วันนี้ (6 กันยายน 2561) เวลา 13.30 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและเร่งรัดการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล (กขร.) ครั้งที่ 5/2561 ซึ่งสรุปสาระสำคัญดังนี้
ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบธนาคารต้นไม้ ซึ่งมีความคืบหน้าในการดำเนินงาน โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (องค์การมหาชน) ได้เสนอแนวทางการขับเคลื่อนโครงการธนาคารต้นไม้ โดยร่วมกันบูรณาการการดำเนินงานตามภารกิจหลักของหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนธนาคารต้นไม้ให้บรรลุเป้าหมาย ได้แก่ เกิดธนาคารต้นไม้ 20,000 ชุมชนใน 10 ปี มีผลต่อประชาชน 2,600,000 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 400 ต้น รวมจำนวน 1,040,000,000 ต้น (หนึ่งพันสี่สิบล้านต้น) จะได้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น 26,000,000 ไร่ (ยี่สิบหกล้านไร่) ซึ่งจะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 10,400,000,000 บาท/ปี (หนึ่งหมื่นสี่ร้อยล้านบาท/ปี) ส่งผลให้ประชาชนกับป่าอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน พร้อมนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณาภายใน 2-3 สัปดาห์
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบแนวทางการปฏิรูปทนายความอาสาฯ โดยให้มีการกำหนดคุณสมบัติขั้นต่ำของทนายความอาสาโดยต้องเป็นทนายไม่น้อยกว่า 2 ปี ทบทวนหลักสูตรให้เป็นมาตรฐานกลาง ซึ่งที่ประชุมมอบหมายให้สภาทนายความฯ ศึกษาและพัฒนาการประเมินคุณภาพเพื่อให้เกิดการปฏิรูปคุณภาพอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งนี้ โครงการฯ จะเป็นการอำนวยความสะดวกและอำนวยความยุติธรรมแก่ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน โดยจะมีทนายความประจำสถานีตำรวจที่มีคดีความจำนวนกว่า 1,000 คดีขึ้นไป ร่วม 150 สถานีตำรวจทั่วประเทศ
ตลอดจน ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ซึ่งจัดทำข้อเสนอเพื่อแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการของบริษัทมหาชนทั้งที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ให้มีความทันสมัย เพื่อช่วยเหลือให้การดำเนินกิจการของบริษัทมหาชนฯ เป็นไปโดยสะดวกมีต้นทุนในการดำเนินการลดลง และสามารถแข่งขันกับองค์กรธุรกิจในต่างประเทศได้อย่างเป็นมาตรฐานระดับสากล
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบโซล่าร์เสรีภาคประชาชน โดยกระทรวงพลังงาน รวมทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้ร่วมกันดำเนินการจัดทำนโยบายโครงการโซล่าร์เสรีภาคประชาชนเพื่อเป็นการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศไทย มีจำนวนมากนำมาใช้ทดแทนพลังงานอื่น ๆ ที่มีค่าใช้จ่ายสูง เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้โครงการโซล่าร์เสรีภาคประชาชนเป็น “หลังคาทองคำ” เพื่อเพิ่มมูลค่าและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน พร้อมประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าพลังงานเดิม ๆ ที่เคยใช้อยู่ภายในครัวเรือนอีกด้วย
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นชอบการแก้ไขปัญหาหมอกควันด้วย โครงการแม่แจ่มโมเดลพลัส โดยมีการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบด้วยการจัดการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมของชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม พร้อมมีการจัดตั้งวิสาหกิจชุมชนสร้างป่า สร้างรายได้โดยเลือกไผ่ เป็นพืชที่จะนำมาปลูกเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าและส่งผลให้ประชาชนมีรายได้อย่างยั่งยืน ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคประชาชนตามแนวทางประชารัฐที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติให้คนกับป่าอยู่ร่วมกันอย่างมีคุณค่าและเกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจชุมชนอย่างแท้จริง
................................................................
กลุ่มประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ สำนักโฆษก
ที่มา: http://www.thaigov.go.th