้ ใหญ่กว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้คงไม่มีเงินแล้ว ต้องใหญ่กว่าหน่อย เพราะว่าถ้าไม่ใหญ่พอ จะไม่สามารถที่จะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
นี่พูดกลายเป็นราชการลับ ถ้าพูดราชการลับว่า เรือที่ควรจะซื้อคือเรือของรัสเซีย เรือที่เขาสร้างใหม่ ใหญ่กว่าที่เราสร้างไม่มาก นั่นจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าซื้อของรัสเซียราคาไม่ถึงครึ่งของเยอรมัน ของอเมริกัน อเมริกันก็โกรธแน่ เราไปซื้อของรัสเซีย ลองไปดู ลองไปดูเรือของรัสเซีย แต่เขาอาจจะไม่ขายให้ก็ได้ ลงท้ายทำไปทำมาเขาอาจจะขายในราคาแพง แต่ความจริงก็ควรจะขายเรา ไปขอเขาดู มันของรัสเซียดีจริงๆ แต่รู้ไม่ได้เดี๋ยวเขาขายให้เราลำโปเกโปเกก็ได้ เนี่ยพูดความลับราชการ แต่เมืองไทยความลับราชการก็เผยเรื่อย เผยความลับราชการ ก็ไม่รู้ละ ทองแดง ถ้าเผยความลับราชการก็อาจจะดีก็ได้ เพราะว่าความลับราชการก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี ยังไงก็จะทำอะไรก็มาเผยกันหมดก็ได้ ทุกกองทัพ กองทัพเรือ ก็เรือดำน้ำ กองทัพอากาศ ก็มีเรืออะไร สมัยใหม่ แต่เดี๋ยวนี้เกิดจะมาซื้อลำนิดเดียว แต่ราคาแพงเหมือนเราลำใหญ่ แต่ตอนนั้นจะซื้อลำใหญ่ราคานิดเดียวเหมือนลำเล็ก แต่ว่า แต่ก่อนจะซื้อเครื่องบินลำใหญ่ในราคาลำเล็กก็ชอบกลอยู่นะ ก็รัสเซียเหมือนกัน ทำไปทำมาจะซื้อเรือรัสเซีย เรือบินรัสเซีย เราไม่เห็นด้วย แต่จะซื้อเรือน้ำรัสเซียก็น่าใช้ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็ชวนกันซื้อเครื่องบิน อย่าซื้อเรือบินรัสเซีย ซื้อเรือรัสเซีย ไม่อย่างนั้นจะชนกัน เรือของรัสเซีย เรือน้ำของรัสเซีย เข้าใจว่าดี เรือบินของรัสเซีย เข้าใจว่าใช้ไม่ได้ เพราะไปดู นานๆ ทีได้พบกันก็ต้องปรารภกันว่าอะไรควรจะทำ ไม่ควรจะทำ เรือบิน ก็ตกลงกันแล้ว แต่ถึงเวลาได้เรือบินมาน่าจะล้าสมัยแล้ว 2 ปีกว่าจะได้ 2 ปีคงล้าสมัยแล้ว เรือบินไม่ใช่รัสเซีย เรือบินของสวีเดน ก็ดูดีเพราะว่าลำมันไม่ใหญ่
กองทัพบกก็จะไปซื้อรถล้าสมัย ล้าสมัยเหมือนกัน คนไทยนี่ชอบซื้ออะไรล้าสมัย แต่เอามาเล่นก็ดีเหมือนกัน รถถังล้าสมัย แต่เมืองไทยนี่ใช้รถถังทันสมัย มันใช้ไม่ได้ มันจมเลน จมเลนแล้วก็ ถ้าจมเลนปั๊บมันก็หมดสมัย มันลำบากที่จะซื้อ เดี๋ยวนี้จะซื้อ รัฐบาลก็หมดสมัยแล้ว อีกหน่อยก็หมดสมัย อีกไม่กี่เดือนก็หมดสมัย เอาไว้ให้รัฐบาลใหม่เขาซื้อ รถถัง รถอะไร แต่อย่างนี้แนะนำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ประชุมนี้ ที่ประชุมนี้ก็ใหญ่กว่าสมัครสภาฯ นะ มีคนมากกว่า มีคนตั้ง 20,000 คน เขาฟังข้างนอกเขาก็งง เดี๋ยวว่าพูดเรื่องอะไร ยังไงก็ตาม ที่พูดอย่างนี้ให้เห็นว่าเราต้องคิดดีๆ ว่าจะซื้อ จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จะซื้อยังไง รู้สึกว่าท่านก็คงงงหมดแล้วว่าไม่ได้พูดถึงพลเรือน ว่าจะซื้ออะไร มีแต่จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ต้องซื้อ ต้องมี เพราะว่าเดี๋ยวนี้น้ำท่วมก็ใช้กองทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ไปช่วยชาวบ้าน ฟากพวกพลเรือนไม่มีอาวุธที่จะไปช่วยพวกที่เดือดร้อน พวกที่ต้องการใช้ เรียกว่าอาวุธสำหรับช่วยประชาชน ยังไงพลเรือนก็ต้องมีอาวุธละกัน
แต่ก่อนนี้พูดถึงตำรวจ เป็นกองทัพ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่เป็นแล้ว แต่ว่าต้องใช้อาวุธสำหรับช่วยชาวบ้าน คงต้องเลิกพูด เพราะว่าถ้าพูดมากเดี๋ยวท่านก็งอนว่า จะมาใช้เงินเยอะแยะ ไหนๆ เรารวยแล้ว เดี๋ยวนี้เรารวย เงินบาทมีราคาสูง สูงเกินไปก็ใช้สิ เงินบาทสูงเกินไปก็ใช้ ใช้ในที่ที่ควร ไม่ทราบ เราเดี๋ยวนี้ไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นที่หมอเขาว่า สมองเราฝ่อ แต่เรารู้สึกสมองเราไม่ฝ่อ แต่เขาว่าว่าเราฝ่อ ฟังว่ารัฐบาลหรือเมืองไทย ประชาชน มีเงินเยอะ มีเงินเกิน ก็ใช้สิ เขาหาว่าเราเศรษฐกิจพอเพียง คำว่า พอเพียง ถ้ามีเงินก็ต้องใช้ ไม่ใช่ขี้เหนียว ถ้ามีเงินไม่ต้องขี้เหนียวซื้อไปเถอะ อะไรก็ตาม เครื่องบิน เรือ รถถัง ซื้อ ถ้ามีเงินเยอะ ก็ถือว่าสนับสนุนให้จ่าย เดี๋ยวนี้เขา ในหนังสือพิมพ์เห็นรึเปล่า ว่าเขาสนับสนุนให้จ่าย ถ้ามีก็จ่าย แต่ถ้าไม่มีก็ระงับหน่อย มันเป็นอย่างนี้คนเราก็พูดเกินไปเสมอ อย่าให้เขา
