วันนี้ (11 สิงหาคม 2561) พลโท สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พอใจความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรที่เป็นสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร โดยได้รับรายงานว่า
"คณะอนุกรรมการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้สินสามารถตกลงปรับโครงสร้างหนี้ใหม่และเข้าซื้อหนี้ของเกษตรกรจากสถาบันการเงินเจ้าหนี้ เช่น ธ.ก.ส. สหกรณ์การเกษตร และธนาคารพาณิชย์ทั่วไป รวมประมาณ 36,000 ราย มูลค่าหนี้ราว 6,000 ล้านบาท โดยจะลดยอดหนี้แต่ละรายลงร้อยละ 50 และหยุดดอกเบี้ย ระยะเวลาไม่เกิน 15 ปี ซึ่งถือได้ว่าเป็นผลสำเร็จมากที่สุด ตั้งแต่ตั้งกองทุนมา ในปี 2542"
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือเกษตรกร จึงได้ตั้งคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเฉพาะกิจ เมื่อเดือน พ.ค. 60 เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินและพัฒนาอาชีพให้กับเกษตรกร แทนคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูตาม พ.ร.บ.กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. 2542 ซึ่งประสบปัญหาไม่สามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยตั้งแต่ปี 2549 - 2557 แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรไปได้เพียง 29,000 รายเท่านั้น จากจำนวนสมาชิกเกษตรกรที่ลงทะเบียนหนี้สินไว้ราว 460,000 ราย
"นายกฯ เน้นย้ำว่า เมื่อเจรจาปรับโครงสร้างหนี้ได้แล้ว จะต้องส่งเสริมให้เกษตรกรลูกหนี้มีรายได้เพิ่มขึ้น เพื่อให้สามารถชำระหนี้ตามสัญญาใหม่ได้ โดยกำชับให้สำนักงานกองทุนฯ ไปหาแนวทางฟื้นฟูอาชีพร่วมกับธ.ก.ส. และกรมส่งเสริมการเกษตรต่อไป"
ทั้งนี้ กองทุนฯ จะร่างระเบียบการขึ้นทะเบียนเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูฯ ใหม่ และเปิดรับลงทะเบียน เกษตรกรเข้าสู่กระบวนการแก้ไขปัญหาหนี้สินเป็นระยะเวลา 60 วัน ตั้งแต่วันที่ 15 ส.ค.เป็นต้นไป จากปกติที่เปิดให้ขึ้นทะเบียนทุกปี ตั้งแต่เดือน ม.ค. - มิ.ย. ซึ่งในปีนี้ยังไม่ได้เปิดรับลงทะเบียน
นอกจากนี้ จะยกเลิกเพดานวงเงินช่วยเหลือที่กำหนดไว้รายละไม่เกิน 2.5 ล้านบาท เพราะเกษตรกรบางคนมีหนี้สินมากกว่า ซึ่งจะต้องพิจารณาเป็นราย ๆ ไป โดยหลังจากที่เกษตรกรขึ้นทะเบียนแล้วจะดำเนินการแยกประเภทหนี้ให้มีความชัดเจนโดยเร็ว
ที่มา: http://www.thaigov.go.th