พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายและเปิดปฏิบัติการ "รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ภูมิพล เฉลิมฉลอง 80 พรรษา" จัดโดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายและเปิดปฏิบัติการ “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ภูมิพล เฉลิมฉลอง 80 พรรษา” ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศอ.ปส. คณะอนุกรรมการภายใต้คำสั่ง ศอ.ปส. หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 400 คน จัดโดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.)
พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในนามผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กล่าวรายงานโดยสรุปว่า นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายการดำเนินงานด้านยาเสพติด ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัด และส่วนราชการต่าง ๆ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2549 ที่ผ่านมา ศอ.ปส. ได้มีการจัดทำปฏิบัติการ “รวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน” ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2549 — 30 กันยายน 2550 ที่มีแนวความคิดในการดำเนินงาน คือ “แก้ปัญหาที่เหลือ สถาปนาความมั่นคง และสร้างความยั่งยืน” มุ่งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างตรงเป้าหมายและมีคุณภาพ โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งได้มีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานเป็นการเฉพาะ ได้แก่ การจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการ การติดตามช่วยเหลือ ดูแลผู้เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นต้น ตลอดจนจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้น เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของทุกหน่วยงานพบว่าส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งเป็นผลมาจากการผนึกกำลังของทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานด้านต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะบรรลุผลสำเร็จได้ตามเป้าหมาย แต่เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การแก้ไขปัญหาจะต้องกระทำอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบางพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ตามแนวชายแดน พบว่ายังคงปรากฏแนวโน้มของปัญหายาเสพติดเพิ่มสูงขึ้น จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขให้ได้ผลอย่างทันท่วงที เพื่อมิให้ปัญหายาเสพติดหวนกลับคืนมาอีก
ทั้งนี้ ศอ.ปส. ได้กำหนดปฏิบัติการ “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ภูมิพล เฉลิมฉลอง 80 พรรษา” ระยะเวลา 1 ตุลาคม 2550 — 31 มีนาคม 2551 มีแนวคิดในการดำเนินงานคือ “แก้ปัญหาที่คงเหลือ สถาปนาความมั่นคงและสร้างความยั่งยืน” ในการมุ่งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างตรงเป้าหมายและมีคุณภาพ เพิ่มความสมดุลของการแก้ไขปัญหา และเน้นขยายการดำเนินงาน เชื่อมต่อกับการแก้ไขปัญหาพื้นฐาน โดยมุ่งแก้ไขปัญหาในกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่เฉพาะ ที่มีปัญหายาเสพติดอยู่ในเกณฑ์สูงเป็นพิเศษที่จะต้องเร่งรัดลดระดับปัญหาให้เหลือน้อยที่สุด ได้แก่ กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มนักค้ายาเสพติดระดับสำคัญ กลุ่มผู้ที่เคยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ตามแนวชายแดน และพื้นที่เมืองสำคัญ นอกจากนั้นจะได้มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพลังประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความมั่นคงและเอาชนะยาเสพติดให้ได้อย่างถาวร
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวมอบนโยบายและเปิดปฏิบัติการ “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ภูมิพล เฉลิมฉลอง 80 พรรษา” สรุปสาระสำคัญว่า รัฐบาลยังคงเน้นย้ำเรื่องการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป และได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายที่สำคัญในการดำเนินงานของรัฐบาล แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันในเรื่องของปัญหายาเสพติดภายในประเทศจะมีแนวโน้มที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนที่ผ่านมา แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้หมดไป และพร้อมที่จะหวนกลับมาได้ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่เราได้ช่วยกันเฝ้าระวังและดำเนินการกันอย่างจริงจังมาโดยตลอดก็ตาม ปัญหานั้นคงเป็นปัญหาในส่วนที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือเป็นเป้าหมายที่ยังมีความต้องการในการใช้ยาเสพติดอยู่นั่นเอง