ตอนนี้ ที่ท่านมาให้พร อวยพร ก็นับว่าดีมาก ทำให้มีกำลังใจ แต่ไม่ทราบว่าคิดถูกหรือไม่ถูกเพราะว่า ท่านไม่ได้บอกอะไร เรามีเงินเยอะใช่ไหม ดูท่าทางว่ามีเงินเยอะ ก็ถ้ามีเงินเยอะก็จ่าย ใช้เงินให้สมกับที่เรามีเงิน ถ้าไม่มีเงินแล้วจ่ายจะอันตราย แต่ถ้ามีเงินและไม่จ่ายก็อันตรายเหมือนกัน เพราะว่า คนที่มีเงินแล้วไม่จ่าย หมายความว่า จะเก็บไว้ทำอะไร บางคนมีเงินแล้วไม่จ่าย ให้คนอื่นจ่าย ก็หมายความว่า คนที่ไม่มีเงินบอก ใช้เงินเถอะ เพื่อที่จะได้กำไร คนที่มีเงินยิ่งอยากได้กำไร อย่างนี้ไม่ดี ฉะนั้นก็ต้อง คนที่มีเงินก็จ่าย แล้วก็ช่วยคนที่ไม่มีเงิน นี่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรที่ถูกต้อง คนที่มีเงินต้องจ่ายคนที่ไม่มีเงินต้องไม่จ่าย แต่คนเขาคิดตรงข้าม คนที่ไม่มีเงินต้องจ่าย อย่างสมัยนี้ คนไม่มีเงิน ให้ใช้เงิน ใช้เงินมากๆ เพราะว่าถ้าคนไม่มีเงินใช้เงินมากๆ ก็ต้องไปกู้ คนที่มีเงินมากๆ ก็ได้กำไร ไม่พอเพียง
ก็ยังไงก็ขอให้ที่ท่านมานี่ ได้ผลไปคิด ให้ไปคิดว่าควรจะทำอะไร แล้วท่านก็มีความคิดดีอยู่แล้ว อย่าไป ที่พูดว่า อย่าไปมีปมด้อยว่าไม่มีความคิด ว่าซื้อเรือ ซื้อเครื่องบิน ซื้อรถถัง ก็ไปซื้อเถอะ เรือน่ะ สร้างเอง ให้เขาสร้าง เรืออันไหนที่สร้างไม่ได้ ไปสร้างที่อื่น แล้วก็ไปสร้างที่ๆ เขาแล่นๆ ไปมันคลอนหมด ไปซื้อเรือที่แล่นๆ จะไปสู้กับเขาไม่ได้ เพราะว่ามันคลอนหมด สร้างเองดีกว่า นี่เขางงว่าทำไมยุให้สร้างเรือ สร้างเรือเอง ให้คุณภาพดี ไม่ให้คลอน แต่ก็ต้องมีเงินไปสร้างเอง มันตก ก็ยังไงก็ คงพูดมากเกินไป ทองแดงก็เมื่อย แต่พูดอะไรก็เห็นด้วยล่ะนะ อ้าว ยังไม่ไป ยังไม่ไป ก็ขอบใจที่ท่านมา ขอให้ท่านสามารถที่จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแรง แล้วก็เพื่อที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ก็จะเป็นประโยชน์แก่ท่านเอง ก็ขอขอบใจอีกทีที่มา"
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลาประมาณ 16.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จลง ณ ศาลาดุสิดาลัย สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา และพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ และพระบรมวงศานุวงศ์ พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้คณะบุคคล ซึ่งประกอบด้วย องคมนตรี คณะรัฐมนตรี ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และผู้แทนมูลนิธิ สมาคม สโมสร องค์กรต่าง ๆ รวม 780 คณะ จำนวน 23,696 คน เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธันวาคม 2550
ในวโรกาสนี้ พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ และกราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคลในนามของคณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ว่า “ขอเดชะ ฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ณ อภิลักขิตมหามงคลกาลคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 80 พรรษา วันที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2550 นี้ ข้าพระพุทธเจ้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีในนามของคณะรัฐมนตรี ข้าราชการและประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า มีความปีติยินดีเป็นล้นพ้น ที่ได้มาประชุมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายพระพรชัยมงคล แสดงความจงรักภักดีในใต้เบื้องพระยุคลบาทอีกครั้งหนึ่งในวันนี้
ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายต่างชื่นชมโสมนัสในพระบุญญาธิการและสำนึก ในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น อีกทั้งรู้สึกปีติปราโมทย์ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงสมบูรณ์ด้วยพระพลานามัย ทรงหายจากพระอาการประชวร และไร้ซึ่งอุปัทวันตรายทั้งปวง ทรงสถิตเป็นมิ่งขวัญในราไชศวรรย์สมบัติ เป็นฉัตรแก้วร่มเกล้าของปวงข้าพระพุทธเจ้าตลอดมา
นับเป็นบุญอันยิ่งใหญ่ของข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ที่ได้ถือกำเนิดมาภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร การที่ราษฎรตลอดพระราชอาณาเขตประเทศไทยมี ความผาสุกสวัสดี บ้านเมืองมีความร่มเย็นก้าวหน้ามาจนถึงทุกวันนี้ก็ด้วยพระบุญญาบารมีแห่งใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทที่ทรงสถิตมั่นในธรรมแผ่ปกเกล้าปกกระหม่อมโดยถ้วนหน้า
ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงพระเมตตารักใคร่ปรารถนาให้ราษฎรอยู่เย็นเป็นสุข ทรงพระกรุณาปรารถนาให้ประชาราษฎร์พ้นทุกข์ภัย ทรงยินดีในความสุข ความเจริญของเหล่าพสกนิกร ทรงใช้พระบรมราชวินิจฉัยโดยถ่องแท้ แก้ไขปัญหาทุกอย่างของประเทศ และประชาชนลุล่วงไปด้วยดี ทรงมีขันติความอดทนอันยอดเยี่ยม ทรงปฏิบัติต่อราษฎรโดยเสมอหน้า ก่อให้เกิดความผาสุกร่มเย็นทุกแห่งหน เกิดเป็นความจงรักภักดี สำนึกมั่นในพระมหากรุณาธิคุณแน่นแฟ้นยาวนานมาถึงบัดนี้
เนื่องในมหามงคลสมัย ที่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงเจริญพระชนม พรรษา 80 พรรษา ในพุทธศักราช 2550 นี้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอพระราช ทานพระบรมราชานุญาตตั้งสัตยาธิษฐาน จักปกปักรักษาเอกราชอธิปไตยของชาติและจงรักภักดีเทิดทูนราชบัลลังก์ด้วยชีวิต จักสนองพระราชปณิธานอันประเสริฐ บริสุทธิ์โดยเต็มความสามารถ พร้อมทั้งขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย และอานุภาพแห่งสรรพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากล โปรดดลบันดาลอภิบาลรักษาให้ทรงพระเกษมสุข ปราศจากโรคาพาธอุปัทวันตรายทุกประการ ขอเทวานุภาพแห่งปวงเทพทั้งหลาย อันปกปักรักษาพระราชอาณาจักร อภิบาลบำรุงให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัยธำรงมไหศวรรยาธิปัตย์ยิ่งยืนนาน พระบารมีแผ่ไพศาล มีพระราชประสงค์จำนงหมายสิ่งใดขอจงสัมฤทธิ์ ทรงสถิตสถาพรเป็นร่มฉัตรคุ้มเกล้าชาวไทยตลอดจิรกาล เทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
ต่อจากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสแก่คณะบุคคลที่เข้าเฝ้าฯ ความว่า “มีหลานคนหนึ่ง ก็อมิตตพุทธ พูดมากเหลือเกิน เลิกพูดแล้ว ขอขอบใจนายกรัฐมนตรีที่ได้กล่าวคำอวยพรและขอขอบใจท่านทั้งหลาย ที่ได้มาเยี่ยมและมาให้พรทำให้มีกำลังใจ ความจริงการที่ท่านมานี้เป็นการให้กำลังใจ ที่บอกว่าดูแข็งแรง ดูดี พลานามัยที่ดี ความจริงไม่ใช่ ความดีของแพทย์ เป็นความดีของเรา ที่ตั้งใจที่จะให้แข็งแรง เพื่อที่จะต้อนรับท่านได้ ถ้าไม่ได้ตั้งใจที่จะแข็งแรง ที่จะต้อนรับท่าน ก็จะมาต้อนรับท่านไม่ได้ เพราะว่าเดิน ก็เดินขานำไปข้างหน้าข้างหนึ่ง อีกข้างหนึ่งไปข้างหลัง ไม่ค่อยยอมสามัคคี ต้องสามัคคี และก็ได้พูดเมื่อวานซืนวันนี้ว่า ทหารก็ตาม พลเรือนก็ตาม ต้องสามัคคี เหมือนขาของเราที่จะต้องเดินสามัคคีกัน หมายความว่าอะไร ก้าวไปข้างหน้า แล้วอีกข้างหนึ่งก็ยันข้างหลัง และเมื่อยันข้างหลังเรียบร้อยแล้ว ก็ก้าวไปข้างหน้าอีกข้าง คราวนี้ก็สามารถเดินได้ และไม่หกล้ม ซึ่งถ้าไม่สามัคคี ก็บอกแล้วว่า ประเทศจะประสบความหายนะ ไม่ได้ใช้คำว่า หายนะ แต่คล้าย ๆ กัน ว่า ถ้าไม่สามัคคีกัน ไม่ปรองดองกัน ประเทศชาติล้ม ถ้าล้มก็ ผลของการล้มนั้นมีหลายอย่าง ถ้าทางกายก็ร่างกายกระดูกหัก และต้องเข้ารักษา บางทีรักษานาน ๆ ไม่มีสิ้นสุด ถ้าไม่ระวังประเทศชาติก็ล่ม เมื่อล่มเราจะไปอยู่ที่ไหน ล่มก็หมายถึงว่า ลงไป จม ล่มจม ถ้าเราไม่ระวังประเทศชาติล่มจม ล่มจมหมายความว่า ล่มลงไปในทะเล เพราะเมืองไทยก็ติดทะเล ถ้าล่มไปล่มมาก็ลงทะเล
และสมัยนี้เขาขู่กันว่า น้ำทะเลจะขึ้น เพราะว่าอากาศร้อน แต่ทำไปทำมาก็ไม่ได้ร้อนจริง ตั้งแต่ต้นธันวาคมนี้ คนบ่นมาอากาศเย็น อากาศหนาว เราไม่รู้จะเชื่อใครว่า ตอนนี้จะหนาวหรือจะร้อน แต่คำว่า ร้อน ร้อนจริง ๆ คือ เหงื่อออก ร้อน เดือดร้อน จะเดือดร้อนมากกว่า ทุกคนที่มานั่งอยู่ที่นี่ก็จะเดือดร้อน ภาษาไทยใช้คำว่า เดือดร้อน ร้อนแล้วมันก็เดือด น้ำเดือดมันร้อน อากาศร้อนก็อากาศทำให้เราไม่สบาย ถ้าไม่สบายแล้ว อยู่ไม่ค่อยได้ ที่อากาศร้อน ก็เพราะว่า อากาศมันเจอความร้อนของพระอาทิตย์ ซึ่งเมืองไทยก็เคราะห์ดีอยู่เหมือนกันว่า อากาศร้อน ไม่ได้เย็น ไม่ได้เย็นเหมือนอเมริกา เดี๋ยวนี้อเมริกากำลังเดือดร้อน เพราะอากาศเย็น หิมะตก ซึ่งตามปกติไม่น่าจะตกอย่างนี้ แต่ว่าอเมริกากำลังร้อน เดือดร้อนในความเย็น
เมืองไทยนี้ก็มีความเดือดร้อนด้วยความเย็นเหมือนกัน แต่ว่าพูดว่าเดือดร้อน เราก็พูดถึงว่า เมืองไทยบ่นว่าเดือด ที่จริงไม่ได้เดือด แต่คนน่ะเดือด คนมันทำเดือด ทำให้คนเดือดร้อน แล้วเวลาเดือดร้อน มันไม่สบาย น้ำเดือดถึงจะมีประโยชน์ ต้มขายได้ แต่ว่าถ้าเดือดเฉย ๆ ไม่มีประโยชน์ ทำให้คนเดือดร้อน สิ้นเปลืองเปล่า ๆ แล้วก็เมื่อคนทำให้เดือดร้อน ที่ว่าสิ้นเปลืองเปล่า ๆ และก็บ่น บ่นว่าประเทศลุกเป็นไฟ ก็ต้องระวัง ไม่ให้ลุกเป็นไฟ เพราะว่าจะทำให้ล่มจม ล่มจมอย่างนี้ที่ต่างประเทศเขาบอกว่า เมืองไทยจะล่ม จะจม ความจริงยังไม่ล่ม และยังไม่จม แต่ถ้าไม่ระวังก็จะล่มจม ฉะนั้น จะต้องระมัดระวัง ทุกวันนี้ไม่ปรองดองกัน เมื่อไม่ปรองดอง ก็มีรู ก็จะล่ม จมลงไป
