รองนรม. วิษณุฯ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อสร้าง ธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ ร่วมมือกันเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน

ข่าวทั่วไป Thursday August 30, 2018 14:08 —สำนักโฆษก

รองนรม. วิษณุฯ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อสร้าง ธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ เพื่อรณรงค์ให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติราชการอย่างถูกต้องโปร่งใส ร่วมมือทุกภาคส่วนป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชันให้หมดไป

วันนี้ (30 ส.ค.61) เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ 4 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อรณรงค์ให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ ปฏิบัติราชการอย่างถูกต้องโปร่งใส เสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐ และร่วมมือกันเพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริต คอร์รัปชัน ควบคุมการจัดทำบริการสาธารณะ การใช้จ่ายเงินงบประมาณมีประสิทธิภาพ สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ด้านการส่งเสริมการบริหารราชการแผ่นดินที่มีธรรมาภิบาล และการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติชอบในภาครัฐ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ประชาชนเข้มแข็ง ภาครัฐโปร่งใส ร่วมพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน” โดยมี นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนเข้าร่วมงานและร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯ ครั้งนี้ด้วย

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงวัตถุประสงค์พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ว่า เพื่อรณรงค์ให้หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่มีความตื่นตัวในการปฏิบัติราชการอย่างถูกต้องโปร่งใสเสริมสร้างกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตรวจสอบการดำเนินการของรัฐ รวมทั้งการสร้างความร่วมมือเพื่อแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้หมดไปจากสังคมไทยตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่บัญญัติให้รัฐพัฒนาระบบบริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี การจัดทำบริการสาธารณะ การใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน รวมถึงให้ความคุ้มครองสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนในการรับทราบและเข้าถึงข้อมูลข่าวสารของราชการที่อยู่ในการคุ้มครอง ครอบครองของหน่วยงานของรัฐ อีกทั้งยังเป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการส่งเสริมและป้องกันการปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐ โดยใช้มาตรฐานทางกฎหมายสร้างจิตสำนึก ศักดิ์ศรีความเป็นข้าราชการและความซื่อสัตย์สุจริตควบคู่กับการบริหารจัดการภาครัฐที่มีประสิทธิภาพโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการดำเนินการต่าง ๆ สำหรับรูปรูปแบบการดำเนินการตามบันทึกข้อตกลงดังกล่าวคือการบูรณาการความร่วมมือในการเสริมสร้างความเข้มแข็งแก่เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนให้มีส่วนร่วมในการสอดส่องดูแลรักษาประโยชน์แห่งรัฐเพื่อร่วมพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน

โอกาสนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ประชาชนเข้มแข็ง ภาครัฐโปร่งใส ร่วมพัฒนาประเทศไทยอย่างยั่งยืน” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า พิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การเสริมสร้างเครือข่ายเพื่อสร้างธรรมาภิบาลในหน่วยงานภาครัฐ ทั้ง 4 หน่วยงานดังกล่าว จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องของการรณรงค์สร้างความเข้มแข็งให้แก่ประชาชน สร้างความโปร่งใสให้แก่ภาครัฐ และสร้างการพัฒนาประเทศให้สามารถดำเนินไปได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงการทำงานภาครัฐหรือระบบบริหารราชการแผ่นดินว่า เป็นระบบที่มีขนาดใหญ่ และมีคนเข้ามาอยู่ในระบบนี้จำนวนมาก เรียกว่าบุคลากรภาครัฐ ปัจจุบันจำนวนบุคลากรภาครัฐที่อยู่ตามหน่วยงานและส่วนราชการต่าง ๆ มีจำนวนประมาณ 3,500,000 คน ทั้งนี้ ในระบบบริหารงานภาครัฐนอกจากจะมีทรัพยากรบุคคลแล้ว ยังต้องมีงบประมาณ ซึ่งได้มาจากภาษีอากร รายได้ต่าง ๆ ของรัฐเพื่อนำมาใช้พัฒนาและสร้างสรรค์ความเจริญของประเทศ รวมทั้งต้องมีอำนาจ ในการบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะอำนาจที่มาจากกฎหมาย เพื่อให้การดำเนินการต่าง ๆ และการขับเคลื่อนประเทศสามารถเดินหน้าไปได้ โดยเมื่อรัฐบาลปัจจุบันเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ได้มีการปรับปรุงแก้ไขและออกกฎหมายต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องให้เป็นปัจจุบันและทันกับการพัฒนาของเทคโนโลยีและสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยย้ำว่าเรื่องของคน เงินหรืองบประมาณ และอำนาจ ถือเป็นหัวใจสำคัญของระบบการบริหารงานของรัฐ อย่างไรก็ตามเมื่อสิ่งที่มีอยู่ดังกล่าวยังดีไม่เพียงพอจึงต้องมีการเปลี่ยนแปลงหรือการปฏิรูปในด้านต่าง ๆ เกิดขึ้น ซึ่งการปฏิรูปที่สำคัญที่สุดคือ “การปฏิรูประบบราชการ” โดยเฉพาะการแก้ไขให้ทรัพยากรบุคคลและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอยู่มีประสิทธิภาพในการทำงาน รวมไปถึงต้องมีการปฏิรูปในเรื่องของวิธีการ งบประมาณให้สามารถใช้จ่ายเงินได้ตามเป้าหมายที่กำหนด หรือสามารถใช้งบประมาณน้อยแต่มีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด และมีความโปร่งใส ขณะเดียวกันต้องมีการปฏิรูปกฎหมาย อำนาจ พฤติกรรม และทัศนคติของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายไปพร้อมกันด้วย

