วันนี้ (21 พฤษภาคม 2561) เวลา 14.00 น. ณ อาคารคณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง วิทยาเขตชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ตำบลชุมโค อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย (ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง) และกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (ระนอง พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล) เพื่อการรับฟังปัญหาและดูแลประชาชนในพื้นที่ พร้อมรับฟังข้อเสนอของภาคเอกชนซึ่งร้อยละ 80 ของโครงการที่นำเสนออยู่ในแผนแม่บทของกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ การพิจารณาและพัฒนาพื้นที่ เน้นการเร่งรัดโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (Southern Economic Corridor) หรือ SEC ซึ่งเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจในทุกด้าน เพื่อให้เกิดรายได้จากความเชื่อมโยงโครงข่ายคมนาคมและการท่องเที่ยว เน้นการพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์ชาติ การจัดระเบียบต่าง ๆ โดยยึดความปลอดภัย ความสะอาด และปลอดโปร่ง มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาขยะพลาสติกเพื่อพัฒนาเป็น “ไทยแลนด์ ริเวียร่า” ซึ่งการพัฒนาดังกล่าวเพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ในการเป็นเมืองท่องเที่ยว มุ่งส่งเสริมการพัฒนาใน 5 ด้านหลัก ได้แก่ 1) การเพิ่มศักยภาพการแข่งขันภาคเกษตร 2) การส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน 3) การเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมและศูนย์โลจิสติกส์ 4) การพัฒนาสังคมปลอดภัย คุณภาพชีวิตที่ดีและมีศักยภาพในการแข่งขัน 5) การสร้างฐานทรัพยากรธรรมชาติที่มั่นคงและมีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม อีกทั้งสิทธิประโยชน์และการพิจารณาจัดสัดส่วนในการลงทุนต่าง ๆ อยู่ในกรอบของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในพื้นที่มากขึ้น
ทั้งนี้ ในส่วนของการจัดสรรงบประมาณยังคงเป็นไปตามแผนงานและกรอบการใช้จ่ายที่เน้นความคุ้มค่าและบูรณาการ หากมีงบประมาณเพียงพอก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากยังไม่สอดคล้องกับแผนก็ต้องมีการหารือและพิจารณาร่วมกันอีกครั้ง โดยรัฐบาลดำเนินการทุกอย่างด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับเป็นสิ่งสำคัญ และในส่วนของมาตรการการดูแลช่วยเหลือเกษตรกรนั้น รัฐบาลให้ความสำคัญกับผลผลิตทางการเกษตรทุกประเภท ได้แก่ ข้าว ยางพารา ปาล์ม อ้อย ข้าวโพด มันสำปะหลัง โดยรัฐบาลมีแนวทางการดูแลแก้ไขปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร จัดให้มีคณะกรรมการตรวจสอบ Big Data วิเคราะห์ข้อมูลการเกษตรทั้งในเชิ่งพื้นที่และปริมาณ รวมทั้งการหามาตรการในการดำเนินการแก้ไข เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการรองรับกฎกติกา และมาตรฐานของนานาชาติด้วย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีแสดงความชื่นชมที่คนไทยส่วนใหญ่มีความตระหนักรู้ และเข้าใจในการดำเนินงานตามโครงการประชารัฐ โครงการไทยนิยมยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งโครงการดังกล่าวมีความก้าวหน้าต่อเนื่องมาตามลำดับ
........................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th