วันนี้ (1 สิงหาคม 2561) เวลา 09.30 น. ณ ฮอลล์ 1 อิมแพ็ค เอ็กซิบิชั่น เซ็นเตอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ด้วยความร่วมมือของกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ การจัดงานครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมงานประมาณ 3,000 คน ได้แก่ ผู้ผลิตสินค้าชุมชน เช่น ประชาชนทั่วไป วิสาหกิจชุมชน กองทุนหมู่บ้าน สหกรณ์ โดยกิจกรรมภายในงาน จะมีการนำร้านธงฟ้าประชารัฐต้นแบบสำหรับให้ร้านค้านำไปเป็นตัวอย่างในการจัดทำร้านธงฟ้าประชารัฐที่ได้มาตรฐานโดยมีสินค้าหลากหลายชนิดจากชุมชน สินค้าธงฟ้าประชารัฐ พร้อมสินค้าชุมชนจาก 76 จังหวัดที่เป็นสินค้าที่นำมาจำหน่ายในร้านธงฟ้าประชารัฐ รวมทั้งเป็นสินค้าที่มีการเชื่อมโยงสินค้าเด่นนำร่องในบางพื้นที่ อาทิ เช่น กะปิระนอง กุ้งเสียบพังงา โดยแต่ละคูหาจะมีสินค้าชุมชนในแต่ละกลุ่มจังหวัด ร้านโชวห่วยไฮบริด ในการพัฒนาและส่งเสริมเพื่อยกระดับร้านค้าทั่วไปสู่ร้านค้าที่มีมาตรฐานที่สูงขึ้น รวมทั้งการสาธิตการซื้อสินค้าผ่านเครื่องรูดบัตร EDC และโปรแกรมประยุกต์สำหรับอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Mobile Application) ตลอดจนจะมีการจัดเสวนาการใช้โปรแกรมประยุกต์ Mobile Application กับร้านธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการฯ มีความเข้าใจเกี่ยวกับนโยบาย ขั้นตอน วิธีการ เงื่อนไข ให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลกำหนดไว้ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนอย่างทั่วถึงและเป็นรูปธรรม
จากนั้น นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้กล่าวรายงานว่า การจัดงานเปิดตัว “โครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” โดยใช้โทรศัพท์มือถือรับชำระเงินจากผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่านแอปพลิเคชั่น “ถุงเงินประชารัฐ” กระทรวงฯ ได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทยจัดทำขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและให้ความช่วยเหลือร้านโชวห่วย ร้านค้ารายย่อยให้อยู่รอด มีรายได้เพิ่มขึ้น ?ซึ่งที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้เดินหน้าลดภาระค่าครองชีพให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐทั่วประเทศที่มีอยู่จำนวน 11.43 ล้านคน อย่างจริงจัง โดยได้มีการผลักดันเปิดร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ เพื่อให้เป็นที่จำหน่ายสินค้า อุปโภค บริโภคราคาถูก ให้กับผู้ถือบัตรในระยะแรกและมีการติดตั้งเครื่องรูดบัตร EDC ให้กับร้านค้าไปแล้วประมาณ 38,000 ร้านค้า ซึ่งผลการดำเนินการพบว่า ยังมีร้านค้าต้องการเข้าร่วมโครงการ และผู้ถือบัตรต้องการให้มีร้านค้ากระจายอย่างทั่วถึงมากขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐดังกล่าว
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการใช้มือถือรับชำระค่าสินค้านั้น ได้เปิดโอกาสให้กับร้านค้าเกือบทุกประเภท ทั้งร้านค้ารายย่อย ร้านโชวห่วย แผงค้าในตลาดสด ทั้งแผงหมู แผงผัก แผงผลไม้ ร้านจำหน่ายอาหารปรุงสำเร็จ ร้านหนูณิชย์ ผู้ค้าในตลาดต้องชม ตลาดกลางสินค้าเกษตร ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชน และรถยนต์เร่ขายสินค้า เป็นต้น ผู้สนใจสามารถเข้าร่วมโครงการได้ โดยมีเป้าหมายเพิ่มร้านค้าอีกจำนวน 1-2 แสนราย ขณะนี้ได้จัดส่งทีมงาน ลงพื้นที่เพื่อระดมรับสมัครร้านค้าทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการแล้ว และล่าสุดมีผู้สมัครเข้าร่วมโครงการแล้วประมาณ 20,000 ราย ซึ่งการดำเนินโครงการนี้ จะช่วยให้ร้านโชวห่วย ผู้ค้ารายย่อยต่างๆ ซึ่งแต่เดิมมองกันว่าหมดหวัง ไม่มีทางฟื้น แต่วันนี้จากนโยบายและการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างจริงจัง ทำให้ผู้ค้าเหล่านี้ฟื้นคืนชีพ สามารถพัฒนาตนเองให้อยู่รอด มีความเข้มแข็ง อย่างมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน และเป็นการกระจายความเจริญเติบโตเข้าสู่ท้องถิ่น ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจฐานรากที่สำคัญของประเทศได้