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ทุกองค์กรที่ให้ความร่วมมือดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ “รวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน” ที่ได้สิ้นสุดไปแล้ว และให้ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ จนสามารถควบคุมและจำกัดขอบเขตของปัญหาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามภารกิจนี้ยังไม่จบสิ้น เพราะจะต้องช่วยกันรักษาสถานภาพไม่ให้ปัญหาหวนกลับมา และต้องสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้แก่ประเทศเพื่อลดปัญหายาเสพติดลงไป ทำให้เป้าหมายน้อยกว่า 300,000 คนให้ได้อย่างแท้จริง
“ ถึงแม้ว่าขณะนี้จะอยู่ในช่วงของการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อได้รัฐบาลใหม่ แต่ผมก็ขอให้ทุกหน่วยงานได้เน้นย้ำและสร้างความเชื่อมั่นให้กับข้าราชการและประชาชน ในความต่อเนื่องและจริงจังของรัฐบาลนี้ที่จะต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างไม่หยุดยั้งทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ และทุกตำบล จึงต้องจัดให้มีการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และจัดการกับปัญหาให้ทันท่วงที โดยมาตรการนี้แนวทางการดำเนินงานยังคงเน้นแนวคิดแก้ปัญหาที่คงเหลือ สถาปนาความมั่นคง และสร้างความยั่งยืนต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงเป้าหมาย มีคุณภาพ มีความสมดุล ขยายการดำเนินงาน เชื่อมต่อกับการแก้ไขปัญหาพื้นฐาน แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักการของความสมานฉันท์ สันติวิธี และหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่างที่ได้ให้นโยบายมาก่อนหน้านี้แล้ว ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินงานในระยะต่อไปว่า ขอให้เน้นการแก้ไขพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายที่ถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญอยู่ในเกณฑ์สูง พื้นที่พิเศษที่จะต้องเร่งรัด ลดระดับปัญหาให้เหลือน้อยที่สุด เช่น กลุ่มเด็ก เยาวชน กลุ่มนักค้ายาเสพติดระดับสำคัญ ผู้ที่เคยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ตามแนวชายแดน และพื้นที่ของเมืองสำคัญ ๆ โดยขอให้ตรวจสอบและทบทวนมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินอยู่แล้ว ว่าอะไรที่ทำดีก็ขอให้ดำเนินการต่อไป ส่วนอะไรที่ยังเป็นปัญหา มีอุปสรรคหรือว่าเป็นจุดอ่อน ก็ขอให้ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
“ ในปี 2550 นี้เป็นปีมหามงคลของประชาชนชาวไทย เนื่องจากเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา รัฐบาลได้กำหนดให้มีโครงการ “ทำดีเพื่อพ่อ” ขึ้น เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนทำความดี ละเว้นความชั่วทั้งกาย วาจา ใจ ในลักษณะต่าง ๆ กัน ซึ่งการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความดีที่จะทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงมีความปลาบปลื้มใจ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภารกิจทั้งหลายซึ่งมีความชัดเจนในระหว่างผู้ที่ปฏิบัติในฝ่ายต่าง ๆ อยู่แล้ว จะได้รับการปฏิบัติร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด และสร้างสรรค์ต่อไป และขอให้กำลังใจทุกคนทำงานด้วยความอดทน อดกลั้นและเสียสละ เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายให้สังคมไทย ปลอดจากยาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
วันนี้ เวลา 10.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายและเปิดปฏิบัติการ “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ภูมิพล เฉลิมฉลอง 80 พรรษา” ผู้เข้าร่วมงานประกอบด้วย คณะรัฐมนตรี คณะกรรมการ ศอ.ปส. คณะอนุกรรมการภายใต้คำสั่ง ศอ.ปส. หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้ว่าราชการจังหวัด รวม 400 คน จัดโดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.)
