รองนรม. พล.อ.ฉัตรชัย ฯ เป็นประธานเปิดการเสวนาพร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งขาติสู่ระดับพื้นที่

ข่าวทั่วไป Wednesday August 22, 2018 13:31 —สำนักโฆษก

รองนรม. พล.อ.ฉัตรชัยฯ เป็นประธานเปิดการเสวนาพร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งขาติสู่ระดับพื้นที่ครอบคลุมวัดเป้าหมาย ทั่วประเทศภายใน ปี 2562

วันนี้ (22 สิงหาคม 2561) เวลา 09.00 น. พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เดินทางไปจังหวัดขอนแก่นในโอกาสเป็นประธาน เปิดการเสวนา และมอบนโยบายการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขถภาพพระสงฆ์แห่งชาติสู่ระดับพื้นที่ ณ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย(มจร.) วิทยาเขตขอนแก่น โดยมี นพ.พลเดช ปิ่นประทีป เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ กล่าวต้อนรับ

โอกาสนี้ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ ได้กล่าวรายงานถึงวัตถุประสงค์การจัดงานว่า นับแต่ปีพ.ศ.2555 เมื่อสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ได้มีฉันทมติต่อประเด็นพระสงฆ์กับการพัฒนาสุขภาวะ เกิดจากการร่วมคิดร่วมพัฒนาประเด็นนโยบายสาธารณะของหน่วยงาน องค์กร และภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง นำมาสู่การพัฒนาแนวทาง การขับเคลื่อน และการใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการสร้างเสริมสุขภาวะที่ดีทั้งต่อพระสงฆ์ และเป็นการสร้างความมั่นคงต่อพระพุทธศาสนา อันกล่าวได้ว่าเป็นศาสนาหลักของประเทศไทย เป็นเครื่องมือที่สำคัญต่อการพัฒนาภาพพึงประสงค์ของสุขภาวะพระสงฆ์ที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง คือ ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ.2560 ที่ได้มีการเห็นชอบโดยคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคมที่มีพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณเป็นประธาน และผ่านมติการประชุมคณะกรรมการมหาเถรสมาคม เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2561 รวมถึงได้มีการประกาศใช้ธรรมนูญฯในงานสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 10 เมื่อเดือนธันวาคม 2561 ด้วยหลักการสำคัญ คือ “ใช้ทางธรรม นำทางโลก” โดยมีคณะสงฆ์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาและขับเคลื่อนธรรมนูญเพื่อสุขภาพของพระสงฆ์เอง โดยพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณได้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ และได้เริ่มการดำเนินงานจัดทำแผนการขับเคลื่อนแล้ว

ทั้งนี้ คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติได้ให้ความสำคัญต่อการติดตามขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์อย่างต่อเนื่อง โดยได้กำหนดเป้าหมายและแผนการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติสู่ระดับพื้นที่ให้เกิดรูปธรรมความสำเร็จในช่วงเวลาปี 2561-2562 โดยให้บูรณาการกิจกรรมโครงการ 1 วัด 1 โรงพยาบาล /1 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) กับ โครงการพลัง บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) รวมถึงกิจกรรมการดำเนินงานที่สำคัญ เช่น การอบรมพระคิลานุปัฎฐาก การจัดทำฐานข้อมูลพระสงฆ์ การตรวจคัดกรองสุขภาพพระสงฆ์ ซึ่งมีหน่วยงาน องค์กร ภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาสได้ตกลงร่วมกันที่จะเป็นภาคียุทธศาสตร์ดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว อันจะนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายตามธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ร่วมกันทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

โอกาสนี้รองนายกรัฐมนตรี เปิดการเสวนาฯ และมอบนโยบายความตอนหนึ่ง ได้กล่าวว่าเวทีเปิดตัวการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติสู่พื้นที่ เริ่มต้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นภาคแรกในวันนี้มีจุดเริ่มต้นจากความร่วมมือของหน่วยงานทุกภาคส่วน ได้แก่ ภาครัฐ ภาควิชาการ และภาคประชาสังคม ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ใหม่ ในการสร้างสุขภาวะร่วมกันของคนในชุมชนและสังคมโดยรวม ที่เริ่มต้นจากมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง “พระสงฆ์กับการพัฒนา” สุขภาวะจากการเสนอประเด็นโดยเครือข่ายพระสงฆ์นักพัฒนาสี่ภาค ขับเคลื่อนมาสู่ “ธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติ พ.ศ.2560” ซึ่งเป็นเครื่องมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาส นำมาใช้เป็นกรอบในการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาสุขภาพพระสงฆ์ร่วมกัน ผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็นอย่างรอบด้าน สิ่งสำคัญอยู่ที่การได้รับความกรุณาเป็นอย่างดีจากองค์กรปกครองคณะสงฆ์ คือ มหาเถรสมาคม ที่ได้บรรจุธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ให้เป็นส่วนหนึ่งในแผนการปฏิรูปกิจการพระพุทธศาสนา ในด้านสาธารณสงเคราะห์ อันมีพระเดชพระคุณพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธาน ส่งผลให้พระสงฆ์ได้เข้ามามีบทบาทในการจัดการ พัฒนา และร่วมดำเนินงานใน 3 เรื่อง คือ 1) พระสงฆ์กับการดูแลสุขภาพตนเอง 2) บทบาทพระสงฆ์ในการสร้างเสริมสุขภาวะของชุมชน รวมถึง 3) การที่ชุมชนและสังคมจะอุปัฎฐากดูแลสุขภาพพระสงฆ์อย่างถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย และตามหลักการสำคัญของการจัดทำธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ คือ “ธรรมนำโลก”เป้าหมายให้เกิดการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์แห่งชาติสู่การปฏิบัติการจริงในพื้นที่

รองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวย้ำในตอนท้ายอีกว่า เพื่อให้บรรลุภาพพึงประสงค์ “พระแข็งแรง วัดมั่นคง ชุมชนเป็นสุข”เป็นเรื่องที่ท้าทาย และยังต้องอาศัยสรรพกำลังจากทุกภาคส่วนในการทำงานนี้ร่วมกันอย่างเป็นรูปธรรมของมีการเชื่อมโยงระหว่างคณะสงฆ์ ชุมชน และหน่วยงานราชการในพื้นที่เป็นการบูรณาการทรัพยากร และเครื่องมือที่แต่ละหน่วยงานได้มีการดำเนินงานแล้วให้เกิดผลสำเร็จตามเป้าหมาย โดยภายในปี 2562 ครอบคลุมวัดเป้าหมายทั่วประเทศ หน่วยงานทั้งระดับนโยบายและระดับพื้นที่ ของทั้งฝ่ายสงฆ์และฆราวาสได้เข้าใจรูปแบบการทำงานและยึดถือเป้าหมายงานร่วมกัน ซึ่งจะส่งผลดีในการเชื่อมประสานระบบสุขภาพชุมชนจากบริบทพื้นที่และวัฒนธรรมต่อไป

.................................................................................

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