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานความตอนหนึ่งว่า มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมในพิธีเปิดงาน “โครงการประชารัฐ สวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” และการเปิดตัว Application ถุงเงิน ประชารัฐ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ร่วมกับกระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย และภาคเอกชนจัดขึ้นในวันนี้ โดยตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 ถึงปัจจุบัน รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายในการ ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยผ่านโครงการประชารัฐสวัสดิการ โดยมีการขึ้นทะเบียนผู้มี รายได้น้อย จำนวน 11.43 ล้านคน จากการได้รับวงเงินใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับผู้มีรายได้น้อยที่มีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี โดยผู้มีรายได้ไม่เกินปีละ 30,000 บาทต่อปี จะได้รับวงเงินคนละ 300 บาทต่อเดือน ส่วนผู้ที่มีรายได้ไม่เกินปีละ 100,000 บาทต่อปี จะได้รับวงเงินคนละ 200 บาทต่อเดือน
สำหรับผู้ที่เข้าโครงการพัฒนาตนเอง ยังได้รับวงเงินใช้จ่ายผ่านบัตร ต่อเดือน เพิ่มอีกจากเดิม 300 บาทเป็น 500 บาทต่อเดือน และจากเดิม 200 บาท เป็น 300 บาทต่อเดือน เพื่อใช้จ่ายในการซื้อสินค้าในร้านค้าธงฟ้าประชารัฐของกระทรวง พาณิชย์ ซึ่งปัจจุบันมีร้านค้าที่ติดตั้งเครื่องรับบัตร (EDC) แล้วประมาณ 38,000 แห่ง ทั่วประเทศ สามารถซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จาเป็นต่อการครองชีพในร้านค้าธงฟ้า ประชารัฐ ทำให้มีการใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและมีเงินหมุนเวียนในระบบ เศรษฐกิจแล้วกว่า 34,000 ล้านบาท ทั้งนี้รัฐบาลจะต้องส่งเสริมให้ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐได้นำสินค้าชุมชน สินค้า เกษตรแปรรูป สินค้าโอทอปในภูมิภาคต่างๆ มาจำหน่ายภายในร้าน เพื่อเชื่อมโยง และกระจายสินค้าชุมชนจากภูมิภาคหนึ่งไปจำหน่ายยังอีกภูมิภาคหนึ่งอย่างทั่วถึงอีกด้วย
จากนั้นในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง ธนาคารกรุงไทย ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ผู้ผลิตสินค้าชุมชน ร้านค้าธงฟ้าประชารัฐ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ที่ได้ร่วมมือกันทำงานอย่างหนัก เพื่อให้โครงการนี้บรรลุวัตถุประสงค์ตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล และตามแผนพัฒนาประเทศยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีความร่วมมือในการดำเนินการจัดโครงการฯ ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศชาติในโอกาสต่อไป และขออวยพรให้การจัดงาน “โครงการประชารัฐสวัสดิการกับการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก” และการเปิดตัว “Application ถุงเงินประชารัฐ” ในครั้งนี้ ให้ประสบผลสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายทุกประการ พร้อมกันนั้น นายกรัฐมนตรีได้เดินเยี่ยมชมร้านธงฟ้าประชารัฐต้นแบบที่มาจัดแสดงภายในงาน และชิมสินค้าต่าง ๆ พร้อมกล่าวอวยพรให้ผู้มาเปิดบูธทุกคนขายดีและให้พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องและทันสมัยเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างทั่วถึงต่อไป
.............................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th