พลเอก บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในนามผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กล่าวรายงานโดยสรุปว่า นับตั้งแต่นายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายการดำเนินงานด้านยาเสพติด ให้แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดทุกจังหวัด และส่วนราชการต่าง ๆ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2549 ที่ผ่านมา ศอ.ปส. ได้มีการจัดทำปฏิบัติการ “รวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน” ตั้งแต่ 1 ธันวาคม 2549 — 30 กันยายน 2550 ที่มีแนวความคิดในการดำเนินงาน คือ “แก้ปัญหาที่เหลือ สถาปนาความมั่นคง และสร้างความยั่งยืน” มุ่งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างตรงเป้าหมายและมีคุณภาพ โดยนำแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการแก้ไขปัญหา ซึ่งได้มีการกำหนดแนวทางการปฏิบัติงานเป็นการเฉพาะ ได้แก่ การจัดระเบียบสังคมแบบบูรณาการ การติดตามช่วยเหลือ ดูแลผู้เคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เป็นต้น ตลอดจนจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นขึ้น เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้ามาเป็นผู้บริหารจัดการแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ โดยผลการดำเนินงานที่ผ่านมาของทุกหน่วยงานพบว่าส่วนใหญ่สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งเป็นผลมาจากการผนึกกำลังของทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม การดำเนินงานด้านต่าง ๆ ถึงแม้ว่าจะบรรลุผลสำเร็จได้ตามเป้าหมาย แต่เนื่องจากปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การแก้ไขปัญหาจะต้องกระทำอย่างจริงจัง ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในบางพื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร/ปริมณฑล จังหวัดชายแดนภาคใต้และพื้นที่ตามแนวชายแดน พบว่ายังคงปรากฏแนวโน้มของปัญหายาเสพติดเพิ่มสูงขึ้น จำเป็นจะต้องได้รับการแก้ไขให้ได้ผลอย่างทันท่วงที เพื่อมิให้ปัญหายาเสพติดหวนกลับคืนมาอีก
ทั้งนี้ ศอ.ปส. ได้กำหนดปฏิบัติการ “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ภูมิพล เฉลิมฉลอง 80 พรรษา” ระยะเวลา 1 ตุลาคม 2550 — 31 มีนาคม 2551 มีแนวคิดในการดำเนินงานคือ “แก้ปัญหาที่คงเหลือ สถาปนาความมั่นคงและสร้างความยั่งยืน” ในการมุ่งแก้ไขปัญหายาเสพติดอย่างตรงเป้าหมายและมีคุณภาพ เพิ่มความสมดุลของการแก้ไขปัญหา และเน้นขยายการดำเนินงาน เชื่อมต่อกับการแก้ไขปัญหาพื้นฐาน โดยมุ่งแก้ไขปัญหาในกลุ่มเป้าหมายและพื้นที่เฉพาะ ที่มีปัญหายาเสพติดอยู่ในเกณฑ์สูงเป็นพิเศษที่จะต้องเร่งรัดลดระดับปัญหาให้เหลือน้อยที่สุด ได้แก่ กลุ่มเด็กและเยาวชน กลุ่มนักค้ายาเสพติดระดับสำคัญ กลุ่มผู้ที่เคยมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ตามแนวชายแดน และพื้นที่เมืองสำคัญ นอกจากนั้นจะได้มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเข้มแข็งของพลังประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อสร้างความมั่นคงและเอาชนะยาเสพติดให้ได้อย่างถาวร
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวมอบนโยบายและเปิดปฏิบัติการ “รวมพลังไทย เทิดไท้องค์ภูมิพล เฉลิมฉลอง 80 พรรษา” สรุปสาระสำคัญว่า รัฐบาลยังคงเน้นย้ำเรื่องการต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างต่อเนื่องและจริงจังต่อไป และได้กำหนดให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายที่สำคัญในการดำเนินงานของรัฐบาล แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันในเรื่องของปัญหายาเสพติดภายในประเทศจะมีแนวโน้มที่ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อหลายปีก่อนที่ผ่านมา แต่ปัญหาก็ยังไม่ได้หมดไป และพร้อมที่จะหวนกลับมาได้ตลอดเวลา ทั้ง ๆ ที่เราได้ช่วยกันเฝ้าระวังและดำเนินการกันอย่างจริงจังมาโดยตลอดก็ตาม ปัญหานั้นคงเป็นปัญหาในส่วนที่ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงหรือเป็นเป้าหมายที่ยังมีความต้องการในการใช้ยาเสพติดอยู่นั่นเอง