พร้อมกันนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงเรื่องที่ต้องปฏิรูปสำหรับระบบราชการว่า เรื่องที่ใหญ่ที่สุดคือ “ระบบธรรมาภิบาล” หรือ “หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี” เพราะธรรมาภิบาลเป็นหัวใจที่สำคัญของระบบราชการหรือการทำงานของรัฐ เช่น การดำเนินการใด ๆ ก็ตามจะให้ต้องถูกต้องตามกฎหมาย มีความโปร่งใส มีทั้งความรับผิดและรับชอบ เปิดโอกาสให้ผู้อื่นได้มีส่วนร่วมคิดร่วมทำ ตลอดจนต้องมีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ สุจริต มีความคุ้มทุน คุ้มค่าและประหยัดทั้งเงินงบประมาณแผ่นดินและประหยัดเงินรายจ่ายของประชาชน โดยประโยชน์สำคัญยิ่งที่จะได้จากการมีธรรมาภิบาลคือ 1) เป็นการลดการทุจริตคอร์รัปชัน และ 2) เป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการติดต่อกับทางราชการ และทางราชการจะให้บริการประชาชน ซึ่งหากทั้งสองเรื่องดังกล่าวดีก็จะหมายความว่า “บ้านเมืองมีธรรมาภิบาล” โดยเฉพาะสามารถทำให้การทุจริตคอร์รัปชันลดน้อยลง และประชาชนได้รับความสะดวกสบาย และพึงพอใจต่อการรับบริการจากหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งถือว่าการปฏิรูประบบราชการได้ผล

ทั้งนี้ การปฏิรูประบบราชการไม่ใช่มีความหมายว่า เป็นการขึ้นเงินเดือนให้เจ้าหน้าที่ หรือควรจะเกษียณอายุราชการเกินกว่า 60 ปี การตั้งกระทรวงใหม่ หรือแบ่งแยกกิจการงานของรัฐออกเป็นกรม กองต่าง ๆ หรือขยายงานออกไปในภูมิภาค สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงภาพที่เห็นเบื้องต้นของการปฏิรูประบบราชการเท่านั้น แต่สิ่งสำคัญที่ลึกลงไปของดำเนินการดังกล่าวคือเพื่อที่จะนำไปสู่การลดการทุจริต เช่น การปรับขึ้นเงินเดือนเจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีรายได้ที่เพียงพอสำหรับเลี้ยงดูตนเองและครอบครัว ป้องกันไม่ให้เกิดการทุจริตและรีดไถประชาชน รวมไปถึงกรณีที่มีการแบ่งงานหรือตั้งหน่วยงานออกไปในภูมิภาคก็เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ป้องกันไม่ให้ประชาชนมาจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อซื้อความสะดวกต่าง ๆ เป็นต้น

รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำถึงเรื่องธรรมาภิบาลว่า ปัจจุบันได้มีการรณรงค์เรื่องธรรมาภิบาลหลายรูปแบบ เพื่อลดการทุจริต และทำให้ประชาชนมีความพึงพอใจในงานบริการภาครัฐ ขณะเดียวกันได้มีการตั้งกรรมการธรรมาภิบาลจังหวัดขึ้นทุกจังหวัด โดยมีหน้าที่ตรวจสอบดูแลไม่ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น และเป็นที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดในการทำงานตามโครงการต่าง ๆ ในจังหวัดนั้น ๆ รวมทั้งรัฐบาลได้กำหนดนโยบายให้ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และผู้ตรวจราชการกระทรวงต่าง ๆ นอกจากต้องตรวจติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานหรือโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายรัฐบาลแล้ว ต้องมีการตรวจติดตามเกี่ยวกับเรื่องการทำงานว่ามีการใช้ธรรมาภิบาลในการทำงานมากน้อยเพียงใด ก่อนสรุปรายงานให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ โดยในส่วนของผู้ตรวจสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มีการสรุปรายงานเรื่องสถานการณ์ธรรมาภิบาลแต่ละจังหวัดเสนอนายกรัฐมนตรีรับทราบเป็นประจำทุกเดือน นอกจากนี้รัฐบาลได้มีการตั้งศูนย์ดำรงธรรมขึ้นทุกจังหวัด เพื่อรับเรื่องราวร้องทุกข์ต่าง ๆ จากประชาชนเพื่อบรรเทาและแก้ไขปัญหาเบื้องต้นในระดับพื้นที่แทนการเดินทางเข้ามายื่นเรื่องในส่วนกลาง ซึ่งสามารถประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง แต่หากเรื่องที่ร้องทุกข์มาไม่สามารถแก้ไขในระดับพื้นที่ได้ก็มีการส่งเรื่องเข้ามาในหน่วยงานส่วนกลาง หรือเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป

อีกทั้ง รองนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวว่า การแสวงหาเครือข่ายความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อสร้างธรรมาภิบาล โดยเฉพาะความร่วมมือจากภาคประชารัฐให้เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาการทุจริตได้ถูกบรรจุไว้ในยุทธศาสตร์ชาติ และยุทธศาสตร์ของหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และแผนปฏิรูปประเทศ พร้อมกล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ ดังกล่าว และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ที่จะได้ร่วมมือกันพัฒนาและแก้ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันให้ลดน้อยลงหรือหมดไปจากประเทศในที่สุด

------------------------

กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก

ที่มา: http://www.thaigov.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