วันนี้ (13) เวลา 17.30 น. ณ เวทีกลาง อาคารชาเลนเจอร์ 2 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เป็นประธานในพิธีเปิดงานศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกลด้วยพระบารมี ปี พ.ศ. 2561 ครั้งที่ 7 ภายใต้แนวคิด “การส่งเสริมงานศิลปาชีพ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทย ที่ทรงส่งเสริมอาชีพและช่วยเหลือราษฎรให้มีอาชีพเสริม เพิ่มรายได้อย่างกว้างขวาง ภายใต้โครงการส่งเสริมศิลปาชีพ และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์งานศิลปาชีพให้พสกนิกรชาวไทยได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมฝีมือภูมิปัญญาของคนไทย ก่อให้เกิดช่องทางการตลาดและสร้างรายได้ให้กับชุมชน ซึ่งการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก เพื่อเพิ่มรายได้และลดความเหลื่อมล้ำของประชาชนซึ่งมีส่วนสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจแต่ละภูมิภาค รัฐบาล โดยกรมพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดงานดังกล่าวขึ้นระหว่างวันที่ 11 – 19 สิงหาคม 2561 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1- 3 ศูนย์การแสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี โดยพิธีเปิดฯ มีผู้เข้าร่วมงาน ประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี อาทิ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ฯลฯ คณะทูตานุทูต ผู้บริหารกระทรวงมหาดไทย คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ผู้ว่าราชการจังหวัด พัฒนาการจังหวัด ผู้บริหารกรมพัฒนาชุมชน ตลอดจนประชาชนและสื่อมวลชน จำนวนกว่า 1,000 คน
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี และภริยา ได้ถวายความเคารพพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 พร้อมลงนามถวายพระพร และชมการแสดงชุด “สืบสานศิลปาชีพ เทิดไท้แม่แห่งแผ่นดิน” โดยคณะเพชรจรัสแสง
พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเปิดงานว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากของประเทศ โดยมุ่งเน้นการกระจายรายได้สู่ประชาชนในระดับฐานราก โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ตลอดจนประชาชนในกลุ่มต่าง ๆ ทั้งผู้มีรายได้ปานกลางและรายได้สูง เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างระบบเป็นห่วงโซ่ในการสร้างมูลค่า เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม ด้วยการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชนในพื้นที่ต่างๆ เพื่อการสร้างงาน สร้างอาชีพ และสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในชุมชน ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ OTOP ซึ่งเป็นการขยายผล และสนับสนุนโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และพัฒนายกระดับผลิตภัณฑ์ OTOP ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้มีคุณค่ามากขึ้น มีมูลค่าเพิ่ม และเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคและตลาดโลก ขณะที่การพัฒนาผู้ผลิต และผู้ประกอบการ ก็จะเป็นการยกระดับคุณภาพมาตรฐานผลิตภัณฑ์ระดับ 1 – 3 ดาว เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดให้กว้างและก้าวไกลสู่สากลมากยิ่งขึ้น ทั้งตลาดต่างประเทศและตลาดออนไลน์
สำหรับการจัดงาน ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ครั้งนี้ เป็นวาระสำคัญยิ่งที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมกันจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่ทรงมีพระราชปณิธานสืบสานงานตามโครงการตามพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของราษฎรให้ดีขึ้น โดยเฉพาะทรงให้การสนับสนุน ส่งเสริม ฟื้นฟู อนุรักษ์ อุปภัมภ์งานศิลปะของแผ่นดินไทย ทั้งงานศิลปะพื้นบ้าน และงานหัตถศิลป์อันงดงามหลากหลายสาขา อาทิ ผ้าไทยที่มีทั้งคุณค่าและความปราณีตงดงาม ได้แก่ งานผ้าไหม ผ้าทอ ผ้าปัก
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำว่า การดำเนินการทุกอย่างต้องมีการสืบสานต่อยอดต่อไป โดยเฉพาะปัจจุบันต้องนำความเป็นไทยและอัตลักษณ์ของท้องถิ่นผสมผสานประยุกต์กับความเป็นสากลให้เกิดความสวยงามที่สอดคลองลงตัวมีความเป็นเอกลักณ์เฉพาะตัวของตนเองให้เกิดความภาคภูมิใจร่วมกันเพื่อพัฒนาประเทศไปสู่อนาคต
