พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะรัฐมนตรีมีกำหนดการเดินทางไปตรวจราชการกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 (บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี) และจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 (พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก สุโขทัย และอุตรดิตถ์) โดยศักยภาพและโอกาสในการพัฒนาของทั้ง 2 กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วย จุดที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ สามารถเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ทั้ง 2 กลุ่มจังหวัดยังเป็นพื้นที่ที่เหมาะสมกับการทำการเกษตร โดยกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรที่สำคัญ คือ ข้าว อ้อย มันสำปะหลัง และยางพารา ขณะที่กลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 มีพื้นที่เหมาะสมกับการทำนา ปลูกพืชไร่และไม้ผล พืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้แก่ ข้าว อ้อย ข้าวโพดเลี้ยง สัตว์ และพืชผัก
สำหรับการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ ให้ความสำคัญกับประเด็นการพัฒนาร่วมของทั้ง 2 กลุ่มจังหวัด ได้แก่ 1. การอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นฐานการท่องเที่ยวหลักของกลุ่มจังหวัด 2. การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงพื้นที่ภายในกลุ่มจังหวัด และพื้นที่ภาคเหนือเพื่อรองรับและเชื่อมโยงการค้าการท่องเที่ยว 3. ส่งเสริมการท่องเที่ยวธรรมชาติและการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน 4. พัฒนาพืชเศรษฐกิจหลักของกลุ่มจังหวัดเป็นสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐาน ได้แก่ ข้าว ผักผลไม้ พืชไร่ ไม้ ดอกไม้ประดับ และ 5. พัฒนาและแก้ไขปัญหาสำคัญด้านสังคมและความมั่นคงของกลุ่มจังหวัด เช่น ยาเสพติด และแรงงานผิด กฎหมาย เป็นต้น โดยมีรายละเอียดของงาน ดังต่อไปนี้
วันจันทร์ที่ 17 กันยายน 2561 เวลา 07.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานเลย จากนั้น เดินทางไปพบประชาชน ณ หอประชุมทองวิไล มหาวิทยาลัยราชภัฏเลย โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานในพิธีเปิดถนน 4 เลน หมายเลข 201 ตอน เลย - เชียงคาน เพื่อลดความแออัดและรองรับปริมาณการจราจรและการเดินทางของประชาชนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการขนส่ง โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพและมาตรฐานการใช้ท่าอากาศยานเลย เพื่อเตรียมการเป็นศูนย์กลางทางการบิน พร้อมทั้งจะเป็นสักขีพยานในการมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชน ให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด (บึงกาฬ เลย หนองคาย หนองบัวลำภู และอุดรธานี) เพื่อแก้ปัญหาไร้ที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน และรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติรวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการจัดการท่องเที่ยวชุมชนตามแนวทางประชารัฐของอำเภอเชียงคาน ณ ถนนคนเดิน วิถีเชียงคาน อำเภอเชียงคาน ซึ่งเป็นเมืองที่มีความเงียบสงบและภูมิทัศน์สวยงาม รวมทั้งมีเอกลักษณะเฉพาะถิ่น ทั้งในด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม ย่านอาคารไม้เก่า ประเพณีวัฒนธรรมและภูมิปัญญา รวมถึงวิถีชีวิตที่เรียบง่ายและมีน้ำใจ ทั้งนี้ การบริหารจัดการท่องเที่ยวของที่นี่ ดำเนินการโดยองค์กรชุมชนและกลไกประชารัฐที่เข้มแข็ง แสดงให้ถึงความร่วมมือร่วมใจของคนในท้องถิ่นที่ร่วมกันอนุรักษ์วัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ซึ่งสามารถผสมผสานกับความเป็นสมัยใหม่
