นายกรัฐมนตรี เปิดงานประชุมวิชาการและมหกรรมการแสดงผลงาน 100 ปี การสาธารณสุขไทย

ข่าวทั่วไป Wednesday July 18, 2018 14:06 —สำนักโฆษก

นายกรัฐมนตรี เปิดงานประชุมวิชาการและมหกรรมการแสดงผลงาน 100 ปี การสาธารณสุขไทย ภายใต้แนวคิด “เพื่อประชาชนสุขภาพดี 100 ปี แห่งการพัฒนา”

วันนี้ (18 ก.ค.61) เวลา 09.00 น. ณ ห้องรอยัลจูบิลี่ บอลรูม อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดงานประชุมวิชาการและมหกรรมการแสดงผลงาน 100 ปี การสาธารณสุขไทย ภายใต้แนวคิด “เพื่อประชาชนสุขภาพดี 100 ปี แห่งการพัฒนา” และงานมหกรรมสมุนไพรแช่งชาติ ครั้งที่ 15 พร้อมมอบโล่รางวัล “หมอไทยดีเด่นแห่งชาติ” ประจำปี 2561 แก่นายขาว เฉียบแหลม และมอบเหรียญเชิดชูเกียรติคุณ “ขุนประเมินวิมลเวชช์” ประจำปี 2561 แก่ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเสริฐ ทองเจริญ จัดโดยกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างวันที่ 18 -21 กรกฎาคม 2561 โดยมี พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คณะผู้บริหารและบุคลากรด้านสาธารณสุข ภาคีเครือข่ายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมงาน

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อสุขภาพคนไทย” โดยสรุปว่า ประเทศชาติประกอบด้วยคนและพื้นที่ ซึ่งประเทศใดที่มีประชาชนที่เข้มแข็ง มีความรู้ การศึกษา หลักคิดที่ดีงามถูกต้องและมีศรัทธาทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นและส่วนรวม ประเทศชาตินั้นจะเจริญก้าวหน้า และการที่ประเทศไทยจะก้าวไปสู่ประเทศที่มีรายได้ที่สูงขึ้นและมีคุณภาพชีวิตที่ดีเหมือนเช่นประเทศอื่นทั่วโลกที่พัฒนาแล้ว ประเทศไทยก็จะต้องมีการพัฒนาทั้งทางด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ควบคู่กับการพัฒนาด้านการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยมีการวางแผนและกำหนดวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเพื่อไปสู่เป้าหมายที่กำหนดไว้

การสาธารณสุขไทยก็เช่นเดียวกันต้องมีการกำหนดวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะในอีก 20 ปีข้างหน้าที่จะร่วมกันพัฒนาให้การสาธารณสุขไทยและคนไทยเป็นอย่างไรในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่คาดการณ์ว่าในอีก 20 ปี คนไทยจะต้องได้รับการดูแลทั้งเรื่องของความมั่นคง ความมีเสถียรภาพ มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน มีความมั่งคั่ง มีความเป็นอยู่ที่พอเพียง เกิดความยั่งยืนคือมีภูมิคุ้มกันที่ดี และมีความรู้คู่คุณธรรม ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะเดียวกันการที่รัฐบาลได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการพัฒนาประเทศไปสู่วิสัยทัศน์ “ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” จะสามารถตอบคำถามได้ในทุกอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นครู แพทย์ พยาบาล หรืออาชีพอื่น ๆ ท่ามกลางสถานการณ์โลกและเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

พร้อมกล่าวว่า ในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา ระบบสาธารณสุขของประเทศไทยได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จอย่างภาคภูมิใจ ทั้งการพัฒนาสุขภาพ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนจนเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศทั่วโลกในคุณภาพการให้บริการทางการแพทย์ของไทย รวมถึงการพัฒนาทางการแพทย์แผนไทย ซึ่งรัฐบาลปัจจุบันได้มีการสนับสนุนส่งเสริมในเรื่องของแพทย์แผนไทยและสมุนไพรให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังมากขึ้น โดยมีผลผลิตต่าง ๆ ออกมาเป็นจำนวนมาก จึงฝากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องพิจารณาคัดแยกแต่ละประเภทให้ชัดเจนเพื่อพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรให้มีคนยอมรับและใช้มากขึ้นทั้งในประเทศและจากต่างประเทศ

นายกรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า รัฐบาลได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีขึ้น เพื่อผลักดันการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน โดยเรื่องของการสาธารณสุขและการรักษาพยาบาลถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะนำประเทศไปสู่การพัฒนาตามเป้าหมายที่กำหนดและขับเคลื่อนมวลมนุษยชาติต่อไป เพราะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ประชาชนมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ เพราะฉะนั้นในระดับผู้นำองค์กรต่าง ๆ ต้องคำนึงถึงการที่จะทำเพื่อประเทศไทยและเพื่อโลก โดยต้องมองเป้าหมายที่ใหญ่กว่าเพื่อจะได้ทำให้เกิดแรงศรัทธาที่มากยิ่งขึ้น อันจะส่งผลให้มีกำลังใจที่จะสู้กับปัญหาต่าง ๆ ได้ต่อไป

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระบบสุขภาพตามแนวคิด “คนดี มีคุณค่า มีความสุข” เพื่อนำพาประเทศสู่ Thailand 4.0 โดยจะเร่งรัดพัฒนาระบบบริการสุขภาพด้วย 3 ยุทธศาสตร์สำคัญ ได้แก่ 1) ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความมั่นคง เช่น การพัฒนาเด็กและผู้สูงอายุ ให้เป็น Smart Citizen การปฏิรูประบบบริการปฐมภูมิ มีแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัวดูแลประชาชนครบทุกครัวเรือนภายใน 10 ปี การต่อยอดการดูแลระยะยาว (Long term care) ให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น การดูแลผู้ป่วยเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤต ให้มีสิทธิทุกที่ 2) การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ สร้างความมั่งคั่ง เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร การเพิ่มประสิทธิภาพการขึ้นทะเบียนและใบอนุญาต การพัฒนาเขตสุขภาพพิเศษ และ3) การสร้างสมดุลในการพัฒนาให้เกิดความยั่งยืน (Green Growth Engine) โดยจะพัฒนาโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข 959 แห่ง เพื่อลดมลพิษ ลดการใช้พลังงาน ลดภาวะโลกร้อน

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำถึงการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนให้กับระบบสุขภาพและสังคมไทยว่า คือการสนับสนุนการแพทย์แผนไทยและการใช้สมุนไพรไทย โดยรัฐบาลได้กำหนดนโยบายนำภูมิปัญญาไทย สมุนไพรไทยเข้าสู่ระบบบริการสุขภาพเพื่อเป็นทางเลือกสำหรับประชาชนในโรงพยาบาลใหญ่แบบครบวงจรให้บรรลุระบบสุขภาพไทยที่ดีในอีก 20 ปี และเป้าหมายสุขภาพระดับโลก รวมทั้งการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่และระบบดิจิทัลมาใช้ในการรักษาพยาบาลทางไกลด้วย

ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในโอกาสครบรอบ 100 ปีการสาธารณสุขไทยว่า มีความปรารถนา ที่จะเห็นกระทรวงสาธารณสุข และหน่วยงานด้านสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งบุคลากรสาธารณสุขในทุกระดับ ร่วมกันพัฒนาและขับเคลื่อนระบบสุขภาพของประเทศให้มีความก้าวหน้าและเป็นไปอย่างยั่งยืน โดยสามารถเอาชนะปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศของรัฐบาลคือ "มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน" และยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ คือ "ประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่มีความสุข และระบบสุขภาพยั่งยืน"

จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมนิทรรศการ 100 ปีการสาธารณสุขไทยและมหกรรมการแสดงผลงานผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร

----------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