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงความเป็นมาเกี่ยวกับการก่อเกิดเป็น “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ว่า เมื่อปี 2513 เกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ในจังหวัดนครพนม พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎร เพื่อพระราชทานสิ่งของ และเครื่องอุปโภคบริโภคบรรเทาความเดือดร้อน และพระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพระราชปรารภว่าการนำสิ่งของไปแจกเป็นเพียงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่จะทำอย่างไร จึงจะทำให้ชาวบ้านช่วยเหลือตนเองได้ในระยะยาว สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทอดพระเนตรเห็นชาวบ้านที่มารับเสด็จ แต่งกายนุ่งซิ่นไหมมัดหมี่ที่มีความสวยงาม จึงทรงให้การส่งเสริมการทอผ้าไหมมัดหมี่ไว้เป็นอาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้ครอบครัวของประชาชน และได้ใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการซื้อผ้าไหมมัดหมี่จากประชาชน จากนั้นจึงก่อเกิดเป็น “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” และทำให้งานจากภูมิปัญญาชาวบ้านที่มีเอกลักษณ์เฉพาะท้องถิ่น กลายเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางและยกระดับผลิตภัณฑ์ ผ้าไหมไทยจากชุมชนให้อยู่ในระดับแนวหน้าของประเทศ ซึ่งการก่อเกิด “มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” นับตั้งแต่ปี 2513 จนถึงปัจจุบันใช้เวลาหลายสิบปี และหากไม่มีวันนั้นก็ไม่มีวันนี้ จึงฝากให้ทุกคนได้ตระหนักและนึกถึงความเป็นมาและประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นทุกเรื่อง เพื่อจะได้เห็นที่มาซึ่งนำมาสู่ความสำเร็จที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้
ทั้งนี้ ปัจจุบันได้มีการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์ OTOP ศิลปาชีพให้มีตลาดที่หลากหลายและช่องทางการจำหน่ายที่กว้างขวางมากขึ้น ได้แก่ กรมการพัฒนาชุมชน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัท คิงพาวเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริษัท มอลล์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) รวมทั้ง ยังมีช่องทางการจำหน่ายผ่านแคตตาล็อกและเว็บไซต์ Thailand mall.com ด้วย
พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำถึงผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ประสบความสำเร็จว่า คือการนำผลิตภัณฑ์ OTOP ไปจำหน่ายบนเครื่องบินสายการบินไทย ทั้งผลิตภัณฑ์ OTOP ประเภทอาหารพร้อมเสิร์ฟ บนเครื่องบิน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่จำหน่ายของบริษัท คิงพาวเวอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่จำหน่ายผ่านแคตตาล็อกที่จัดวางไว้หน้าที่นั่งผู้โดยสาร ผลิตภัณฑ์ OTOP ที่จำหน่ายผ่านผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นช่องทางโดยตรงที่สามารถยกระดับผลิตภัณฑ์ไปสู่สากล ได้อย่างน่าภาคภูมิ ทั้งนี้ สิ่งสำคัญของการผลิตและพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP คือ ต้องดำเนินการให้ครอบคลุมทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง ไปจนถึงปลายทาง โดยเฉพาะศึกษาเรื่องการตลาดให้ชัดเจน เพื่อใช้การตลาดนำการผลิต ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด ทำให้ผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้าทางการเกษตรได้ราคาที่เหมาะสม ป้องกันราคาตกต่ำอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน ศิลปาชีพ ประทีปไทย OTOP ก้าวไกล ด้วยพระบารมี ครั้งที่ 7 นี้ ยังเป็นโอกาสดีที่ประชาชนไทยจะได้ร่วมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 86 พรรษา วันที่ 12 สิงหาคม 2561 “องค์อัคราภิรักษ์ศิลปิน” มิ่งขวัญของปวงชนชาวไทย และเลือกซื้อสินค้าชุมชนที่ดีที่สุด เป็นผลิตภัณฑ์จากชุมชนที่เป็นผลิตภัณฑ์ฝีมือคนไทย อันทรงคุณค่าด้วยภูมิปัญญาไทย อีกทั้งยังตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความมั่นคงอย่างยั่งยืน และเพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งสิ่งสำคัญคือจะทำอย่างไรที่จะเผยแพร่งานศิลปาชีพให้พสกนิกรชาวไทยและทั่วโลกได้รับรู้อย่างกว้างขวางว่าอะไรคือ OTOP อะไรคืองานศิลปาชีพ ตลอดจนการหาแนวทางที่จะรักษาบุคลากรที่มีคุณค่าและความสามารถในงานด้านศิลป์ต่าง ๆ ให้คงอยู่ตลอดไปและทำให้ประชาชนในห่วงโซ่ดังกล่าวมีรายได้ที่มากขึ้น รวมทั้งการดำเนินการทุกอย่างต้องคำนึงถึงการรักษาสิ่งแวดล้อม และใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดและคุ้มค่าที่สุด เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ OTOP ไปสู่การท่องเที่ยวในท้องถิ่น โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและเข้มแข็ง