ที่จริงพยายามจะอุดช่องไว้อย่างมาก เช่น น้ำจะท่วม ก็ปิดกั้น ไม่ให้น้ำท่วม แต่ที่เขาทำ น้ำจะท่วมก็ต้องสูบน้ำออกไปใส่ในทะเล ทะเลก็มีน้ำมากเกินไป น้ำก็ล้นเข้ามาในพื้นแผ่นดิน และประเทศชาติก็ล่มจม ฉะนั้น การป้องกันไม่ให้ล่มจม จะต้องระวังไม่ให้น้ำขึ้นมากเกินไป ซึ่งถ้าน้ำขึ้นมามากเกินไป ก็ต้องแก้ไข แต่แก้ไขนี่มีหลายวิธี จะต้องทำเขื่อน แต่ว่าเขาด่ากันว่า ถ้าทำเขื่อนเท่ากับประเทศจะจม จมในน้ำ เพราะว่าตั้งเขื่อน น้ำก็ต้องขังไว้ แต่ว่าการขังน้ำโดยใช้เขื่อนนั้น มันมีหลายวิธี ซึ่งบางทีไม่เข้าใจ ทำเขื่อนแล้วน้ำก็ท่วมบางแห่งแต่ถ้าหากว่าทำเขื่อนแล้ว ไม่ระวัง ไม่ได้บริหารเขื่อนนั้นให้ดี ก็อาจจะทำให้น้ำท่วม อย่างที่เคยพูดถึงเขื่อนป่าสักฯ เขื่อนป่าสักฯ นี้ ถ้าไม่ได้ทำ ก็จะเสียเงินเป็นพันล้านทุกปี แล้วก็เสียเงินอย่างนี้แล้วไม่ได้อะไรเลย เดี๋ยวนี้ที่ได้ทำป่าสักมาทุกปีมีผลดี คือ ทำการเกษตร กสิกรรม ได้ผล และเมื่อได้ผลแล้ว ก็ได้รายได้ ถ้าไม่ได้ผล ก็จะต้อง นี่เขาน้ำท่วมทุ่ง นี่อย่างนี้น้ำท่วมทุ่งหรือ นี่เหมือนพ่อเขา พูดมาก ปู่พูดไม่มาก แต่เวลาพูด เขาก็ว่าบ่าง พูดมาก หาว่าทำน้ำท่วมทุ่ง ไอ้น้ำท่วมทุ่งนี่มันไม่ดี เพราะว่าเวลาท่วมทุ่ง ทุ่งนั้นทำอะไรไม่ได้ พืชผลต่าง ๆ ก็เน่า และถ้าพืชผลเน่า ก็เท่ากับทำให้ ทำลายพืชผลนั้น ซึ่งตามปกติ พืชผลขึ้นมาสามารถที่จะขายได้ แต่พืชผลที่เน่า ขายไม่ได้ พืชผลที่เน่าทำให้เสียหาย แต่ที่ปลื้มใจที่ป่าสักฯ นี่น้ำท่วมมีบ้าง แต่น้อยมาก คือว่า แต่ก่อนนี้ทุกปีต้องเสียเงินเป็นพันล้านสำหรับแก้ไขเรื่องน้ำท่วม เสียหายไปพันล้าน ไม่มีรายได้เลย มีแต่รายจ่าย ถ้ามีรายได้ก็ไม่เป็นไร น้ำท่วมที่เวลามีน้ำท่วมขึ้นมา ความจริงก็มีรายได้เพราะว่า อย่างเช่น ข้าว ถ้าไม่มีน้ำก็แห้ง แห้งผาก ไม่มีผล แต่ยังไงไม่มีผลอย่างนั้น ยังงอกออกมาได้ ก็ยังมีข้าว แต่อย่างถ้าข้าวถูกท่วมและเน่า ต้องเสีย ข้าวนั่นเสีย ไม่ได้ผล มีแต่ทางเสียไม่มีทางได้ ฉะนั้น การที่ทำเขื่อนแล้วก็ไม่มีน้ำท่วม ก็มีจ่ายเงินสำหรับค่าทำเขื่อน แล้วมีเสียหายเล็กน้อย จนถึงเดี๋ยวนี้เมืองไทยก็มีรายได้มากกว่ารายจ่าย แต่ถ้าไม่ได้ทำ โครงการป้องกันไม่ให้น้ำท่วม มีแต่รายจ่าย ไม่มีรายได้ แล้วอย่างนี้เราก็อยู่ไม่ได้ พวกพูดเป็นปริศนาว่า ถ้าไม่มีรายได้ ก็ไม่มีรายจ่าย เขาว่าถ้าไม่มีรายได้ ก็ไม่สามารถที่จะจ่ายเพื่ออยู่ดี มีแต่ต้องจ่ายสำหรับป้องกันน้ำท่วมเท่านั้น ป้องกันแล้ว ไม่มีกำไรเลย มีแต่เสีย ฉะนั้น ที่คนเขาว่า ทำโครงการแล้วก็เสีย จริง เสียเงิน แต่ว่าไม่เสียผลประโยชน์ แต่เราก็ต้องคิดให้ดีว่า ที่ได้ทำโครงการนั้น ก็มีจุดประสงค์ที่จะให้มีรายได้ แต่ถ้าพูดอย่างที่เขาพูด จ่ายเงินเยอะแยะ ที่จ่ายแยะ แต่ว่าไม่ได้เสีย เพราะว่ามีรายได้ เวลาพูดกลับไปกลับมาอย่างนี้ ท่านก็งง ท่านมองหน้าว่า เอ๊ะจะไปไหน ไปนี่ ต้องทำโครงการนี้ อะไรก็ตามก็ต้องมีเหตุผล ต้องบริหารงานการให้ดี
พูดถึงบริหาร ข้างหน้านี้นี้ก็มีฝ่ายที่จะเป็นรัฐบาล รัฐบาลก็คือการบริหาร แต่ว่าบริหารนี้มีทุกอย่าง บริหารโครงการ บริหารกิจการต่างๆ บริหารการเงิน ทุกอย่างจะต้องบริหารให้ดี ฉะนั้น ถ้าไม่บริหาร ก็ล่มจม แต่คนที่ไม่ได้เป็นฝ่ายบริหาร มีแต่ตำหนิติเตียนว่าไม่ทำ ที่จริง ฝ่ายบริหารเขาก็ทำ คนที่ติเตียนนั้นก็เป็นคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย ตรงข้าม มีแต่ทำลาย ฉะนั้น ที่มาเมื่อ 2-3 วันนี้ ชักกลุ้มใจ ที่ฟังวิทยุเขาพูด พูดว่าเมืองไทยนี้ไม่ก้าวหน้าเลย แต่ความจริงก็ก้าวหน้า ถ้าไม่ทำอะไรเลยป่านนี้ก็ล่มจมแล้ว ถ้าไม่ทำ ก็ล่มจมเหมือนเวลาน้ำท่วม ล่มจม นี่พูดถึงน้ำมากเกินไปแล้ว เดี๋ยวหาว่าพูดน้ำท่วมทุ่ง แต่ว่ายังไงก็ตามต้องพูด วันนี้ตั้งใจจะต้องพูด ว่า ถ้าไม่ทำอะไร ทำแต่พูดก็จะไม่ดี ก็พูดมามากแล้วในทางที่คล้ายๆ ปรามไม่ให้พูด
