วันนี้ (10 ก.ค. 61 ) เวลา 15.30 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานฯ พันเอกหญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีมีบัญชาเห็นชอบให้จัดการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 5/2561 และตรวจราชการ ระหว่างวันที่ 23 – 24 กรกฎาคม 2561 ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 2 : จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดศรีสะเกษ และจังหวัดยโสธร) โดยนายกรัฐมนตรีจะตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ จังหวัดอุบลราชธานี และจัดประชุมคณะรัฐมนตรีฯ ณ จังหวัดอุบลราชธานี
พร้อมกันนี้ ได้มอบหมายให้ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานจัดการประชุมเตรียมการบูรณาการประเด็นด้านสารัตถะ ในการลงพื้นที่และประชุมครม. ครั้งนี้
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประมาณ 8 เดือน ขอให้ข้าราชการและหน่วยงานของรัฐต่าง ๆ ดำเนินการในเรื่องที่มีความสำคัญและมีผลงานให้ประชาชนเห็นอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ประกอบด้วย 1) เรื่องการปฏิรูปตำรวจ 2) การปฏิรูปการศึกษา 3) การจัดที่ดินทำกินให้กับราษฎรในพื้นที่ต่าง ๆ 4) การบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ โดยเน้นย้ำทุกจังหวัดจะต้องมีกระบวนการบริหารจัดการขยะที่ถูกกฎหมายทั้งหมด เพราะกระบวนการจัดการขยะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญซึ่งจะต้องมีกระบวนการจัดการขยะที่ถูกต้อง 5) การบริหารระบบราชการ โดยย้ำให้สำนักงาน ก.พ. และ ก.พ.ร. พิจารณาดูเรื่องการปรับย้ายให้ชัดเจน รวมถึงแนวทางการรับราชการของข้าราชการในหน่วยงานต่าง ๆ การบรรจุข้าราชการเข้าใหม่ พนักงานราชการและลูกจ้างต้องให้มีความชัดเจน โดยเฉพาะกรณีข้าราชการ พนักงานฯ และลูกจ้างที่เข้าใหม่ต้องมีการดูแลเรื่องของรายได้ให้เพียงพอต่อการดำรงชีพด้วย ขณะเดียวกันให้พิจารณาลดจำนวนข้าราชการลงตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมอบหมายให้สำนักงาน ก.พ. และ ก.พ.ร. ไปพิจารณาหาแนวทางที่ชัดเจนและเหมาะสมต่อไป 6) การบริหารจัดการภัยพิบัติต่าง ๆ โดยได้กล่าวถึงศูนย์บรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และมอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นหน่วยงานสนับสนุนการดำเนินงานของรัฐบาล โดยเฉพาะในส่วนของศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี (Prime Minister’s Operation Centre - PMOC) เมื่อมีเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดขึ้น PMOC จะต้องสามารถประสานและติดต่อกับหน่วยงานที่ดำเนินการด้านภัยพิบัติทุกหน่วยงานได้ เพื่อนายกรัฐมนตรีจะได้สั่งการได้ทันทีหากเกิดเหตุการณ์ขึ้น 7) เรื่องเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ สำหรับใช้บรรเทาสาธารณภัยและอุทกภัย ต้องมีการบริหารจัดการและจัดระเบียบเกี่ยวกับอุปกรณ์ดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยต้องมีการวางแผนช่วยเหลือเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาคเอกชนอย่างเป็นระบบ พร้อมกำชับภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจแล้วส่งคืนอุปกรณ์เครื่องมือต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชนต้องส่งคืนให้คงอยู่ในสภาพดีเช่นเดิมด้วย 8) เรื่องการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นแผนงานระยะยาว แต่ในช่วงแผนงานระยะสั้นระหว่าง 1 – 5 ปี ที่ได้มีการวางแผนไว้จะต้องเร่งดำเนินการให้เกิดผลชัดเจนให้ได้ โดยเฉพาะการปลูกพืชต่าง ๆ ต้องสอดคล้องกับ Agri-Map ด้วย 9) การดำเนินโครงการต่าง ๆ ของแต่ละพื้นที่ ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวบรวมข้อมูลเพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาว่าโครงการใดมีความจำเป็นเร่งด่วนที่สามารถดำเนินการได้ก่อนและตอนสนองในพื้นที่ได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้ง ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมการประเทศไทยรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อให้ผู้สูงอายุในประเทศไทยสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี
-------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th