เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา 66 พรรษา ในวันเสาร์ที่ 28 ก.ค. 61 เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และแสดงความจงรักภักดี รัฐบาลจึงขอเชิญชวนให้พสกนิกรชาวไทยทุกภาคส่วนเข้าร่วมพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล อุทิศถวาย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งเจริญพระพุทธมนต์ ถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในวันที่ 21 ก.ค.61 เวลา 18.00 น. ณ พระลานพระราชวังดุสิต และเข้าร่วมพิธีทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง แด่พระสงฆ์และสามเณร ทั้งในกรุงเทพมหานคร และทุกจังหวัด และวัดไทยทั่วโลกในวันเสาร์ที่ 28 ก.ค.นี้ เวลา 06.00 น. โดยในช่วงเวลา 19.00 น. จะมีพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ ณ ท้องสนามหลวงและส่วนภูมิภาค ณ ศาลากลางจังหวัด รวมทั้งในต่างประเทศ ณ เวลาและสถานที่ที่สถานเอกอัครราชทูตทั่วโลกกำหนด
ในโอกาสเดียวกันนี้ ระหว่างวันที่ 22 – 28 กรกฎาคม 2561 นี้ เป็น “สัปดาห์ส่งเสริมพระพุทธศาสนา วันอาสาฬหบูชา และวันเข้าพรรษา” ได้จัดกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนาในประเทศไทย ที่ยาวนานถึง 1,400 ปี และกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระมหากษัตริยาธิราช ของไทยทุกพระองค์ ตลอดจนเทิดทูนสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงเป็นพุทธมามกะ และอัครศาสนูปถัมภก โดยทรงปกครองบ้านเมืองด้วย “หลักทศพิธราชธรรม” ทั้งนี้ กิจกรรมการจัด 11 ริ้วขบวน “บรมธาตุพุทธศิลป์ แผ่นดินพระทรงธรรม” ซึ่งนับเป็นครั้งแรกที่มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองทางพระพุทธศาสนา ทำนุบำรุงและสืบทอดมาถึงปัจจุบัน โดยขอเชิญชวนให้พสกนิกรชาวไทยทุกภาคส่วนร่วมกันแต่งกาย “ชุดสีขาว” เพื่อชมความงดงามตระการตาของริ้วขบวนดังกล่าว ซึ่งจะเคลื่อนจากลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์ ไปยังมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2561 อีกทั้งร่วมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่จะประดิษฐาน ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เพื่อน้อมสักการะถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่พสกนิกรชาวไทยทั้งปวงด้วย
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าขอเชิญชวนให้พสกนิกรชาวไทยทุกภาคส่วน ร่วมแสดงพลังความจงรักภักดี และร่วมสดุดีพระเกียรติแด่คุณสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยทรงมีพระราชปณิธานในการ “สืบสาน รักษาต่อยอด” โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริศาสตร์พระราชาและเจริญรอยตามแนวพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เพื่อการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข จึงขอเชิญชวนให้พสกนิกรของพระองค์ ได้ร่วมกันทำกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความดี ด้วยหัวใจ” อย่างพร้อมเพรียงกันทั่วประเทศ (26 ก.ค. 61) นี้
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวเน้นย้ำเพิ่มเติมว่าการรณรงค์เพื่อลดขยะ การลดใช้ถุงพลาสติกและพลาสติกหุ้มฝาขวด (แคปซีล) รวมทั้งมาตรการชายหาดปลอดบุหรี่ ในพื้นที่ 24 จังหวัดชายทะเล ตลอดจนการขยายผลการดำเนินงานทั่วประเทศ ในการลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้ว และโฟมบรรจุอาหารอย่างต่อเนื่อง ภายใต้แนวทางโครงการ “ทำความดีด้วยหัวใจ ลดภัยสิ่งแวดล้อม” โดยบูรณาการพลังประชารัฐ ร่วมมือ ร่วมใจในการป้องกันและแก้ไขปัญหาพลาสติกให้เป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพ ตลอดจนการลดและคัดแยกขยะมูลฝอยเพื่อเป็นแบบอย่าง “ลดรับ ลดให้ ลดใช้ถุงพลาสติก” โดยส่งเสริมห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ตลาดสดทั่วประเทศ ลดใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วและงดใช้โฟมบรรจุอาหาร พร้อมนำไปสู่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้บรรจุภัณฑ์ หรือภาชนะที่ใช้ซ้ำได้ เช่น การพกถุงผ้ามาจ่ายตลาด เป็นต้น เพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมตามแนวทางประชารัฐอย่างยั่งยืน
นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำในตอนท้ายว่า ด้านหนี้ในระบบธนาคารปัจจุบัน ซึ่งมีโครงการคลินิกแก้หนี้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อย ที่มีปัญหาหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน จนกลายเป็นหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ พร้อมทั้งไม่สามารถชำระหนี้ได้ภายใน 90 วันนั้น โดยเป็นหนี้อยู่กับธนาคารพาณิชย์ ตั้งแต่ 2 แห่งขึ้นไป สามารถขอรับความช่วยเหลือในการประนอมหนี้ เพื่อดูแลปัญหาให้ได้ข้อยุติ รวมถึงเพื่อให้สามารถบริหารจัดการชำระหนี้ของตนเองได้อย่างเหมาะสม และเป็นเรื่องน่ายินดีว่ามีการขยายระยะเวลาจากเดิม ก่อนวันที่ 1 พฤษภาคม 2560 เพื่อผ่อนผันเป็นการค้างชำระที่เกิน 90 วัน ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2561 นอกจากนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการยังจะได้รับความรู้ด้านการเงินเพื่อนำไปเสริมสร้างวินัยทางการเงินที่ดีให้กับตนเอง สำหรับประชาชนที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการ หรือต้องการเข้ารับฟังการบรรยายให้ความรู้ทางการเงิน การบริหารจัดการหนี้ รวมถึงการออมสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 02-610-2266 และเว็บไซต์ www.คลินิกแก้หนี้.com หรือ www.debtclinicbysam.com
.................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th