แต่อย่างไรก็ตาม วันนี้ท่านเงียบหมด ทุกคนเงียบ ก็หมายความว่าท่านก็ตั้งใจจะไม่พูด เราก็เห็นว่าท่านไม่พูดเราก็จะไม่พูด แต่ก็พูดมากแล้ว ยังไงก็ตามก็จะต้องอธิบายว่า ไปเข้าโรงพยาบาลนี้ เข้าๆ ออกๆ เข้าๆ ออกๆ หนังสือพิมพ์ก็ลง วันนี้เข้าแต่งสีชมพู ออกมาแต่งสีฟ้า เขาเหมือนตำหนิติเตียนว่าทำไมเปลี่ยน ก็เข้าๆ ออกๆ ก็ต้องเปลี่ยนบ้าง ถ้าเข้าๆ ออกๆ แล้วแต่งเครื่องแบบ มันก็น่าเบื่อ น่าเบื่อเขาก็ อย่างท่านนายกฯ แต่งเครื่องแบบ ท่านก็บอก น่าเบื่อ โอ๊ยน่าเบื่อ เบื่อหน้าแล้ว ถ้าเบื่อหน้าก็ไล่ออกสิ ไล่เขา แต่ท่านนายกฯ ไม่ได้ยิน เดี๋ยวหาว่าท่านนายกฯ เดี๋ยวนี้แก่แล้ว เขาว่าแก่ ที่จริงหนุ่ม หนุ่มนิดเดียว ของเราหนุ่มแบบพรุ่งนี้อายุจะ 80 ไม่นึกเลยว่าจะถึงอายุ 80 80 มันก็ ใครจะว่าแก่ก็ไม่ว่า ใครตำหนิว่าแก่ไม่ว่า เพราะว่าแก่จริงๆ แต่คนที่อายุ 60 ไม่แก่ แต่ว่าท่านนายกฯ ก็น่าเบื่อ น่าเบื่อเพราะว่าเจอทีไรก็แต่งเครื่องแบบขาว ความจริงควรจะแต่งสีอื่นบ้าง ของเราวันนี้ไม่มีขาว สีขาว สีเหลือง แล้วเนคไทเป็นสีเหลือง มีสีชมพูด้วย ก็หมายความว่า เราก็แก่แล้ว แต่ไม่อยากแต่งตัวให้น่าเบื่อ
วันนี้ก็เตรียมเสื้อคล้ายๆ ท่านองคมนตรี เสื้อเชิ้ตขาว และก็เสื้อ ไม่ใช่ท่านองคมนตรี ประธาน เสื้อสีน้ำเงินแก่ เราก็แต่งสีเทา ที่จริงแต่งอย่างนี้ก็ไม่น่าเบื่อ แต่ยังมีเนคไทสีเหลืองให้เก๋หน่อย ยังดีไม่ไปใส่สีชมพู แต่วันนั้นใส่สีชมพู โหก็ตื่นเต้น เวลาใส่สีชมพูแล้วก็ใส่สีเขียว ใส่สีอะไรก็ได้ สีแดงก็ยังได้ สีแดงนี่เป็นกาลกิณีของเรา คนที่ว่าเป็นกาลกิณีของเราไม่น่าจะใช้ นี่ยังไงตั้งแต่แม่ ท่านเกิดวันอาทิตย์ ท่านก็สีแดง พี่สาวก็เกิดวันอาทิตย์ พี่ชายก็เกิดวันอาทิตย์ ก็หมายความว่าเป็นสีแดง คนที่รับใช้ก็เกิดวันอาทิตย์ ยังดี ทองแดงนี่ดีไม่ได้เกิดวันอาทิตย์ เขาเกิดวันเสาร์ เป็นสีม่วง ทองแดงสีม่วง เราก็ไม่เดือดร้อน แต่สีม่วงก็ดี วันก่อนนี้ใส่สีม่วง ก็เลยใส่ได้ทุกอย่าง ไม่เหมือนท่านนายกฯ ใส่เครื่องแบบขาวทุกวัน ทุกครั้ง มันน่าเบื่อ ก็จริงน่าเบื่อ แต่ว่าท่านเรียบร้อย แล้วก็แต่งขาว ท่านทำงานได้ดี ก็เลย ถ้าทำงานได้ดีก็ไม่น่าเบื่อ ท่านผู้หญิงแต่งสีเหลือง สีเหลือง แต่เหลืองอ๋อย สีเหลืองความจริงตามเรื่อง ต้องเป็นสีค่อนข้างเหลืองอ่อนมาก อย่างวัน เมื่อวันนี้ใส่สีเหลือง สีเหลืองอ่อน นั่นน่ะเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง เพราะว่าเป็นสีเหลืองที่สว่างของพระจันทร์ ก็บรรยาย นี่เขาให้มีกระต่ายอยู่ด้วย ก็เลยเป็นสีเหลืองที่ถูกต้อง แต่มาพูดบอกว่า ท่านนายกฯ แต่งขาวนี่ก็ได้เหมือนกัน เพราะว่าวันจันทร์ก็เป็นสีขาวก็มี เพราะฉะนั้น ก็จะบอก ใครมาบอกว่าท่านนายกฯ น่าเบื่อ มาบอกว่าน่าเบื่อ น่าเบื่อไม่ได้ แต่งสีขาวสวยมาก ดีมาก แล้วทำงานอะไรก็คล่องแคล่ว ไม่ใช่ทำงานไม่ดี ทำงานดี สีขาวก็หมายความว่า หมดจรดดี
แล้วก็ตั้งแต่ครั้งแรกที่คนเขาตำหนิเมื่อปีที่แล้วไปบอกว่า นายกฯ อายุมาก ก็เปรียบเทียบกับนายกฯ เก่า นายกฯ เก่านั่นน่ะเขาเด็กกว่า แต่ไม่เท่าไรก็แก่ นายกฯ กำลังดี 60 กว่าๆ ก็กำลังดี ไม่เหมือนเรา เราแก่เกินไป เราแก่ นี่ท่านประธานองคมนตรีก็ยิ้ม ๆ บอกว่า ท่านก็แก่กว่า แต่ท่านเก่ง ท่านแก่กว่าท่านก็แข็งแรง ท่านแข็งแรง 80 กว่ากำลังดี พรุ่งนี้ข้าพเจ้าก็จะ 80 กำลังหนุ่ม กำลังแข็งแรง คนอื่นไม่แข็งแรง ยังไม่ 80 พูดถึง 80 ก็มีอยู่ว่า พี่สาวอายุ 84 ท่านค่อนข้างจะแก่ แล้วเมื่อวานนี้เราไปเยี่ยม ที่จริงควรมาพักที่สวนจิตรฯ นี่ แต่ท่านไม่สบาย ก็ไม่สบายอยู่มาก ก็ต้องไปให้กำลังใจท่าน วันนี้ก็ไปไม่ได้ เพราะว่ามีงาน พรุ่งนี้ก็ไปไม่ได้ มะรืนนี้ก็ไปไม่ได้ แต่ว่าต้องไปเยี่ยม ท่านไม่สบาย แต่ว่ามีอยู่ว่า ประชาชนไปเยี่ยมอยู่มากมายที่โรงพยาบาล มีประชาชนไปเยี่ยมเต็มลาน ห้องชุมนุมเต็ม ก็เลยทำให้สบายใจว่ามีคนเอาใจใส่คนที่ไม่สบาย ให้กำลังใจ วันนี้ต้องชมคนไทยว่า คนไหนไม่สบาย ก็ให้กำลังใจ เพราะว่าคนไหนไม่สบาย รู้ว่ามีคนเอาใจใส่ ก็สบาย อย่างที่เข้าโรงพยาบาล ไม่รู้ตัวว่าไม่สบาย เขาหาว่าเราจะแย่ ก็ดูแล คนเขาว่าว่าพิการที่สมอง สมองเรา เราก็ไม่รู้สึกว่ามีอะไร ทำไปทำมาบอกว่าเป็นที่ลำไส้ เขาบอกว่าพิการ หรือป่วยที่ลำไส้ เขาก็หาใหญ่ ตามธรรมดาลำไส้ที่พิการ เขาจะดูทางซ้าย แต่ทำไปทำมากลับดูว่าเป็นพิการทางขวา ขวาของเรา เขาก็ดูทางซ้าย ทางซ้ายไม่มีอะไร เขาก็เคาะใหญ่ เคาะมา ไม่เป็นไร แท้จริงเป็นทางขวา เขาก็บอกว่าประหลาด ว่าพิการทางขวา เรานึกว่าตัวเราเป็นประหลาด เวลาดูว่าป่วยทางไหน ก็มาดู ว่าป่วยทางขวา ก็แล้วไป แต่ทีหลังทำไปทำมาก็เรียบร้อย ดูแล้วไม่เป็นแล้ว