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวขอบคุณคณะทูตานุทูตทุกประเทศ คณะกรรมการอำนวยการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หัวหน้าหน่วยงานราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ภาคเอกชน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันจัดงานครั้งนี้ให้มีความยิ่งใหญ่ รวมทั้งกระทรวงมหาดไทย กรมพัฒนาชุมชน ตลอดจนประชาชนทุกสาขาอาชีพที่ได้มาร่วมงานฯ และขอให้การจัดงานครั้งนี้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและภริยา ได้ทำพิธีเปิดงานด้วยการสแกนคิวอาร์โค้ด เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงการที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ OTOP และสินค้าของไทยขยายสู่สากล โดยมีคณะรัฐมนตรี และคณะผู้จัดงาน ร่วมทำพิธีเปิดงานฯ ด้วย
ต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีพร้อมภริยา และคณะ ได้เยี่ยมชมนิทรรศการจากหน่วยงานภาคี เช่น มูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยได้พูดคุยสอบถามกับผู้ผลิต และผู้ประกอบการที่นำสินค้ามาแสดและจัดจำหน่ายด้วยความสนใจ พร้อมให้กำลังใจกับผู้ประกอบการ OTOP ทั่วประเทศในการต่อยอดสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่เป็นอัตลักษณ์ของแต่ละท้องถิ่นให้ร่วมสมัย สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด สามารถขยายไปสู่สากลได้มากขึ้น
อีกทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวชื่นชมการนำน้ำยางมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เช่น ถุงมือยางเคลือบยางธรรมชาติ เพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างรายได้ในชุมชนแทนการขายน้ำยางดิบเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์ถุงมือเคลือบยางธรรมชาติได้มีการส่งออกไปจำหน่ายในต่างประเทศเดือนละ 2,000 คู่ อย่างต่อเนื่องทุกเดือน เช่น ที่ประเทศอิสราเอล เป็นต้น ขณะที่ในส่วนของผลิตภัณฑ์ผ้าขาวม้าท้องถิ่น นายกรัฐมนตรี แนะนำให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยการผสมผสานระหว่างความเป็นไทยกับความเป็นสากลเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัยสอดคล้องกับความต้องการของตลาดและผู้บริโภคอย่างแท้จริง
ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงาน ประกอบด้วย 1) โซนนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร รัชกาลที่ 10 และนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 2) การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์หัตถศิลป์ของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ 3) การจัดแสดงและจำหน่ายผลงานของศิลปิน OTOP จำนวน 100 ราย 4) การจัดแสดงและจำหน่ายเสน่ห์ผ้าไทย ซึ่งมีให้เลือกกว่า 1 แสนผืน เช่น ผ้าฝ้ายตามโครงการผ้าทออีสานสู่สากล ผ้าไหมตรานกยูงพระราชทาน ฯลฯ 5) การจัดแสดงและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชุมชนของหมู่บ้านข้างพระตำหนัก 4 ภูมิภาค 6) การจัดแสดงและจำหน่ายสินค้า OTOP Signature และผลิตภัณฑ์ OTOP รวมกว่า 2,000 บูธ เช่น OTOP Classic/ OTOP Premium/ OTOP ของที่ระลึก 76 จังหวัด และ Street Food ซึ่งครั้งนี้ให้ความสำคัญกับอาหารที่ปลอดภัยไร้ไขมันทรานส์ โดยมีสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่า “ผลิตภัณฑ์นี้ปลอดภัยไร้ไขมันทรานส์” โดยได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข ปิดประกาศและแสดงให้เห็นที่ผลิตภัณฑ์ชัดเจนด้วย นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ เช่น การเดินแฟชั่นโชว์ผ้าไทย การแสดงศิลปวัฒนธรรม การแสดงคอนเสิร์ต รวมทั้งกิจกรรมส่งเสริมการขาย อาทิ การมอบรางวัลแม่ลูกที่ซื้อสินค้า OTOP ในงานและถ่ายรูปกับคุณแม่ พร้อมโชว์สินค้าแล้วโพสต์ภาพลงใน Facebook ติด#OTOP บอกรักแม่แล้วนำไปโชว์ที่กองอำนวยการเพื่อรับรางวัล กิจกรรมสินค้านาทีทองทุกวัน ๆ ละ 2 รอบ การจับสลากมอบสร้างคอทองคำให้กับผู้โชคดีภายในงานทุกวัน และได้ลุ้นเพิ่มรางวัลใหญ่ในวันสุดท้าย สูงสุดถึง 100,000 บาท จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ ทองคำ ชุดเครื่องใช้ไฟฟ้า มือถือ IPHOEN และ IPAD รวมมูลค่าทั้งสิ้น 300,000 บาท
-------------------------
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th