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวขอบคุณทุกหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน ทุกองค์กรที่ให้ความร่วมมือดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการ “รวมพลังไทย ขจัดภัยยาเสพติด ร่วมเทิดไท้องค์ราชัน” ที่ได้สิ้นสุดไปแล้ว และให้ความร่วมมือในด้านต่าง ๆ จนสามารถควบคุมและจำกัดขอบเขตของปัญหาไว้ได้ แต่อย่างไรก็ตามภารกิจนี้ยังไม่จบสิ้น เพราะจะต้องช่วยกันรักษาสถานภาพไม่ให้ปัญหาหวนกลับมา และต้องสร้างความมั่นคงยั่งยืนให้แก่ประเทศเพื่อลดปัญหายาเสพติดลงไป ทำให้เป้าหมายน้อยกว่า 300,000 คนให้ได้อย่างแท้จริง
“ ถึงแม้ว่าขณะนี้จะอยู่ในช่วงของการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งเพื่อได้รัฐบาลใหม่ แต่ผมก็ขอให้ทุกหน่วยงานได้เน้นย้ำและสร้างความเชื่อมั่นให้กับข้าราชการและประชาชน ในความต่อเนื่องและจริงจังของรัฐบาลนี้ที่จะต่อสู้กับปัญหายาเสพติดอย่างไม่หยุดยั้งทุกพื้นที่ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ และทุกตำบล จึงต้องจัดให้มีการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์และจัดการกับปัญหาให้ทันท่วงที โดยมาตรการนี้แนวทางการดำเนินงานยังคงเน้นแนวคิดแก้ปัญหาที่คงเหลือ สถาปนาความมั่นคง และสร้างความยั่งยืนต่อไป เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงเป้าหมาย มีคุณภาพ มีความสมดุล ขยายการดำเนินงาน เชื่อมต่อกับการแก้ไขปัญหาพื้นฐาน แต่ต้องอยู่ภายใต้หลักการของความสมานฉันท์ สันติวิธี และหลักของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง อย่างที่ได้ให้นโยบายมาก่อนหน้านี้แล้ว ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินงานในระยะต่อไปว่า ขอให้เน้นการแก้ไขพื้นที่และกลุ่มเป้าหมายที่ถือว่าเป็นปัญหาที่สำคัญอยู่ในเกณฑ์สูง พื้นที่พิเศษที่จะต้องเร่งรัด ลดระดับปัญหาให้เหลือน้อยที่สุด เช่น กลุ่มเด็ก เยาวชน กลุ่มนักค้ายาเสพติดระดับสำคัญ ผู้ที่เคยมีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่ตามแนวชายแดน และพื้นที่ของเมืองสำคัญ ๆ โดยขอให้ตรวจสอบและทบทวนมาตรการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินอยู่แล้ว ว่าอะไรที่ทำดีก็ขอให้ดำเนินการต่อไป ส่วนอะไรที่ยังเป็นปัญหา มีอุปสรรคหรือว่าเป็นจุดอ่อน ก็ขอให้ปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น
“ ในปี 2550 นี้เป็นปีมหามงคลของประชาชนชาวไทย เนื่องจากเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเจริญพระชนมพรรษา 80 พรรษา รัฐบาลได้กำหนดให้มีโครงการ “ทำดีเพื่อพ่อ” ขึ้น เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนทำความดี ละเว้นความชั่วทั้งกาย วาจา ใจ ในลักษณะต่าง ๆ กัน ซึ่งการแก้ไขปัญหายาเสพติดก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในความดีที่จะทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อให้ทรงมีความปลาบปลื้มใจ” นายกรัฐมนตรีกล่าว
ในตอนท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวหวังเป็นอย่างยิ่งว่าภารกิจทั้งหลายซึ่งมีความชัดเจนในระหว่างผู้ที่ปฏิบัติในฝ่ายต่าง ๆ อยู่แล้ว จะได้รับการปฏิบัติร่วมมือกันทำงานอย่างใกล้ชิด และสร้างสรรค์ต่อไป และขอให้กำลังใจทุกคนทำงานด้วยความอดทน อดกลั้นและเสียสละ เพื่อนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายให้สังคมไทย ปลอดจากยาเสพติดอย่างยั่งยืนต่อไป
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--