ไม่เป็นแล้ว เขาก็บอกว่าเป็นที่สมอง เป็นที่สมองไม่ใช่ของเรา เป็นที่สมองของหมอ เพราะว่าพิการ ที่จริงพิการที่สมองของหมอ แล้วเสร็จแล้วไปเข้าเครื่อง ในเครื่องทำโป๊ง ๆ ๆ ๆ ๆ ว่าไม่เป็นอะไร ไม่มีพิการ ก็เลยออกจากโรงพยาบาลดีกว่า ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลจะพิการจริง ๆ เพราะว่าอยู่โรงพยาบาลนี่แย่ เกือบจะเปลี่ยนโรงพยาบาล เปลี่ยนไปโรงพยาบาลที่อยู่ฝั่งนี้ ไปอยู่ฝั่งโน้น จะเป็นบ้า แล้วก็นึกไป ไปดูว่าทำไมเป็นบ้า เป็นบ้าเพราะน้ำมันจะท่วม น้ำจะท่วม น้ำมันขึ้นเลย ขึ้นไปขึ้นมา แล้วใครมาบอกว่าน้ำจะท่วม แต่น้ำไม่ท่วม เพราะมีโครงการ มีโครงการที่พระประแดง แต่ถ้าพูดไปพูดมาเขาเอาเรือของกองทัพเรือ เขาสร้างเรือใหญ่ เขาบอกว่าให้ไปเรือนี้ ก็เลยเอาเรือนั้นมาจอด เรือสวยด้วย ก็เลยร่ำลือกันใหญ่ว่าพรุ่งนี้จะเสด็จฯ เรายังไม่ไป เพราะว่ามีงาน มีงานตลอดปี ตลอดทั้งเดือน ก็เลยต้องปฏิเสธ เขาบอกว่า ไม่ใช่พรุ่งนี้ มะรืนนี้สิไป บอกว่าจะไป จะไปเยี่ยมโครงการที่พระประแดง บอกว่ายังไม่ไป ไม่เชื่อ แต่ทำไปทำมาก็เชื่อ เรือไม่เอามาแล้ว ไม่งั้นเอาเรือมาจอด ให้เราไป เราก็เลยบอกว่าเรือนี่ใช้น้ำมัน เปลืองน้ำมันเหมือนกัน แต่เราจะใช้ไบโอดีเซล เขาบอกว่าใช้ไม่ได้ ถ้าใช้ไม่ได้ เราไม่ไป แต่เรือที่เป็นเรือแท็กซี่ เขาใช้ไบโอดีเซลได้
เดี๋ยวนี้กำลังพัฒนาไบโอดีเซล เพราะว่าถ้าใช้ดีเซล เปลือง แล้วก็ดีเซลมันจะหมดโลกแล้ว แต่ไบโอดีเซลแบบฝรั่ง 10 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าไบโอเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ เราไม่ยอม เราจะใช้ไบโอดีเซล 100 เปอร์เซ็นต์ หมายความว่าดีเซลแบบไบโอ แบบพืช ใช้ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างคราวก่อนนี้ไป แล้วก็นายกฯ ใช้ไบโอ 100 เปอร์เซ็นต์ ไบโอ ใช้น้ำมันแบบแก๊สโซฮอล์ 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่ 10 เปอร์เซ็นต์ อย่างที่เขาใช้ ขึ้นภูเขา ขึ้นตรงเขื่อน ขึ้นชัน เขาก็ไปได้ดี รถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์แบบของเรา ก็ขึ้นได้ดี แต่ว่ามาถึงนี้น้อยหน่อย ราคาถูกกว่า ถูกกว่าดีเซลเดี๋ยวนี้ ก็ใช้ดีเซลแบบแก๊สโซฮอล์ มาตอนนี้จะใช้ดีเซลแบบน้ำมันปาล์ม น้ำมันปาล์ม 100 เปอร์เซ็นต์ จะใช้ได้ ไม่ต้องใช้ดีเซลสั่งมาจากเมืองแขก ถ้าเราใช้ดีเซลจากเมืองแขกอีกหน่อยก็หมด อีกหน่อยหมด เดี๋ยวนี้เขาก็มี เขาก็ไม่ใช้แต่จะเก็บเอาไว้สำหรับมาขายให้เรา เราต้องเสียแพงๆ เราจะใช้ไบโอดีเซลแบบน้ำมันปาล์มที่เราปลูกเอง เราปลูกเองอาจจะมีน้อยหน่อย ก็ใช้น้อย อย่าไปฟุ่มเฟือยใช้มากเกินไป น้ำมันใช้น้อยๆ หน่อย แต่เราจะมีใช้ ปลูกต้นปาล์มแล้วมาทำเชื้อเพลิง ต้นปาล์ม มาทอดปลาอะไรต่างๆ ได้ แล้วก็มาใส่ในรถดีเซล ได้ใช้แล้วก็ใช้ได้ มันวิ่งช้าหน่อย วิ่งช้าก็ไม่เป็นไรเราอย่าเร่งรีบ ชีวิตอย่าให้เร่งรีบมากเกินไป แต่ราคาก็ถูก ฉะนั้น คือหลักว่า ใช้ของราคาไม่แพงเกินไป อาจจะไม่มีประสิทธิภาพเท่ากับไฮสปีดดีเซล แต่ก็ไปได้ ก็ขอให้คิดว่าทำอะไรต้องประหยัด คนก็ว่า ประหยัด ประหยัดดีกว่าไม่เลย ถ้าไม่มี ถ้าไม่มีดีเซลเราก็ต้องไปซื้ออยู่ดี เราไปซื้อก็มี 2 แห่งที่เขาขายเป็นสำคัญ ก็คือ ของแขก ของฝรั่ง ของฝรั่งก็คืออเมริกัน เขาไม่ ของอเมริกันเขาไม่ค่อยขาย เขาบอกเขาไม่มี แท้จริงเขามีเยอะ แต่ว่าเขาไม่ขายเพราะว่าเขาเก็บเอาไว้มาขายให้เราแพงๆ ที่จริงน้ำมันจะเป็นดีเซล หรือน้ำมันเบนซิน มันราคาไม่ถึงที่เขาขายกัน จนกระทั่งเขาแย่เพราะว่าเขาขายแพงเหลือเกินเลยขายไม่ได้ ขายไม่ออก บางทีต้องลดราคา เราซื้อน้ำมันราคาถูกของเราเอง ถูกกว่าของฝรั่ง ของแขก แล้วก็อาจจะคุณภาพกำลังน้อยกว่าดีเซลที่ขุดจากดิน แต่ที่จริงที่ขุดจากดินนั้น ราคาไม่น่าจะแพงอย่างนั้น แต่เราโลภอยากได้น้ำมันที่มีกำลัง ก็เลยยอมเสียเงิน เสียเงิน ซึ่งเราควรจะไปใช้อย่างอื่น