ช่วงบ่าย ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ นายกรัฐมนตรีเยี่ยมชมการปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจและการประเมินมูลค่าไม้มีค่า เช่น ต้นสักทอง ต้นมะฮอกกานี ต้นประดู่ ต้นมะขาม ฯลฯ ณ สวนป่าเกษตรห้วยแสนคำ ตำบลบ้านหวาย อำเภอหล่มสัก ซึ่งเป็นตัวอย่างของการพัฒนาอาชีพและรายได้ของประชาชน โดยภาครัฐส่งเสริมให้ประชาชนปลูกไม้เศรษฐกิจ ไม้มีค่าตามชนิดและรูปแบบที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลผลิตไม้ให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ภายในประเทศ และเพิ่มจำนวนพื้นที่ป่าของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าเศรษฐกิจ รวมทั้งเป็นการสร้างสมดุลธรรมชาติ จากนั้น ณ โรงแรมอิมพิเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท ต.แคมป์สน อำเภอเขาค้อ นายกรัฐมนตรีจะเยี่ยมชมสินค้าเกษตรปลอดภัยภายใต้แบรนด์ “กรีนมาร์เก็ตเพชรบูรณ์” ซึ่งเป็นแบรนด์และแหล่งจำหน่ายสินค้าเกษตรปลอดภัย มีการบริหารงานในรูปแบบคณะกรรมการ ประกอบด้วยภาครัฐ เอกชน ภาคประชาชน ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมให้เกษตรรวมกลุ่มจัดตั้งเป็นสหกรณ์ และการขับเคลื่อนโดยการตลาด โดยประสานงานกับตลาดและจัดหาตลาดผักปลอดภัยจากสารพิษ (GAP) หรือผักอินทรีย์(ORGANIC) ให้กับสหกรณ์ที่เป็นสมาชิก รวมทั้งการพัฒนาปัจจัยการผลิตและลดต้นทุนการผลิต การตรวจสอบความปลอดภัยของสินค้า การสนับสนุนด้าน วิชาการ สินเชื่อเงินทุนหมุนเวียน การรับรองมาตรฐานการผลิต การประชาสัมพันธ์ รวมถึงการขนส่งและบริหารจัดการสินค้า (Logistics) โดยการสนับสนุนของภาคเอกชน หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรีพบผู้แทนเครือข่ายชุมชนเขาค้อ เพื่อหารือแนวทางการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
วันอังคารที่ 18 กันยายน 2561 เวลา 08.00 น. ณ โรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลา ตำบลสะเดียง อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ นายกรัฐมนตรีเป็นประธานเปิดอาคารศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง เทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ และเยี่ยมชมการดำเนินงานของคลินิกหมอครอบครัว ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบการดูแลสุขภาพ – คลินิคหมอครอบครัว ภายใต้การจัดบริการของคลินิกหมอครอบครัว โดยใช้หลักการเวชศาสตร์ครอบครัว ดูแลบริการสุขภาพทั้งในสถานบริการสุขภาพและรุกเข้าไปในชุมชนหรือ สถานที่ทำงานของประชาชนอย่างเหมาะสมช่วยลดความแออัดในการไปใช้บริการที่โรงพยาบาล ลดระยะเวลาการรอคอยที่โรงพยาบาลใหญ่ และลดค่าใช้จ่ายของประชาชน การดำเนินการคลินิกหมอครอบครัวที่นี่ สามารถดูแลประชาชนในเขตเทศบาลเมืองเพชรบูรณ์ ครอบคลุมทุกมิติทั้งการรักษาพยาบาล การส่งเสริมสุขภาพ การควบคุม ป้องกันโรคและการฟื้นฟูสภาพ ทั้งในระดับหน่วยบริการไปจนถึงบ้านของประชาชน
จากนั้น ณ ห้องประชุม LC2 ชั้น 4 อาคารศูนย์ปฏิบัติการภาษาและคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ นายกรัฐมนตรีจะเป็นประธานการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคเหนือตอนล่าง 1 และกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ก่อนเป็นประธานประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 7/2561
ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการพบประชาชนจังหวัดเพชรบูรณ์ ณ หอประชุมประกายเพชร มหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบูรณ์ พร้อมทั้ง เป็นสักขีพยานในการมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง 1 และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 และมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประธานป่าชุมชน 5 จังหวัด (ตาก สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์) รวมทั้งมอบหนังสือคู่มือการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลให้ราษฎร 434 ราย เพื่อแก้ปัญหาไร้ที่ทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน และรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติรวมถึงการสร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์กับการใช้ประโยชน์อย่างยั่งยืน เสร็จแล้ว นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร
ที่มา: http://www.thaigov.go.th