วันนี้ (27 มิถุนายน 2561) เวลา 14.00 น. บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงภายหลังการประชุมถึงการให้ความช่วยเหลือกลุ่มเด็กและโค้ชฟุตบอลทีมหมูป่า จำนวน 13 ราย ที่ยังติดอยู่ในภายในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายว่า สถานการณ์ในวันนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ เราทุกคนมั่นใจว่าเด็ก ๆ ทุกคนยังมีชีวิตอยู่ และรอการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนเป็นนักกีฬาด้วย น่าจะแข็งแรงพอที่จะรับสถานการณ์นี้ได้ รัฐบาลจะพยายามทุกวิถีทาง? โดยเฉพาะการให้กำลังใจครอบครัวเด็ก ๆ และขณะนี้ ได้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติการร่วม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจ ทหาร พลเรือน เป็นการบูรณาการร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ได้มีการกำหนดกรอบพื้นที่การทำงานให้ชัดเจน และมีการพัฒนาอยู่ตลอด ทั้งศูนย์ประสานสื่อ ที่พักของญาติ รวมถึงอาหารการกินด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้เร่งระบายน้ำออก และได้ติดตามมาโดยตลอด เข้าใจดีถึงความยากลำบากของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทุกคนก็ทุ่มเท และเสี่ยงชีวิตในการเข้าไปช่วยเหลือ บางครั้งเจ้าหน้าที่ หรือนักประดาน้ำ ไม่สามารถใช้ถังออกซิเจนเข้าไปได้ ต้องมุดตัวเปล่าเข้าไป ซึ่งมีระยะทางหลายร้อยเมตร ก็ถือว่ามีความเสี่ยงเหมือนกัน ซึ่งหวังว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยสร้างความเชื่อมั่น และแรงศรัทธาจากคนไทยทั้งประเทศ
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และรับสั่งผ่านราชเลขานุการในพระองค์ ให้ดูแลให้ดีที่สุด ทั้งครอบครัวและการช่วยเหลือเด็ก ๆ รวมถึงความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ต้องมีแผนที่รัดกุม ไม่ให้เกิดความสูญเสีย พระองค์ท่านทรงติดตามตลอดเวลา จนกระทั่งถึงวันนี้ และเมื่อวานซึ่งเป็นวันประสูติ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ท่านก็ประทานพรมาให้เจ้าหน้าที่ทุกคนให้มีความปลอดภัย และประทานพรให้รัฐบาลในการทำงานบริหารประเทศ โดยเฉพาะสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใย ติดตามทุกเรื่องในการทำงานของพวกเรา และบ่ายนี้ (15.00 น.) ผมและ ครม.จะไปร่วมพิธีรับพระราชทานผ้าพันคอจิตอาสา ดังนั้น ตอนนี้ขอให้ทุกคนร่วมกันทำความดีด้วยหัวใจด้วยการทำจิตอาสา”
สำหรับการเยียวยาสภาพจิตใจของเด็ก ๆ และผู้ปกครองนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อย่าไปทำให้เสียขวัญหรือเสียกำลังใจอีกเลย พร้อมฝากสื่อมวลชนในเรื่องการนำเสนอข่าว หากข่าวใดที่จะทำให้เสียขวัญ ก็ขอให้ลดลงไปบ้าง ยอมรับว่าหลายคนก็ยังมีความเชื่อถือแบบไทย ๆ อยู่ แต่เวลานี้เหมาะหรือไม่เหมาะก็ต้องใช้สติปัญญาใคร่ครวญกันด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th