ฉะนั้น การที่เราเสียรู้ทั้งฝรั่ง ทั้งแขก เสียเงินให้เขา ฝรั่งกับแขกเขาได้เงินเยอะๆ ก็ไปซื้ออาวุธ เขาสลับสู้รบกันเอง อิรักเขาก็มีน้ำมันมาก แต่ว่าเขาไม่ขาย เขาไม่ขายก็ขายไม่ได้ไม่มีโรงที่จะกลั่น ก็ขายให้เราแล้วเราเอามากลั่นแล้วเราก็ขายให้แขก แต่เขาซื้อในราคาถูกเขาขายในราคาแพง ไอ้นี่มันไม่ค่อยถูกหลักการค้า การค้าที่รัฐบาลมีผู้เชี่ยวชาญการค้า ต้องขายอะไรให้ราคาแพงจะได้มีกำไรแล้วซื้อราคาถูก แต่เราทำตรงข้าม เราซื้ออะไรราคาแพง ขายราคาถูก อย่างนี้เราแย่ เพราะเราไม่มีทางจะขายอะไรราคาแพง เพราะบอก อู้เขาขาดทุน เวลาไปที่ร้านบอก ผมขาดทุน เป็นเสียงภาษาแขก เสียงภาษาจีน ภาษาฝรั่ง เขาต้องบอกเขาขาดทุน ถ้าเราขายในราคาแพง โห มันแพงเกินไป แล้วก็เลยซื้อไม่ได้ เขาบอกเขาซื้อไม่ได้ เพราะว่าเวลาจะซื้อเขา เขาก็ขายไม่ได้เขาขาดทุน ที่จริงเราคนไทยเราใจดีเกินไป เรายอมขาดทุน ความจริงถ้าเราขายอะไรไม่ให้ขาดทุน ซื้ออะไรไม่ให้ขาดทุน เรารวย เมืองไทยนี่รวย แต่ว่าเราใจดีเกินไป ต่างประเทศเขาบอกเขาขาดทุน ลงท้ายก็เชื่อเขา ไม่ดี เราขาดทุนไม่ได้ ไม่รู้รัฐบาลชุดนี้จะซื้ออะไร ขายอะไรให้ขาดทุนหรือเปล่า แต่ก่อนนี้ขาดทุนเสมอ ฉะนั้น เราจะต้องพยายามจะทำอะไรที่เราไม่ขาดทุน คือทำเอง ต้องทำเอง
แล้วที่รัฐบาลสนับสนุนเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียง หมายความว่า เราไม่ทุกข์ว่าเขาจะว่าว่าเราเอากำไรมากเกินไป เราไม่เอากำไรมาก เราไม่ทำให้ขาดทุน เราไม่ทำให้มีกำไรมากเกินไป เพราะเราขายกันเอง ก็กันเอง ก็ไม่ต้องขายแพง กันเองไม่ต้องซื้อแพง ฉะนั้น เศรษฐกิจพอเพียงไม่ได้หมายความว่า ขาดทุน ขาดทุนก็ขาดทุน แต่ว่าขาดทุน กำไร ของเราเองกันเอง นี่พูดถึงเศรษฐกิจพอเพียงมาหลายปีแล้วก็ไม่ค่อยเข้าใจกัน เพิ่งมาเข้าใจเดือนนึง สองเดือนนี่ ฉะนั้น ก็ขอให้ไปศึกษาต่อในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง พอเพียงคืออะไร ไม่ใช่เพียงพอ คือว่าไม่ได้หมายความว่าให้ทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง ทำกำไรก็ทำ ถ้าเราทำกำไรได้ดี มันก็ดี แต่ว่าขอให้มันพอเพียง ถ้าท่านเอากำไรหน้าเลือดมากเกินไป มันไม่ใช่พอเพียง นักเศรษฐกิจเขาว่าพระเจ้าอยู่หัวนี่คิดอะไรแปลกๆ ก็แปลกสิ ขายไม่ให้ได้กำไร ซื้ออะไรไม่ขาดทุน เป็นเศรษฐกิจพอเพียง คือไม่ต้องหน้าเลือด แล้วไม่ใช่จะมีกำไรมากเกินไป หรือน้อยเกินไป ให้พอเพียง ไม่ใช่เรื่องของการค้าเท่านั้นเอง เป็นเรื่องของการพอเหมาะพอดี เราทำพอเหมาะพอดีก็ดี
พูดไปพูดมาเรื่องเดี๋ยวก็จะเกิดเอา เราสร้างเรือ เราสร้างเรือให้พอเพียง เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง นั่นน่ะมันไม่พอเพียง มันเล็กเกินไป ยังเล็กเกินไป ก็อาจจะควรใหญ่กว่าหน่อย แต่ถ้าใหญ่เกินไป ไม่พอเพียง ถ้าเล็กเกินไปก็ไม่พอเพียง เรือที่เขาจะทำ เรือดำน้ำ เรือดำน้ำดำลงไป ไปปักเลนเลย เดี๋ยวเขาโกรธเอา ว่าเรือแรงๆ ไป ดำน้ำ ไม่พอ ใครมาเครื่องบิน เห็นแจ๋วเลย ต้องไปจมเลนถึงจะไม่เห็น แล่นๆ ไปปักเลน ถ้าอยากไปที่ๆ ลึก ก็ไปอยู่นอกเส้น ก็รู้สึกว้าเหว่ ไกลกัน ไอ้เรือดูแลใกล้ฝั่งนี่ดีกว่า แต่ลำที่เราสร้างก็ใช้ได้ดีแล้ว แต่ที่ควรจะสร้างต่อไปให้ใหญ่กว่านี้ ใหญ่กว่านี้หน่อย แต่ตอนนี้คงไม่มีเงินแล้ว ต้องใหญ่กว่าหน่อย เพราะว่าถ้าไม่ใหญ่พอ จะไม่สามารถที่จะปฏิบัติการอย่างต่อเนื่อง
นี่พูดกลายเป็นราชการลับ ถ้าพูดราชการลับว่า เรือที่ควรจะซื้อคือเรือของรัสเซีย เรือที่เขาสร้างใหม่ ใหญ่กว่าที่เราสร้างไม่มาก นั่นจะมีประสิทธิภาพสูงสุด ถ้าซื้อของรัสเซียราคาไม่ถึงครึ่งของเยอรมัน ของอเมริกัน อเมริกันก็โกรธแน่ เราไปซื้อของรัสเซีย ลองไปดู ลองไปดูเรือของรัสเซีย แต่เขาอาจจะไม่ขายให้ก็ได้ ลงท้ายทำไปทำมาเขาอาจจะขายในราคาแพง แต่ความจริงก็ควรจะขายเรา ไปขอเขาดู มันของรัสเซียดีจริงๆ แต่รู้ไม่ได้เดี๋ยวเขาขายให้เราลำโปเกโปเกก็ได้ เนี่ยพูดความลับราชการ แต่เมืองไทยความลับราชการก็เผยเรื่อย เผยความลับราชการ ก็ไม่รู้ละ ทองแดง ถ้าเผยความลับราชการก็อาจจะดีก็ได้ เพราะว่าความลับราชการก็ไม่ได้เรื่องอยู่ดี ยังไงก็จะทำอะไรก็มาเผยกันหมดก็ได้ ทุกกองทัพ กองทัพเรือ ก็เรือดำน้ำ กองทัพอากาศ ก็มีเรืออะไร สมัยใหม่ แต่เดี๋ยวนี้เกิดจะมาซื้อลำนิดเดียว แต่ราคาแพงเหมือนเราลำใหญ่ แต่ตอนนั้นจะซื้อลำใหญ่ราคานิดเดียวเหมือนลำเล็ก แต่ว่า แต่ก่อนจะซื้อเครื่องบินลำใหญ่ในราคาลำเล็กก็ชอบกลอยู่นะ ก็รัสเซียเหมือนกัน ทำไปทำมาจะซื้อเรือรัสเซีย เรือบินรัสเซีย เราไม่เห็นด้วย แต่จะซื้อเรือน้ำรัสเซียก็น่าใช้ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ก็ชวนกันซื้อเครื่องบิน อย่าซื้อเรือบินรัสเซีย ซื้อเรือรัสเซีย ไม่อย่างนั้นจะชนกัน เรือของรัสเซีย เรือน้ำของรัสเซีย เข้าใจว่าดี เรือบินของรัสเซีย เข้าใจว่าใช้ไม่ได้ เพราะไปดู นานๆ ทีได้พบกันก็ต้องปรารภกันว่าอะไรควรจะทำ ไม่ควรจะทำ เรือบิน ก็ตกลงกันแล้ว แต่ถึงเวลาได้เรือบินมาน่าจะล้าสมัยแล้ว 2 ปีกว่าจะได้ 2 ปีคงล้าสมัยแล้ว เรือบินไม่ใช่รัสเซีย เรือบินของสวีเดน ก็ดูดีเพราะว่าลำมันไม่ใหญ่
