นายกรัฐมนตรี Kick off โครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตบนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน

ข่าวทั่วไป Monday July 16, 2018 13:30 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรี เปิดโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตบนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันดำเนินโครงการฯ 22 หน่วยงาน โดยมุ่งที่สร้างความเข้มแข็งให้สังคมไทยด้วยพลังของจิตอา

วันนี้ (16 ก.ค.61) เวลา 09.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตบนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน พร้อมร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันดำเนินโครงการฯ (MOU) 22 หน่วยงาน โดยมีผู้ร่วมงานประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดหรือผู้แทน ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด นายกเทศมนตรีหรือนายกองค์การบริหารส่วนตำบล 76 แห่ง กรรมการชุมชนต้นแบบ 76 แห่ง ๆ ละ 4 คน และองค์กรภาคเอกชน ประมาณ 750 คน

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า รัฐบาลมีความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น ที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยในทุกข์สุข และชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน มีพระราชปณิธานที่จะสืบสานรักษาและต่อยอดโครงการ ตลอดทั้งพระราชกรณียกิจอันเนื่องมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หน่วยราชการในพระองค์ร่วมกับส่วนราชการต่าง ๆ และประชาชนทุกหมู่เหล่าที่มีจิตอาสา ร่วมแรงร่วมใจกันบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ เพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหาแหล่งน้ำ คูคลอง ในพื้นที่ต่าง ๆ และแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เพื่อประโยชน์สุขของปวงพสกนิกร ตามวิถีแห่งความพอเพียง รัฐบาลจึงได้น้อมนำพระราชปณิธานดังกล่าวมาจัดทำโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตบนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 นี้

นอกจากนี้ โครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตฯ ยังเป็นไปตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และค่านิยม 12 ประการ ซึ่งมุ่งเน้นให้ชุมชนริมน้ำตระหนักถึงปัญหา และร่วมแรงร่วมใจกันพัฒนาวิถีชีวิตความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น มีสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตที่น่าอยู่อย่างยั่งยืน ภายใต้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เป็นชุมชนจิตอาสาที่เข้มแข็ง สามารถบริหารจัดการตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการดำเนินการได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการเตรียมการโครงการฯ เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และกรอบแนวทางการดำเนินงาน ในการบูรณาการร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในรูปแบบจิตอาสา ซึ่งการดำเนินงานโครงการนี้ จะไม่เพียงเป็นการส่งเสริมเรื่องจิตอาสา สนับสนุนการทำงานร่วมกันระหว่างหลายภาคส่วน ที่จะก่อให้เกิดการพัฒนาตามความต้องการและความเหมาะสมของชุมชนเท่านั้น ยังจะเป็นการสร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันของทุกภาคส่วน เพื่อขยายผลไปสู่การพัฒนาในชุมชนอื่น ๆ ต่อไปด้วย

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดโครงการว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชปณิธานในการสืบสานต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้หน่วยงานราชการในพระองค์ร่วมกันจัดโครงการจิตอาสาตามแนวพระราชดำริ และได้พระราชทานโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ เพื่อปลุกจิตสำนึกให้ประชาชนร่วมแรงร่วมใจกันเป็นพลังหนึ่งเดียวกันในการสร้างสรรค์คุณประโยชน์แก่สังคม ชุมชน และประเทศชาติ ตลอดระยะที่ผ่านมาพลังของจิตอาสาสะท้อนให้เห็นตัวตนอันแท้จริงของคนในสังคมที่มีจิตสาธารณะคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมเหนือประโยชน์ส่วนตน ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งที่จะทำให้สังคมของเรามีความสุข ร่วมกันแบ่งปัน รวมทั้งความเป็นจิตอาสาจะเป็นการสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับชุมชน และสร้างความเข้มแข็งให้กับทุกภาคส่วนของประเทศอย่างครอบคลุมตามหลักการแห่งศาสตร์พระราชา ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาจากฐานราก และกระบวนการภายใน ด้วยการพึ่งตนเอง อันจะทำให้ชุมชนและหมู่บ้านมีพื้นฐานที่มั่นคง

นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการขับเคลื่อนโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิต บนวิถีแห่งความพอเพียง เพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนว่า เป็นโครงการที่รัฐบาลได้น้อมนำแนวทางจิตอาสาในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มาดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรมอีกกิจกรรมหนึ่ง เพื่อสร้างจิตสำนึกสาธารณะให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันทำสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่สังคม ท้องถิ่น ชุมชนของตนเอง และมุ่งที่จะสร้างความเข้มแข็งให้สังคมไทยด้วยพลังของจิตอาสา ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนกรกฎาคม 2561 เป็นต้นไป ทั้งในเขตกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดทั่วประเทศ และได้กำหนดให้กิจกรรมนี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561

พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งแม้จะเป็นการดำเนินการในระยะแรกแต่ครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัดทั่วประเทศ รวมกรุงเทพมหานคร เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องร่วมกันดำเนินการให้โครงการนี้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายและให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 นอกจากนี้การดำเนินโครงการดังกล่าวยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดี การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน และการพัฒนาประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตามสิ่งสำคัญที่สุดคือการดำเนินการทุกอย่างจะต้องมีความต่อเนื่อง โดยชุมชนต้องมีการดูแลและดำเนินการต่อไป เพื่อให้เกิดความเข้มแข็งและดูแลรักษาแม่น้ำลำคลองให้สะอาดสวยงามอยู่เสมอ รวมถึงการดูแลรักษาความสะอาดของผู้ที่อยู่อาศัยบริเวณแม่น้ำลำคลอง โดยให้มีการบำบัดน้ำเสียก่อนระบายลงสู่แม่น้ำลำคลอง และขอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ ท้องถิ่น ช่วยกันดูแลและขอความร่วมมือจากภาคประชาชนทุกภาคส่วนในการดำเนินการดังกล่าวด้วย เพราะหากหน่วยงานภาครัฐดำเนินเพียงฝ่ายเดียวคงไม่สามารถเป็นไปได้ไม่รวดเร็วมากนัก วันนี้จึงเป็นเรื่องของการกระจายอำนาจในเรื่องของความรับผิดชอบ หน้าที่ และงบประมาณซึ่งทุกคนสามารถที่จะบริหารจัดการในพื้นที่ของตนเองได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยต้องมีการควบคุมประเมินผลติดตามและกำกับดูแลจากส่วนกลางควบคู่ไปด้วย

ทั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าการดำเนินงานของทุกภาคส่วนนับจากนี้ต่อไป จะก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ในเรื่องการสร้างพลังจิตอาสา การสร้างพลังแห่งความรัก ความสามัคคีปรองดอง โดยประชาชนทุกคนในทุกพื้นที่สามารถร่วมมือกันแก้ไขปัญหาของชุมชน และของประเทศชาติ เกิดการพัฒนาอย่างสมดุลทั้งการดำเนินชีวิต วิถีชุมชน และวิถีความเป็นอยู่ตามอัตลักษณ์ของแต่ละชุมชน บนวิถีแห่งความพอเพียง ซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ประชาชนตลอดไป

จากนั้น นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ได้เยี่ยมชมนิทรรศการผลงานด้านการพัฒนาลำน้ำ และนวัตกรรมการแปรรูปผักตบชวาของหน่วยงานและองค์ปกครองส่วนท้องถิ่น เช่น สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กรมชลประทาน อบจ.สมุทรสงคราม อบจ.อ่างทอง อบจ.นครปฐม อบจ.ศรีสะเกษ เทศบาลนครลำปาง เป็นต้น รวมทั้งพบปะผู้แทนโครงการจิตอาสาเพื่อการพัฒนาลำน้ำกับชีวิตจากทั่วประเทศ จำนวน 606 โครงการ โดยนายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้ช่วยกันดูแลรักษาแม่น้ำลำคลองให้สะอาดสวยงามอยู่เสมอ โดยเน้นย้ำให้แก้ไขปัญหาน้ำเสียตั้งแต่ต้นทางคือต้องมีการดักจับไขมันและมีระบบการบำบัดน้ำเสียจากบ้านเรือนและชุมชนก่อนปล่อยลงสู่แม่น้ำลำคลอง โดยรัฐบาลขอเป็นกำลังใจในการทำงานให้กับทุกคน และพร้อมยินดีสนับสนุนโครงการต่าง ๆ โดยรับจะนำโครงการที่เสนอไปพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป

----------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