กองทัพบกก็จะไปซื้อรถล้าสมัย ล้าสมัยเหมือนกัน คนไทยนี่ชอบซื้ออะไรล้าสมัย แต่เอามาเล่นก็ดีเหมือนกัน รถถังล้าสมัย แต่เมืองไทยนี่ใช้รถถังทันสมัย มันใช้ไม่ได้ มันจมเลน จมเลนแล้วก็ ถ้าจมเลนปั๊บมันก็หมดสมัย มันลำบากที่จะซื้อ เดี๋ยวนี้จะซื้อ รัฐบาลก็หมดสมัยแล้ว อีกหน่อยก็หมดสมัย อีกไม่กี่เดือนก็หมดสมัย เอาไว้ให้รัฐบาลใหม่เขาซื้อ รถถัง รถอะไร แต่อย่างนี้แนะนำการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ประชุมนี้ ที่ประชุมนี้ก็ใหญ่กว่าสมัครสภาฯ นะ มีคนมากกว่า มีคนตั้ง 20,000 คน เขาฟังข้างนอกเขาก็งง เดี๋ยวว่าพูดเรื่องอะไร ยังไงก็ตาม ที่พูดอย่างนี้ให้เห็นว่าเราต้องคิดดีๆ ว่าจะซื้อ จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จะซื้อยังไง รู้สึกว่าท่านก็คงงงหมดแล้วว่าไม่ได้พูดถึงพลเรือน ว่าจะซื้ออะไร มีแต่จะซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ แต่ว่าอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ต้องซื้อ ต้องมี เพราะว่าเดี๋ยวนี้น้ำท่วมก็ใช้กองทัพ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ ไปช่วยชาวบ้าน ฟากพวกพลเรือนไม่มีอาวุธที่จะไปช่วยพวกที่เดือดร้อน พวกที่ต้องการใช้ เรียกว่าอาวุธสำหรับช่วยประชาชน ยังไงพลเรือนก็ต้องมีอาวุธละกัน
แต่ก่อนนี้พูดถึงตำรวจ เป็นกองทัพ แต่เดี๋ยวนี้เขาไม่เป็นแล้ว แต่ว่าต้องใช้อาวุธสำหรับช่วยชาวบ้าน คงต้องเลิกพูด เพราะว่าถ้าพูดมากเดี๋ยวท่านก็งอนว่า จะมาใช้เงินเยอะแยะ ไหนๆ เรารวยแล้ว เดี๋ยวนี้เรารวย เงินบาทมีราคาสูง สูงเกินไปก็ใช้สิ เงินบาทสูงเกินไปก็ใช้ ใช้ในที่ที่ควร ไม่ทราบ เราเดี๋ยวนี้ไม่รู้เรื่อง อาจจะเป็นที่หมอเขาว่า สมองเราฝ่อ แต่เรารู้สึกสมองเราไม่ฝ่อ แต่เขาว่าว่าเราฝ่อ ฟังว่ารัฐบาลหรือเมืองไทย ประชาชน มีเงินเยอะ มีเงินเกิน ก็ใช้สิ เขาหาว่าเราเศรษฐกิจพอเพียง คำว่า พอเพียง ถ้ามีเงินก็ต้องใช้ ไม่ใช่ขี้เหนียว ถ้ามีเงินไม่ต้องขี้เหนียวซื้อไปเถอะ อะไรก็ตาม เครื่องบิน เรือ รถถัง ซื้อ ถ้ามีเงินเยอะ ก็ถือว่าสนับสนุนให้จ่าย เดี๋ยวนี้เขา ในหนังสือพิมพ์เห็นรึเปล่า ว่าเขาสนับสนุนให้จ่าย ถ้ามีก็จ่าย แต่ถ้าไม่มีก็ระงับหน่อย มันเป็นอย่างนี้คนเราก็พูดเกินไปเสมอ อย่าให้เขา
ตอนนี้ ที่ท่านมาให้พร อวยพร ก็นับว่าดีมาก ทำให้มีกำลังใจ แต่ไม่ทราบว่าคิดถูกหรือไม่ถูกเพราะว่า ท่านไม่ได้บอกอะไร เรามีเงินเยอะใช่ไหม ดูท่าทางว่ามีเงินเยอะ ก็ถ้ามีเงินเยอะก็จ่าย ใช้เงินให้สมกับที่เรามีเงิน ถ้าไม่มีเงินแล้วจ่ายจะอันตราย แต่ถ้ามีเงินและไม่จ่ายก็อันตรายเหมือนกัน เพราะว่า คนที่มีเงินแล้วไม่จ่าย หมายความว่า จะเก็บไว้ทำอะไร บางคนมีเงินแล้วไม่จ่าย ให้คนอื่นจ่าย ก็หมายความว่า คนที่ไม่มีเงินบอก ใช้เงินเถอะ เพื่อที่จะได้กำไร คนที่มีเงินยิ่งอยากได้กำไร อย่างนี้ไม่ดี ฉะนั้นก็ต้อง คนที่มีเงินก็จ่าย แล้วก็ช่วยคนที่ไม่มีเงิน นี่รู้สึกตัวว่าพูดอะไรที่ถูกต้อง คนที่มีเงินต้องจ่ายคนที่ไม่มีเงินต้องไม่จ่าย แต่คนเขาคิดตรงข้าม คนที่ไม่มีเงินต้องจ่าย อย่างสมัยนี้ คนไม่มีเงิน ให้ใช้เงิน ใช้เงินมากๆ เพราะว่าถ้าคนไม่มีเงินใช้เงินมากๆ ก็ต้องไปกู้ คนที่มีเงินมากๆ ก็ได้กำไร ไม่พอเพียง
ก็ยังไงก็ขอให้ที่ท่านมานี่ ได้ผลไปคิด ให้ไปคิดว่าควรจะทำอะไร แล้วท่านก็มีความคิดดีอยู่แล้ว อย่าไป ที่พูดว่า อย่าไปมีปมด้อยว่าไม่มีความคิด ว่าซื้อเรือ ซื้อเครื่องบิน ซื้อรถถัง ก็ไปซื้อเถอะ เรือน่ะ สร้างเอง ให้เขาสร้าง เรืออันไหนที่สร้างไม่ได้ ไปสร้างที่อื่น แล้วก็ไปสร้างที่ๆ เขาแล่นๆ ไปมันคลอนหมด ไปซื้อเรือที่แล่นๆ จะไปสู้กับเขาไม่ได้ เพราะว่ามันคลอนหมด สร้างเองดีกว่า นี่เขางงว่าทำไมยุให้สร้างเรือ สร้างเรือเอง ให้คุณภาพดี ไม่ให้คลอน แต่ก็ต้องมีเงินไปสร้างเอง มันตก ก็ยังไงก็ คงพูดมากเกินไป ทองแดงก็เมื่อย แต่พูดอะไรก็เห็นด้วยล่ะนะ อ้าว ยังไม่ไป ยังไม่ไป ก็ขอบใจที่ท่านมา ขอให้ท่านสามารถที่จะมีจิตใจที่เข้มแข็ง แข็งแรง แล้วก็เพื่อที่จะทำอะไรให้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ก็จะเป็นประโยชน์แก่ท่านเอง ก็ขอขอบใจอีกทีที่มา"
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--